วิธีรับมือปัญหานอกใจสไตล์สามี - ภรรยาญี่ปุ่น ฉบับปี 2022!
สังคมญี่ปุ่น:ผู้ชายอยู่นอกบ้านทำงาน ผู้หญิงอยู่ในบ้านทำงานบ้าน!
หลายคนน่าจะเคยได้ยินเรื่องราวสังคมญี่ปุ่นกันมาบ้างแล้ว โดยส่วนใหญ่แล้วผู้หญิงเมื่อแต่งงานแล้วจะผันตัวมาเป็นแม่บ้านค่ะ เพราะต้องเลี้ยงลูกและทำงานบ้าน (ประเทศเขาไม่ค่อยมีจ้างพี่เลี้ยงเด็กเท่าไหร่ เพราะราคาสูงมาก) ตื่นเช้ามาทำเบนโตะ (ข้าวกล่อง) ให้คุณสามี ซึ่งผิวเผินแล้วดูเหมือนจะคล้ายครอบครัวฝั่งไทยใช่มั้ยคะ
แต่ต่างกันที่เขาจะไม่ติดต่อกันเลย หรือไม่ติดต่อกันบ่อยในเวลางานแบบที่คนไทยเป็นค่ะ เช่นกันหากมีคนไทยไปแต่งงานหรืออยู่กินกับชาวญี่ปุ่นก็ต้องรับวัฒนธรรมนี้ไปด้วยค่ะ ปัญหานี้แหละทำให้คู่รักคนไทยญี่ปุ่นหลายคู่ที่ไม่เข้าใจทะเลาะกัน เพราะมนุษย์ผู้ชายญี่ปุ่นส่วนใหญ่นึกจะหายก็หายไปเลย ไม่แชต ไม่โทรหาหรือติดต่อกับแฟนเวลางาน เลิกงานไปกินเลี้ยงกินดื่มต่อก็ไม่ติดต่อนะ
แล้วฝ่ายหญิงก็ทำได้แค่รอเท่านั้น โทรไปตามแชตไปหาเป็นเรื่องที่ผู้หญิงญี่ปุ่นไม่ค่อยทำค่ะ สามารถนับประโยคการคุยกันได้เลยว่าอาจจะมีแค่ถามอ้อม ๆ ว่า "ทานข้าวเย็นมั้ย" หรือ กลายเป็นฝากซื้อของเข้าบ้าน (เป็นการตามกลับบ้านแบบอ้อม ๆ) ประมาณนี้ค่ะ เรียกได้ว่าสุดโต่งในการใช้ชีวิต ชายใช้ชีวิตเวลานอกบ้านมากกว่าในบ้าน ในขณะเดียวกัน หญิงก็ใช้เวลาหมดไปในบ้านมากกว่านอกบ้าน แต่ไม่ได้การันตีว่าฝ่ายชายหรือหญิงจะไม่แอบไปทำอะไรที่ไหนต่อนะ
แน่นอนว่าปี 2022 แล้ว แม้สังคมญี่ปุ่นจะเปิดรับการทำงานออฟฟิศของผู้หญิงเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมแล้ว ไม่ได้มีคนลาออกเพราะแต่งงานหรือมีลูกเท่าเมื่อก่อน แต่ว่างานบ้านก็ต้องไม่บกพร่องเช่นกัน
ความสุดโต่งแบบนี้ทำให้ความสัมพันธ์บางทีก็สั่นคลอน มองหาความตื่นเต้นและความรู้สึกวาบหวามเพิ่มเติมเกิดขึ้นได้ การนอกใจของคู่รักแบบญี่ปุ่นในปัจจุบันจึงไม่ได้มีฝ่ายชายซะส่วนใหญ่แบบเดิมอีกแล้ว แต่เริ่มมีฝ่ายหญิงด้วยค่ะ
สัญญาณการนอกใจของสามี - ภรรยาแบบญี่ปุ่น
มาเข้าเรื่องกันดีกว่า สามีภรรยาญี่ปุ่นเนี่ยเขาจะเริ่มระแวงและตะขิดตะขวงใจก็คล้าย ๆ กับชนชาติอื่นนี่แหละค่ะ แต่พฤติกรรมผู้ชายที่นอกใจ และ ผู้หญิงที่นอกใจ จะแตกต่างกันพอสมควรตามลักษณะสังคมความเป็นอยู่แบบญี่ปุ่น ผัวเมียญี่ปุ่นเขาจับสัญญาณนอกใจ ดังนี้ค่ะ
ฝ่ายชาย
1. ตอนอยู่ด้วยกันไม่ดูโทรศัพท์เลย สายเข้าไม่รับ
