All About Japan

สมัครงานอย่างไรให้โดนใจกรรมการ! เคล็ดลับวิธีการกรอกใบเรซูเม่แบบญี่ปุ่น

ทำงานในญี่ปุ่น
สมัครงานอย่างไรให้โดนใจกรรมการ! เคล็ดลับวิธีการกรอกใบเรซูเม่แบบญี่ปุ่น

คราวนี้ Moonlight Yoku จึงขอมาแนะแนวทางการเขียนอย่างคร่าว ๆ เพื่อไปปรับใช้กับแต่ละบุคคล ตั้งแต่เริ่มเตรียมเรซูเม่แบบญี่ปุ่น กระทั่งวิธีการเขียนเรซูเม่ในแบบฟอร์มด้วยตนเอง หรือแม้กระทั่งส่งเรซูเม่ทางอีเมลไปบริษัทญี่ปุ่น เพื่ออย่างน้อยจะได้มีโอกาสในการถูกเรียกสัมภาษณ์งานในบริษัทญี่ปุ่นหรือทำงานในประเทศญี่ปุ่นค่ะ

ทำความรู้จักเรซูเม่ (Resume) แบบญี่ปุ่น:ริเระคิโช (Rirekisho)

ทำความรู้จักเรซูเม่ (Resume) แบบญี่ปุ่น:ริเระคิโช (Rirekisho)

https://pixta.jp/

การสมัครงานทั่วไปของบริษัทไทยหรือต่างชาติเราก็มักจะดีไซน์เรซูเม่ (Resume) ได้เองหรือไปกรอกเอกสารประวัติส่วนตัวที่ทางบริษัทเป็นคนออกแบบฟอร์มภายในใหม่ใช่มั้ยล่ะ แต่สำหรับบริษัทในญี่ปุ่นหรือบริษัทต่างชาติในญี่ปุ่นนั้น เขาจะให้คุณเตรียมเรซูเม่แบบญี่ปุ่นหรือที่คนญี่ปุ่นเรียกว่า ริเระคิโช (Rirekisho: 履歴書) หน้าตาแบบฟอร์มจะไม่เหมือน Resume หรือ CV ทั่วไป เพื่อให้การสมัครงานเป็นไปโดยง่ายและเป็นระเบียบ ไม่มี Bias ต่อแต่ละบุคคล พิจารณาที่ประวัติและความสามารถล้วน ๆ

ซึ่งเจ้า Rirekisho ก็เปรียบเสมือนหน้าตาของเราเลยค่ะ ต้องทำให้สะอาดน่ามอง ดูเรียบร้อยแต่น่าดึงดูดให้เรียกสัมภาษณ์ รวมถึงต้อง “ตั้งใจและใส่ใจแบบญี่ปุ่นด้วย” หมายความว่าแม้จะเป็นแบบฟอร์มให้กรอกหน้าตาเหมือนกัน แต่เนื้อหาที่เขียนจะเปลี่ยนไปตามแต่ละบริษัทที่เราสมัครด้วยค่ะ เพราะเขาไม่ได้เขียนแค่ข้อมูลส่วนบุคคลแต่เขียนถึงความตั้งใจในการมาสมัครที่บริษัทรวมถึงการพัฒนาตนเองให้เติบโตไปกับบริษัทด้วย ทำให้เราต้องกรอกใหม่เขียนใหม่ทุกครั้ง

ซึ่งจุดนี้เองที่แตกต่างกับ CV หรือ Resume แบบสากลเพราะในรายละเอียดนั้นเราจะเขียนแต่ข้อมูลสำคัญ ส่วนเนื้อหาในเรื่องความตั้งใจในการมาสมัครอาจจะอยู่ใน E-mail และ Cover Letter เสียมากกว่า แล้วทุกคนรู้ไหมว่าใบเรซูเม่ญี่ปุ่นนี่ล่ะ สามารถใช้ทั้งสมัครงานประจำหรืองานพาร์ไทม์ (Part-time) ในประเทศญี่ปุ่นเลย ใบเรซูเม่ที่ว่านี้ก็หาซื้อได้ง่ายมากในญี่ปุ่น มีทั้งในร้านสะดวกซื้อ ร้าน 100 เยน เป็นต้น

เอาล่ะ เรามาเริ่มเตรียมตัวเขียนเรซูเม่ญี่ปุ่นไปพร้อมกันดีกว่า ก่อนอื่นเข้าไปดาวน์โหลดไฟล์ที่ https://doda.jp/guide/rireki/template/ (เนื้อหาเป็นภาษาญี่ปุ่นนะคะ)

ลักษณะเรซูเม่ญี่ปุ่นที่ดีต้องเป็นแบบนี้!

