เมื่อเดินไปบนถนนในเมืองโตเกียว ก็จะพบบรรยากาศของหนึ่งในเทศกาลที่เฉลิมฉลองกันไปทั่วโลก “วันคริสต์มาส” มองไปทางไหนก็มีแต่ของประดับตามเทศกาลสะดุดตา จนเราแทบจะหลงลืมไปว่า ญี่ปุ่นมีประชากรที่เป็นคนศาสนาคริสต์เพียง ”1%” เท่านั้น
แล้วด้วยเหตุใด เทศกาลคริสต์มาสถึงได้กลายเป็นที่นิยมขนาดนี้ล่ะ? แล้วเทศกาลที่มีประวัติอันยาวนานจากโลกตะวันตกนี้เข้ามาถึงญี่ปุ่นได้อย่างไรกัน?

เทศกาลคริสต์มาส ซึ่งถูกจัดขึ้นในวันที่ 25 ธันวาคมในประเทศส่วนใหญ่ในโลก (เทศกาลนี้จะถูกจัดขึ้นในวันที่ 7 มกราคมในบางประเทศ) เดิมทีมีที่มาจากการเฉลิมฉลองวันประสูติของพระเยซูเจ้า คริสต์ศาสนิกชนจะเข้าร่วมพิธีในโบสถ์ และอาจมีการจัดพิธีกรรมเหตุการณ์จำลองต้อนรับการประสูติของพระเยซู โดยการนำตุ๊กตารูปปั้นทารกมาวางในตะกร้าที่รองไว้ด้วยรางหญ้า และร้องเพลงสรรเสริญร่วมกัน ประเทศตะวันตกส่วนมากจะถือว่าเทศกาลนี้เป็นเทศกาลของครอบครัว มีการแลกเปลี่ยนของขวัญ มีการเฉลิมฉลองในบ้านภายในครอบครัวอย่างอบอุ่น

ส่วนในญี่ปุ่นนั้น เริ่มมีร่องรอยการเข้ามาของวัฒนธรรมนี้ตั้งแต่ กลางศตวรรษที่ 16 โดยกลุ่มมิชชันนารีชาวเสปนและโปรตุเกส แต่ทว่า ในยุคนั้น ญี่ปุ่นยังไม่ยอมรับการเผยแพร่ศาสนาคริสต์
จนกระทั่งหลังปี ค.ศ.1868 เป็นต้นมา ประเทศญี่ปุ่นก็เริ่มเปิดรับวัฒนธรรมจากโลกตะวันตกนี้มากขึ้น ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ชาวญี่ปุ่นชนชั้นสูงได้รับวัฒนธรรมเกี่ยวกับเทศกาลคริสต์มาสจากการติดต่อกับชาวต่างชาติ แต่เนื่องจากความเป็นชาตินิยมของญี่ปุ่น และ สงครามกับโลกตะวันตก ทำให้เทศกาลนี้ไม่ได้รับกระแสความนิยมมากนัก จนกระทั่งช่วงปี 1960 เป็นต้นมา

ในปัจจุบัน เทศกาลคริสต์มาสที่เป็นที่แพร่หลายไปทั่วโลก ก็ได้รับอิทธิพลจากหลายด้าน ในบางประเทศ เช่น คนในประเทศสหรัฐอเมริกามักจะจัดปาร์ตี้คริสต์มาสเป็นปาร์ตี้ขนาดใหญ่ เชิญเพื่อนฝูงหลายหน้าหลายตามาพบปะสังสรรค์กัน บางครั้งอาจจะมีแขกมาร่วมงานในบ้าน ๆ หนึ่ง กว่าร้อยคนเลยทีเดียว

สัญลักษณ์ของคริสต์มาสในปัจจุบัน ก็ได้เปลี่ยนไป ถ้าถามคนจากประเทศที่ไม่ได้มีศาสนาคริสต์เป็นศาสนาประจำชาติแล้ว เวลาพูดถึงคริสต์มาสแต่ละคนคงนึกถึง “คุณปู่ในชุดสีขาวแดง” หรือ “ซาสต้าคลอส” กันแทน

ประเทศที่ชื่นชอบในมาสคอต อิ่มเอมกับเทศกาลตามฤดูกาลที่แตกต่าง และมีบริษัทที่มีแผนการตลาดที่ยอดเยี่ยม
มีหรือจะรอ...

...จุดนี้แหละ...คือจุดเริ่มต้นของเทศกาลสีสันแห่งหน้าหนาวญี่ปุ่นอย่างแท้จริง...