2. หากอยู่ต่อหน้ามีข้อความ อีเมล หรือแชตส่วนตัวเข้ามาก็ปัดทิ้ง บ้างก็มีประวัติยกเลิกการส่งข้อความไปดื้อ ๆ
3. อยู่ดี ๆ ก็ใจดี ตามใจโดยไร้สาเหตุ เทคแคร์ดีเหลือเกิ้น~
4. เดินแยกไปรับสายมือถือ ทำเป็นคุยแต่เรื่องงาน หรือมีธุระด่วนเกี่ยวกับที่ทำงาน
5. ติดต่อกลับทีลำบากเสียเหลือเกิน
6. เมื่อทะเลาะกัน โยนความผิดให้เราเป็นฝ่ายรู้สึกผิด เพื่อกลบเกลื่อนความผิดที่ตัวเองทำ
7. ดูแลตัวเองอย่างผิดปกติจากที่เคยเป็น อาทิ ฉีดน้ำหอม เซ็ทผม เป็นต้น
8. มีกลิ่นน้ำหอมแปลก ๆ ติดตัวมาด้วย หรือร่องรอยเครื่องสำอางบนเสื้อผ้า แน่นอนว่าไม่ใช่ของคุณสามีตัวดีแน่
9. ออกไปทำกิจกรรมนอกบ้านบ่อยแต่อ้างเรื่องงานไปเสียทั้งหมด โดยไม่ยอมมีเวลาให้เลย เช่น ออกไปตีกอล์ฟ ออกไปกินดื่มที่อิซากะยะ เป็นต้น ข้อนี้แม้คนญี่ปุ่นจะไม่ใช่ชาติที่แสดงออกทางความรักชัดเจนนัก หรือไม่ได้โรแมนติกเท่ากับชนชาติอื่น ๆ อย่างไรเสียเขาก็ต้องมีมุมที่ให้เวลาแล้วแสดงออกกับคนรักอย่างส่วนตัวค่ะ
10. เอาเบนโตสื่อรัก(愛妻弁当 : Aisaibento)หรือเมนูข้าวกล่องอาหารเที่ยงจากภรรยาที่รักไปทิ้งถังขยะ ไปขาย หรืออยู่ดี ๆ บอกให้แฟนตัวเองเลิกทำเบนโตให้เถอะ จากเดิมที่ชอบรสมือปลายจวักภรรยามาก ๆ
11. แอบรูดบัตรเครดิตหรือเดบิตใช้จ่ายผิดปกติ ไปกับร้านอาหารนอกบ้านหรือกับการซื้อสินค้าบางอย่างที่ดูเหมือนเป็นของที่ระลึกแทนใจ เช่น ซื้อเครื่องประดับผู้หญิง แต่ก็ไม่ได้เอามาให้ตัวเราซึ่งเป็นภรรยา เป็นต้น
ฝ่ายหญิง
1. หากอยู่ต่อหน้า มีข้อความ อีเมล หรือแชตส่วนตัวเข้ามาก็ปัดทิ้ง บ้างก็มีประวัติยกเลิกการส่งข้อความไปดื้อ ๆ หรือนั่งจิ้มแชตบ่อย ๆ
2. เสริมสวยหรือดูแลตัวเองมากกว่าปกติทั้งเวลาอยู่ที่บ้านและออกไปนอกบ้าน โดยทำหลายอย่างในเวลาเดียวกัน อาทิ ฉีดน้ำหอม เปลี่ยนลุคเลือกซื้อชุดสวย ๆ มาใส่ แต่งหน้าอาจไม่จัดมากแต่แปลกตา ไดเอต เป็นต้น
3. ออกไปช็อปปิ้ง จ่ายตลาด เดินซุปเปอร์มาเก็ตเป็นเวลานานบ่อย ๆ แต่กลับกลายเป็นว่าซื้อของกลับมานิดเดียว หรือ นัดกับคนไม่คุ้นเคยที่อาจไม่เคยแนะนำไปช็อปปิ้งด้วยกัน
4. เมื่อทะเลาะกัน โยนความผิดให้เราเป็นฝ่ายรู้สึกผิด เพื่อกลบเกลื่อนความผิดที่ตัวเองทำ อาจเป็นการร้องไห้พลิกสถานการณ์หรือเย็นชาใส่ไปเลย
5. ติดต่อกลับทีลำบากเสียเหลือเกิน
6. เดินแยกไปรับสายมือถือ ทำเป็นคุยแต่เรื่องงาน หรือมีธุระด่วนเกี่ยวกับที่ทำงาน