ลักษณะเรซูเม่ญี่ปุ่นที่ดีต้องเป็นแบบนี้!

https://pixta.jp/

1. ต้องสะอาด ไม่เปื้อนรอยลิควิด หากใครเขียนแล้วเผลอลบก็ต้องเปลี่ยนแผ่นใหม่เลยนะคะ เพราะนี่เป็นด่านแรกที่คนญี่ปุ่นเค้าพิจารณากันเลย

2. ไม่เขียนคำผิด เขียนด้วยความสุภาพลงท้าย です หรือ ます ไม่เขียนตัวอักษรย่อหรือคำย่อ ใช้อักษรส่วนใหญ่เป็นคันจิ (Kanji)

3. เขียนอ่านง่าย สรุปได้ใจความ และเว้นวรรคได้ถูกต้อง

4. ใช้ปากกาสีดำ จะลูกลื่นหรือหมึกซึมก็ได้หมด ขอแค่เขียนให้สะอาด ไม่ดูเลอะเทอะ เนื่องจากปากกาดำนอกจากจะเป็นระเบียบแล้วยังป้องกันการปลอมแปลงเอกสารได้ด้วย เพราะสีดำนั้นตรงกับแบบฟอร์มเอกสาร

5. รูปถ่ายชุดสูทสีดำ โดยส่วนใหญ่แล้วเรามักเห็นคนญี่ปุ่นใช้เป็นพื้นหลังสีขาวเพื่อความเรียบร้อย ยิ้มได้เล็กน้อยนะ ส่วนทรงผมดูเรียบร้อยไม่รุงรัง ไม่ย้อมผมสีอ่อน ควรเป็นผมดำหรือน้ำตาลเข้ม แล้วไม่ใช่รูปเซลฟี่เอง รูปถ่ายเป็นด่านหน้าที่บ่งบอกบุคลิกภาพของคนนั้นในการเลือกมาสัมภาษณ์งาน

6. กรอกความสามารถทางภาษาอย่างตรงไปตรงมา (ข้อนี้เสริมสำหรับชาวต่างชาติแบบเรา) ใบผลสอบ JLPT และผลสอบ TOEIC ล้วนมีผลต่อการรับสมัครงานทั้งสิ้น โดยจะต้องกรอกผลคะแนนการสอบลงไปด้วยว่าได้เท่าไร หลังจากที่เรายื่นเรซูเม่ญี่ปุ่นแล้วเราก็ต้องยื่นใบผลสอบดังกล่าวเป็นหลักฐานด้วย ไม่ว่าจะเป็นเอกสารแสกนผ่านอีเมล แฟกซ์ หรือยื่นสำเนาด้วยตนเองก็ตาม

วิธีการกรอกเรซูเม่ญี่ปุ่นแบบละเอียดยิ๊บ!

วิธีการกรอกเรซูเม่ญี่ปุ่นแบบละเอียดยิ๊บ!

1. วันที่:มาเริ่มกันที่มุมขวาสุดของแบบฟอร์มก่อนเลย ให้ยึดใช้วันที่ยื่นเอกสารไม่ใช่วันสร้างเอกสาร โดยเขียนเรียงเป็น 〇ปี〇เดือน〇วัน เช่น 2022年11月1日 หรือ 令和4年11月1日 เป็นต้น

2. ชื่อ-นามสกุล:จะแบ่งเป็น 2 จุด คือจุดที่ต้องเขียนเป็นฟุริงานะหรือคำอ่าน เขียนได้ทั้งอักษรฮิรางานะและคะตะคานะ โดยยึดจากรูปแบบอักษรที่เขียนว่าฟุริงานะว่าเขียนอักษรคานะแบบใด(ふりがな・フリガナ) และจุดที่เป็นชื่อเต็มตัวคันจิ ซึ่งในฐานะที่เราเป็นต่างชาติจุดนี้ต้องเขียนเป็นคะตะคานะ