7. ทำเบนโตสื่อรัก(愛妻弁当 : Aisaibento)หรือเมนูข้าวกล่องอาหารเที่ยงให้สามีหรือแฟนอย่างขอไปที ปกติเบนโตสื่อรักเนี่ยแม่บ้านญี่ปุ่นใส่ใจมากเลยค่ะ(แม้จะขี้เกียจในบางคราว) เนื่องด้วยวัฒนธรรมเรื่องงานบ้านเป็นของฝ่ายหญิงในการดูแลสามีและลูก แม้นี่จะปี 2022 แล้วก็ยังมีอยู่นะ ควบคู่ไปกับภรรยาบางคนที่ต้องดูแลงานบ้านและออกไปทำงานด้วย
8. มีรูปถ่ายความทรงจำบรรยากาศหรือที่เที่ยวแล้วมีแคปชั่นใต้รูปอย่างมีนัยยะบางอย่างลง SNS หรือเก็บไว้ในมือถือหรือไฟล์ส่วนตัว **คนญี่ปุ่นไม่นิยมถ่ายรูปเซลฟี่ตนเองและผู้อื่นเพราะหวงเรื่องสิทธิส่วนบุคคล แต่มักจะถ่ายรูปบรรยากาศเอาไว้ค่ะ โดยส่วนมากเป็นฝ่ายหญิง**
9. แอบเก็บของที่ระลึกไว้แทนใจหรือทำของ Hand made แทนใจให้คนอื่น ซึ่งอาจอ้างว่าเป็นเพื่อน
อ่านมาจนถึงตรงนี้แล้ว รู้สึกว่าคล้ายกับคนไทยมั้ยคะ ทั้งนี้ที่กล่าวสัญญาณนอกใจทั้งในฝ่ายชายหญิงนี้ ไม่ได้แปลว่าแฟนของเราตรงข้อใดข้อนึงแล้วเป็นการนอกใจนะคะ ต้องเกิดพฤติกรรมซ้ำเป็นเวลานาน ๆ หลายครั้งด้วยค่ะ คู่รักใครเริ่มเข้าข่ายนี้เตรียมรับมือไว้ได้เลย
แต่เราเชื่อว่าทุกคนย่อมมีเซนส์ (Sense) การรับรู้อีกฝ่ายได้อย่างดีเมื่อเริ่มมีความลับต่อกันหรือโกหกซึ่งกันและกัน (โดยเฉพาะของผู้หญิงเรานั้นแม่นเสียยิ่งกว่าอะไร ไม่ว่าชนชาติไหน ก็ใช้สัญชาตญาณที่สั่งสมมากันทั้งนั้น 555)
ขั้นไหนที่เรียกว่า “การนอกใจสำหรับชาวญี่ปุ่น” กันนะ
รู้หรือไม่! มุมมองและการกระทำฝั่งชายและหญิงไม่เหมือนกันนะคะ จากข้างต้นที่กล่าวถึงเวลาในการใช้ชีวิตฝ่ายชายอยู่นอกบ้าน และฝ่ายหญิงอยู่ในบ้าน ทำให้มันเป็นปัญหาต่อมุมมองการนอกใจด้วยค่ะ
Moonlight Yoku ขอเล่าแบบไต่ระดับไปตามความลึกซึ้งของความสัมพันธ์แล้วกันค่ะ
1. การออกนอกบ้านไปเที่ยว สามีมักจะมองว่าการที่ภรรยาออกไปข้างนอกแบบไปเที่ยวกับคนอื่นที่เป็นเพื่อนต่างเพศไม่ได้ มองว่านั่นเป็นเดทอย่างหนึ่ง ต้องอธิบายเลยว่าไปที่ไหนกับใคร ด้วยเหตุนี้อัตราผู้หญิงที่ถ้าเขาแอบนอกใจ มักจะไปห้างสรรพสินค้าหรือไม่อีกทีก็ที่เที่ยวต่างจังหวัด สวนสาธารณะสวย ๆ ก็เพราะนั่นเป็นข้ออ้างที่ดีที่สุดในการออกจากบ้าน
ในขณะที่ฝั่งภรรยามีมุมมองว่าฝ่ายชายสามารถออกไปนอกบ้านกับใครก็ได้ ไม่ได้ท้วงติงเพราะใด ๆ ล้วนเป็นการทำงาน ไปทานข้าวด้วยกันไม่ได้แปลว่ามีแนวโน้มนอกใจ แต่ถ้าเที่ยวกัน 2:2 บ่อย ๆ ก็เริ่มเอ๊ะเหมือนกันนะ แต่การที่ฝ่ายผู้หญิงซักถาม ขณะนั้นอาจเป็นผู้หญิงที่ดูเยอะไป นี่ล่ะค่ะสังคมญี่ปุ่น โดยเฉพาะผู้หญิงสมัยก่อนไม่ค่อยกล้ามีปากเสียงกับสามีตัวเองเท่าไหร่นัก
Hint:สถานที่หรือสภาพแวดล้อมที่นำพาไปสู่การนอกใจจากผลสำรวจปี 2021 พบว่ามักจะเป็น 1. สถานที่ทำงาน 2.ความสัมพันธ์ที่เกินเลยจากเพื่อนมาเป็นชู้หรือกิ๊ก และ 3.พบกันจากแอพลิเคชั่นออนไลน์ จำพวกแอพเดทหรือแชต]
2. การกอด สามีหากกอดกับคนอื่นแล้วภรรยาเห็นคาตาเนี่ยอาจจะประเมินสถานการณ์ตามสัญชาตญาณค่ะ ไม่ได้ด่วนสรุปว่าเขานอกใจ อาจจะคิดว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า เขาไม่สบายใจหรือเสียใจอะไรมา กอดในฐานะเพื่อนหรือไม่ แต่ถ้าเป็นภรรยาไปกอดกับชายอื่น สามีด่วนสรุปเลยค่ะว่า "นอกใจ" เพราะไม่ควรในมุมมองเขา
3. การจับมือและการจูบ สามีถ้าเห็นภรรยาจับมือกับชายอื่นก็นับแล้วเริ่มสงสัยแล้วค่ะว่า เธอนอกใจหรือเปล่า! ในขณะเดียว ภรรยาเห็นสามีจับมือกับหญิงอื่น บางคนอาจจะไม่ติดใจ แต่บางคนก็ได้แต่เก็บงำความสงสัยไว้ในใจ ตรวจนับจากเซนส์ตัวเอง แต่สำหรับการจูบแล้วไม่ว่าชายหรือหญิงก็นับว่าเป็นการนอกใจอยู่แล้วค่ะ เรื่องแบบนี้เป็นที่เข้าใจกันได้ทั่วโลก
4. ความสัมพันธ์ทางกาย หรือการมีเซ็กซ์ (Sex) แน่นอนว่าทั้ง 2 ฝั่งไม่ว่าจะชายหรือหญิงถ้ามาถึงขั้นนี้ตัดสินแน่นอนค่ะว่านอกใจ แม้จะมีคำอ้างร้อยแปดว่านอกกายเฉย ๆ ไม่นอกใจก็อ้างไม่ขึ้นค่ะ
อ่านบทความเต็ม: www.lovatomy.jp
ชนชาติไหนก็มีปัญหาเรื่องนี้
ไม่ว่าชาติไหนก็หนีไม่พ้นปัญหาสุดคลาสสิคแบบนี้จึงนำไปสู่การหย่าร้างที่มากขึ้น! ตอนนี้ที่ญี่ปุ่นพบว่าทุกๆคู่รัก 3 คู่จะมีคู่รัก 1 คู่ที่หย่าร้างกันหรือคิดเป็น 1 ใน 3 และมีทีท่าจะมาเพิ่มมากขึ้นด้วยนะ ซึ่งนอกจากเรื่องปัญหาเรื่องเซ็กส์แล้ว แล้วในมุมมองแต่ละฝ่ายการนอกใจสรุปได้ว่า
“ฝ่ายชายเป็นไปจากปัจจัยการเลือกคู่ที่ตอบสนองทางกายภาพ ตอนเริ่มรักกับแต่งงานไม่เหมือนกันเลย และความต้องการในรูปร่าง อายุและเซ็กซ์ ส่วนฝ่ายหญิงเป็นไปจากปัจจัยการเลือกคู่ที่ตอบสนองทางจิตใจ ต้องการคนที่รับฟังแล้วดูแลจิตใจ แน่นอนว่าเซ็กซ์เองก็มีผลด้วยเป็นประเด็นหลักเหมือนกัน”
โดยเราอ้างอิงจาก:https://prtimes.jp/main/html/rd/p/000000007.000078889.html ซึ่งเป็นผลสำรวจปี 2022 ที่ผ่านมานี้เองค่ะ
ส่วนการเลิกรามุมมองฝ่ายชาย คือ นิสัยเข้ากันไม่ได้ อยู่ไปอึดอัดทำร้ายจิตใจเปล่า ๆ และ ความสัมพันธ์กับคนในครอบครัวหรือญาติพี่น้องไม่ดี