ตัวอย่าง บริเวณที่เขียนว่า 氏名 เริ่มต้นด้วยนามสกุลและตามด้วยชื่อ Sida Nawaporn ด้านบนช่องเล็กๆ ที่เขียนว่า ふりがな คือ シーダー ナワバポン เป็นต้น นอกจากนี้ มุมขวาของช่องชื่อนามสกุลนี้กรณีคุณอาศัยที่ญี่ปุ่นแล้วสมัครงานบริษัทที่ญี่ปุ่นต้องประทับตราปั๊มประจำตัวหรืออินคัง(印鑑)ที่เป็นหมึกสีแดงด้วย แม้เป็นต่างชาติก็สามารถสั่งทำได้ตามร้านรับทำตราประทับเพื่อใช้กับธุรกรรมหรือเอกสารสัญญาสำคัญ

3. รูปถ่ายสมัครงาน:อย่างที่กล่าวในข้างต้นรูปควรจะเป็นรูปสมัครงานที่ยิ้มเล็กน้อย ใส่ชุดสูทสีดำทั้งหญิงและชาย เนคไทสีสุภาพ เป็นรูปล่าสุดไม่เกิน 3 เดือน เป็นรูปหน้าตรง ไซส์รูปตรงกับแบบฟอร์ม แม้คนญี่ปุ่นจะไม่ได้เลือกแคนดิเดตที่หน้าตาแต่รูปถ่ายเองก็ถือเป็นสิ่งที่ดึงดูดในการเรียกสัมภาษณ์จากเรซูเม่ญี่ปุ่นเช่นกัน

ส่วนพื้นหลังรูปมักจะเลือกใช้อยู่ 3 สี ได้แก่ ขาว เทา และฟ้าอ่อน หลังรูปเราก็ควรเขียนชื่อนามสกุลไว้ก่อนแปะกาวเพื่อระวังรูปหล่นหาย ใครที่อาศัยอยู่ในญี่ปุ่นสามารถใช้บริการตู้ถ่ายรูปได้ตามสถานีทั่วไป เพราะสะดวก รวดเร็วและราคาไม่แพงค่ะ (แถมเดี๋ยวนี้บางตู้มีออฟชั่นเสริม แต่งสีผิวแต่งหน้าให้เราด้วยนะ!)

4. วันเกิด อายุ และเพศ:เขียนเรียงปี เดือน และวัน แบบที่เขียนวันที่ทั่วไป 2022年11月1日生 ส่วนช่องอายุจะอยู่ด้านข้าง〇歳 (ปี) ส่วนเพศให้วงกลมล้อมรอบคำในแบบฟอร์ม 男 (ชาย) 女 (หญิง)

※ ปกติในไทยเวลามีตัวเลือกให้เลือกมักจะขีดฆ่า กากบาท หรือขีดเส้นใต้ ซึ่งต่างกับญี่ปุ่นที่จะวงกลมล้อมรอบแทน

5. ที่อยู่:ส่วนที่เป็นที่อยู่ถ้าเป็นที่อยู่แบบญี่ปุ่นให้เขียนรูปเต็มไม่ใช่ตัวย่อ และรหัสไปรษณีย์แม้จะเป็นกล่องข้อความรวมกับที่อยู่ ไม่มีบรรทัดชัดเจนแต่ให้เขียนเป็นตัวเล็กตามตำแหน่งบรรทัดให้เรียบร้อย ข้างบนกล่องข้อความนี้ก็มีคำว่าฟุริงานะเหมือนกัน ซึ่งจุดนี้จะให้เขียนคำอ่านคันจิที่อยู่ของเราทั้งหมด

สังเกตดีๆ ว่าเขามีให้ใส่ที่อยู่ 2 จุดนะ นั่นคือ 現住所 (ที่อยู่ปัจจุบัน) และ 連絡先 (ที่อยู่ที่สามารถติดต่อได้) ซึ่งที่อยู่ปัจจุบันส่วนแรกมักจะเป็นตามทะเบียนบ้าน ส่วนจุดที่ 2 มักจะกรอกเป็นที่อยู่ปัจจุบันที่เราย้าย หากที่อยู่ทั้ง 2 แบบเหมือนกัน ในบรรทัด 連絡先 ให้ใส่คำว่า 同上 แปลว่า เหมือนกัน