ส่วนฝ่ายหญิงได้ให้เหตุผลที่หย่า เพราะนิสัยเข้ากันไม่ได้ ไม่ช่วยรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน และอยู่ไปก็ทำร้ายจิตใจกันเปล่า ๆ ซึ่งเหตุผลนี้ดูจะเป็นพิธีการกว่าแบบสำรวจ เนื่องจากเป็นเหตุผลที่กรอกเอกสารการหย่า สรุปคือ จากหมั่นเติมความหวานให้กันก็เริ่มเปลี่ยนแปลงไปจนกลายเป็นความชินชาไปเรื่อย ๆ ก็เป็นมูลเหตุสำคัญต่อการเลิกราค่ะ
การรับมือกับปัญหานอกใจสไตล์ญี่ปุ่น
เอาล่ะ หลาย ๆ คนที่เข้ามาอ่านบทความนี้ ไม่ว่าจะเป็นคนที่ชอบศึกษาเรื่องสังคมคนญี่ปุ่น คนที่มีแฟนเป็นคนญี่ปุ่น หรือใครก็ตาม หากเพื่อน ๆ มีปัญหาเรื่องการนอกใจล่ะก็ ลองไปดูวิธีของเหล่าคนญี่ปุ่นกันดีกว่าว่าถ้าเกิดเหตุการณ์นี้กับตัวเองแล้ว พวกเขามีวิธีแก้ไขปัญหาอย่างไรกันบ้าง ไปชมพร้อมกันเลย!
1. สงบสติแล้วนิ่งสงบ สยบความเคลื่อนไหว
เมื่อได้กลิ่นไม่ชอบมาพากลหรือมั่นใจแล้วว่าสามีตัวเองแอบไปมีกิ๊กแน่เลย Moonlight Yoku ขอนำคำสาวญี่ปุ่นมาฝากทุกคน เขาก็แนะนำว่า "อย่าเพิ่งโวยวาย โมโหโทษสามี หรือจะไปตีฟันเมียน้อยจนควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่" เพราะขอบอกเลยว่าโมโหไปก็เท่านั้น มีแต่ทะเลาะกันเปล่า ๆ แถมบางครั้งผู้หญิงเองกลับจะมาต้องรู้สึกผิดอีก ผลลัพธ์ที่ออกมากลับตรงกันข้ามไปเสียหมด ไม่มีอะไรดีขึ้นเลยค่ะ
ดังนั้น อันดับแรก ใจเย็นๆ ดึงสติตัวเองให้ไว คิดไว้ว่าเราสวย เราเก่ง เราสามารถรับมือกับปัญหาได้ทุกอย่าง แล้วค่อยเผชิญหน้าพูดคุยกับสามี (ตัวปัญหา) แบบจริงจัง เช่นกันถ้าปัญหานี้เกิดกับสามีที่ภรรยาท่าทางจะแอบปันใจให้คนอื่นเสียแล้วก็อย่าเพิ่งไปต่อว่าด่าทอเธอก่อน คิดในใจว่าเราดีพอ เรารับมือกับปัญหาได้แน่ บางทีเธออาจจะไม่ได้มีอะไรก็ได้ แล้วลองคุยกันอย่างจริงจังโดยปราศจากอารมณ์รุนแรงเสียก่อน
2. อย่าควบคุมมากเกินไป
ไม่มีใครชอบความสัมพันธ์ที่อีกฝ่ายคอยคอนโทรล (Control) หรือควบคุมเราเป็นรีโมทเกมหรอกค่ะ ปัญหานี้เป็นเรื่องที่สาว ๆ คนไทยหลายคนอาจเผลอทำกับแฟนหนุ่มญี่ปุ่นโดยไม่รู้ตัว
ภรรยาหลายคนไม่น้อยเมื่อเห็นท่าทีไม่น่าไว้ใจก็เริ่มจับตาสามีมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นแอบโหลดแอพ GPS ตามสะกดรอยสามีในการใช้ชีวิตในแต่ละวัน ห้ามสามีไม่ให้ไปงานโนมิไก (งานเลี้ยงกินเหล้า) จำกัดการใช้เงินสามีหรือลดเงินที่เลี้ยงดูภรรยาลดลง ห้ามอีกฝ่ายไปตีกอล์ฟเล่นหรือออกไปเที่ยว
คำพูดนี้อาจจะแรงไปปหน่อย แต่เรียกว่านั่นเป็นความเห็นแก่ตัวค่ะไม่ใช่ความรัก เป็น Toxic relationship ที่อยู่ไปแล้วยิ่งเป็นพิษทรมานใจกันไปเปล่า ๆ แถมสร้างรักให้ร้าวด้วยนะคะ ยิ่งในสังคมญี่ปุ่นแล้วนั้นความเป็นส่วนตัวเป็นสิ่งสำคัญแม้เป็นคนรักกันยิ่งต้องให้เกียรติและไว้เนื้อเชื่อใจกันน้า
3. ถ้ามีมูลความผิดก็ค่อย ๆ เก็บหลักฐาน
พอมาถึงข้อนี้ทุกคนเริ่มเอ๊ะ! แน่เลย ไหนบอกให้เชื่อใจไงล่ะ ไหนว่าไม่ควรต้องไปตามติดชีวิตไงล่ะ แล้วถ้ามันมากกว่าสัญชาตญาณส่วนตัว แต่เริ่มมีมูลแล้วล่ะ มีทั้งรอยลิปสติก มีกลิ่นน้ำหอมผู้หญิงฝากมา เราจะไม่ทำอะไรเลยหรอ
ถ้ามันถึงขั้นนั้นที่เริ่มมีหลักฐานแล้วก็ค่อย ๆ เก็บหลักฐานไว้แล้วกันค่ะ อย่าทำให้อีกฝ่ายไหวตัวทันก่อน เมื่อหลักฐานมากพอค่อยตัดสินใจกับตัวเองว่าจะทำอะไรต่อ ไปต่อกับความสัมพันธ์แบบนี้ เดินหน้าไปคุยเคลียร์ปัญหา หรือพอแค่นี้เลยตัดจบความสัมพันธ์
4. หลักฐานมัดตัวแล้ว จะเลิกไม่เลิกดีล่ะ
เอาล่ะคุยกันก็แล้ว ปรับความเข้าใจก็แล้ว เขายังทำตัวติดลูปเหมือนเดิมแถมเก็บความลับได้แพรวพราวกว่าเดิมอีก เราคงต้องเลือกแล้วละจะสู้ต่อหรือจะปิดจ้อบทางใครทางมัน
เวลาแม่บ้านญี่ปุ่นเขาคุยกันในเว็บบอร์ด (เรียกซะเก่าแต่มีจริง ๆ นะ) เขาบอกว่ารีบปิดจ็อบไปเลย เจ็บแต่จบ เพราะเหล่าแม่บ้านบอกว่าการนอกใจก็เหมือนแมลงสาบ ถ้าเจอหนึ่งตัวแล้วละก็ยังไงซะก็ต้องมีอีก 100 ตัว (เปรียบได้เห็นภาพจริงๆ) ทีมแม่บ้านที่ขอเลือกวิธีนี้ ต่างลงความเห็นกันว่าทนไปก็มีแต่จะเจ็บกัน ตัดเรื่องแย่ ๆ เอาเวลาไปทำชีวิตให้ดีขึ้นและมีความสุขดีกว่า ซึ่งวิธีนี้ที่จริงใช้ได้ทั้งชายหญิงเลยนะคะ
ส่วนคนที่ยังยอมทน อาจเนื่องด้วยมีลูกด้วยกัน หรือมีปัญหาด้านการเงินเพราะเมื่อแต่งงานแล้วก็เป็นแม่บ้านเต็มตัว อย่างแรกอยากให้ถามใจตัวเองด้วยค่ะว่ารั้งเขาไว้เพราะลูกจริง ๆ หรือ ยกเรื่องลูกมาหลอกความรู้สึกตัวเองว่ารักเขาอยู่แล้วไม่มูฟออนกับชีวิต
จากนั้นแนะนำว่าอย่าเพิ่งไปโมโหตีโพยตีพาย ค่อย ๆ พูด เอาความอ่อนโยนเข้าสู้ เอาน้ำเย็นลูบน้ำร้อนค่อยปรับเข้าหากัน หากเจอเหตุการณ์อะไรอีกนอกการจากปิดตาข้างเดียวก็ควรยอมรับความจริงด้วย เบี่ยงเบนความสนใจของตัวเราเอง ไปหากิจกรรมสนุก ๆ ให้ชีวิต หรือหาอย่างอื่นที่ทำแล้วเรามีความสุขมากขึ้น จะได้ไม่ฟุ้งซ่านจมดิ่งกับความเครียด
5. ตัดสินใจแล้วแต่มันตัดไม่ขาดเพราะพันธะ ก็ต้องพึ่งพากฎหมายและนักสืบชู้สาวกันบ้างแหละ!
พันธะการแต่งงานจดทะเบียนเนี่ยไม่ง่ายเลยนะที่จะตามให้อีกฝ่ายมาเซ็นต์ชื่อ หรือประทับตราหย่าได้ ในกรณีที่ตามอีกฝั่งมายินยอมด้วยไม่ได้ การจัดการปัญหาอันนี้แยกได้ 3 ประเด็นเลยนะคะ ไม้แข็งทั้งหมด! มีอะไรบ้างอ่านต่อกันเลย!
5.1 คนญี่ปุ่นนิยมทำกันอาจต้องขอแรงมืออาชีพ ด้วยนักสืบชู้สาว
ทำตามวิธีนู้นก็แล้ว นี้ก็แล้วยังจับหลักฐานสามีตัวดีไม่ได้สักที อย่างนี้คงต้องพึ่งมืออาชีพแล้วแหละ
เพื่อน ๆ เชื่อมั้ยคะว่าที่ญี่ปุ่นมีธุรกิจนักสืบที่รับจ้างสืบเรื่องชู้สาวโดยเฉพาะ แถมยังเปิดให้บริการกันอย่างกว้างขวาง จริงจังเลยแหละ แค่เสิร์ชในอินเตอร์เน็ตก็เจอ ใช้เวลาไม่นานในการสืบและเก็บเรื่องราว ประมาณ 3-5 วัน ราคาก็ซักสองแสนเยนขึ้นไป (หกหมื่นกว่าบาท) จะให้ไปเก็บข้อมูล เก็บหลักฐานวันไหน ช่วงเทศกาลไหน สถานที่ไหนก็ได้
เช่น ตอนสามีต้องไปทำงานต่างจังหวัด ช่วงไปตีกอล์ฟแล้วดีลกับแคดดี้ หรือช่วงเทศกาลวาเลนไทน์ก็ตามแต่สะดวก ไม่คิดค่าใช้จ่ายเพิ่มอีก ทุกอย่างอยู่ในแพคเกจที่จ่ายไป ตัวอย่างกรณีรู้เป้าหมายแล้ว นักสืบก็จะเริ่มจากบ้านของฝ่ายหญิงแล้วตามไปเรื่อย ๆ ว่าหนึ่งวันทำอะไรบ้าง เจอกับสามีเวลาไหนบ้าง เท่านี้ก็ได้หลักฐานมัดตัวเรียบร้อย
5.2 ตรวจ DNA กันไปเลย เดี๋ยวนี้มีเป็นธุรกิจใหญ่โต (ญี่ปุ่นเท่านั้น)
แม่บ้านญี่ปุ่นสายสตรองแนะนำให้ตรวจ DNA กันไปเลยจะได้รู้แล้วรู้รอด จะได้เลิกมโนไปเองแล้วมีหลักฐานเป็นชิ้นเป็นอัน เอาให้ชัวร์ไปเลยคงต้องทำตามวิธีนี้ในกรณีที่เราจับได้ว่าเลยเถิดถึงขั้นมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกันทางกาย แต่อาจต้องลงทุนลงแรงเล็กน้อย เพราะต้องแอบเก็บหลักฐาน (แอบละเมิดความเป็นส่วนตัวตรงนี้นิดนึง) เช่น ชุดชั้นใน เสื้อผ้า หรือเส้นผม แล้วเก็บใส่ถุงซิปล็อคอย่างดี แล้วนำไปตรวจ
ได้ยินคำว่าตรวจ DNA ใช่ว่าจะยาก เดี๋ยวนี้มีบริการเฉพาะทางที่ขั้นตอนสมัครง่ายมาก ๆ แค่ลงทะเบียนในโฮมเพจ ส่งหลักฐานทางไปรษณีย์ รอผลตรวจที่บ้าน 2-3 อาทิตย์ก็รู้ผลแล้วค่ะ
ราคาถูกสุดที่ Moonlight Yoku เห็นก็ประมาณ 63,800 เยน (หมื่นเจ็ดพันบาทต้น ๆ ก็ตรวจได้แล้วค่ะ) ซึ่งขึ้นอยู่กับว่าคุณตรวจ DNA จากอะไร เส้นผม เลือด น้ำลาย ปัสสะวะ คราบอสุจิ ต้องการข้อมูลละเอียดแค่ไหน ราคานี่คือแพคเกจที่ใช้เป็นหลักฐานประกอบทางกฏหมายญี่ปุ่นได้ด้วยนะ แล้วคุณจะรู้ว่าวิทยาศาสตร์มันดีงี้นี่เอง!!!
ส่วนในกฏหมายไทย การตรวจ DNA ยังคงต้องได้รับความยินยอมของอีกฝ่ายนะคะ ยกเว้นเราเป็นผู้ถูกกระทำโดนกระทำชำเราแล้วเราไปตรวจ DNA บนตัวเราเนี่ยได้นะ เพื่อเป็นหลักฐานคดี ใครสนใจก็ลองเข้าไปดูในเว็บไซต์ http://dna.jpn.com/dna_uwaki.html ใครที่กำลังกลุ้มใจอยู่ก็ลองดูไว้เป็นทางเลือกได้นะ
※ อ้อ~หลักฐานนี้ใช้ฟ้องหย่าตามกฎหมายญี่ปุ่นได้ ต้องเป็น DNA ส่วน เลือด น้ำลาย ปัสสะวะ และคราบอสุจิเท่านั้นนะคะ ส่วนเส้นผมตรวจได้นะแต่ไม่สามารถผูกมัดคดีได้ มักใช้ตรวจเพื่อรับรองบุตรเสียมากกว่าค่ะ
5.3 หย่าร้างหรือใช้กฏหมายบังคับคดีครอบครัว "ฟ้องหย่า!"
ถ้ามันจำเป็นเพื่อความสุขของทั้ง 2 ฝ่ายก็เป็นอิสระต่อกันเถอะค่ะ ส่วนจะส่งเสียค่าเลี้ยงดูบุตรและค่าหย่าร้างกันอย่างไรก็เป็นไปตามกฏหมายและตามตกลงกันในสัญญาดีกว่าปล่อยให้ปัญหากระทบกันแบบนี้ สุขภาพกายจิตเสียไปไม่คุ้มเลย สำหรับเคสนี้มักได้รับความนิยมมากที่สุดในบรรดาที่กล่าวมา โดยเฉพาะในวงการบันเทิงของญี่ปุ่น
ในกรณีใกล่เกลี่ยกันได้อาจไม่ต้องใช้เอกสารยืนยันเยอะ ต้องมีเอกสารจากสถานฑูตไทย ขอทะเบียนครอบครัวญี่ปุ่น (โคเซกิโทฮง) ด้วยนะคะ สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ https://site.thaiembassy.jp/th/services/legalization/11267/?sphrase_id=15986254 (เริ่มใช้ตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2022 นี้) รายละเอียดเป็นภาษาไทยค่ะ ดังนั้น ใครที่ไม่เก่งภาษาไม่ต้องกังวลไปเลย
สำหรับชาวต่างชาติแบบเรา กรณีจดทะเบียนหย่ากับชาวญี่ปุ่น ต้องมีตราประทับพร้อมแบบ One Stop Service ในส่วนขั้นตอนการหย่าที่ประเทศญี่ปุ่น ขออ้างอิงจาก Kobe International Community Center หรือ KICC ดังนี้ค่ะ https://www.kicc.jp/th/living_guide/living/troubles/rikon รายละเอียดเป็นภาษาไทยเช่นกันค่ะ
บทส่งท้าย
Moonlight Yoku เชื่อว่าทุกคนมีคุณค่าในตัวเองนะคะ อย่าเอาชีวิตไปทิ้งกับอะไรที่เป็นทุกข์เลยค่ะ ยิ่งคู่ชีวิตแล้วเราเป็นคนเลือกมาแต่อย่าลืมว่าเราก็เลือกตัดได้เหมือนกันนะคะ ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขด้วยตนเองเถอะค่ะ ชื่นชมสิ่งรอบตัวเราเล็ก ๆ อย่าง แต่งตัวสวย หน้าผมสวย งานที่ทำดีจังเลยนะ อะไรแบบนี้
ชีวิตเราจะค่อย ๆ ดึงดูดสิ่งที่ดีขึ้น เมื่อเราสดใสขึ้น ใคร ๆ ก็อยากเข้าหา มีแต่จะดึงสิ่งดี ๆ เข้ามาในชีวิตน้า~ ไว้พบกับใหม่บทความถัดไปค่ะ สวัสดีค่ะ