6. เบอร์โทรติดต่อ และอีเมล:เบอร์โทรติดต่อให้ใส่เป็นเบอร์โทรปัจจุบัน ส่วนอีเมลโดยทั่วไปบริษัทญี่ปุ่นและคนญี่ปุ่นมักจะใช้ Yahoo มากกว่า Gmail แล้วแน่นอนว่าต้องเป็นอีเมลชื่อตรงกับชื่อจริงนามสกุล ไม่ใช้อีเมลที่เป็นชื่อเล่นหรือชื่อย่อ ถ้าเป็นอีเมล เช่น lnwzaa@hotmail.com แบบนี้ แนะนำให้สมัครใหม่ค่ะ

7. ประวัติการศึกษาและประวัติการทำงาน(学歴・職歴)
7.1 เริ่มต้นจากประวัติการศึกษา ให้เขียนจากปีเก่ามาถึงปีล่าสุด แล้วเว้นช่องว่างไว้นิดหน่อย หลังชื่อโรงเรียนก่อนเขียนว่าเป็นปีที่เข้าศึกษา (入学) หรือปีที่จบการศึกษา (卒業) เช่น 2015年5月ABC大学 入学 ส่วนบรรทัดต่อมา 2018年3月ABC大学 卒業 เป็นต้น

7.2 ประวัติการทำงานก็เช่นกันให้เรียงจาก ปี เดือน ที่เริ่มทำงานกระทั่งปัจจุบัน ตามด้วยชื่อที่ทำงาน ตำแหน่งงาน เว้นช่องว่างเล็กน้อย แล้วต่อด้วยคำว่าเข้าทำงาน (入社) บรรทัดต่อมาของบริษัทนั้น เว้นพื้นที่ย่อหน้าเล็กน้อย ต่อด้วยชื่อฝ่ายหรือแผนกที่เราทำ และจำนวนพนักงานทั้งหมดในบริษัท

แล้วบรรทัดสุดท้ายให้เขียนหน้าที่ในการทำงานอย่างย่อให้ได้ใจความ 1 บรรทัดถ้วน ตรงนี้แนะนำว่าหากคุณทำงานเอกสารให้บอกถึงลักษณะเอกสาร หากทำงานด้านการขายให้บอกถึงวิธีการขายว่าออกไปขายงาน ใช้การโทรเป็นหลักหรืออีเมล หากทำงานวางแผนก็ให้บอกไปเลยว่าวางแผน

※ หากบอกความรับผิดชอบแบบคุมเครืออย่างกว้าง ๆ เช่น ช่วยเหลืองานในแผนกตามที่ได้รับมอบหมาย เรซูเม่ของคุณก็อาจจะโดนปัดตกได้ เพราะ HR หรือผู้ว่าจ้างงานไม่อาจทราบได้ว่าคุณทำงานเกี่ยวกับอะไร หรือ ถ้าลงดีเทลมากเกินไปก็อาจทำให้ประวัติของคุณดูรกและไม่น่าสนใจ เหมือนคุณไม่รู้จักตนเองได้เช่นกัน

แล้วถ้าคุณทำงานในบริษัทนั้นแต่มีการเลื่อนขั้นตำแหน่งใหม่ให้เขียน ปี เดือน อีกครั้ง ตามด้วยย่อหน้าให้ตรงกับย่อหน้าเนื้องานของบริษัทที่เขียนก่อนหน้า ใส่ชื่อตำแหน่งที่เลื่อนขั้น แผนกหรือเขตที่คุณรับผิดชอบในบรรทัดแรก และบรรทัดต่อมาเขียนหน้าที่โดยย่อ 1 บรรทัดถ้วนเช่นกัน

แล้วเมื่อจบรายละเอียดทั้งหมดแล้วให้ขึ้นบรรทัดใหม่แล้วเขียนมุมขวาสุดว่า 以上 (เพียงเท่านี้)

ไปต่อกันที่หน้าถัดไปดีกว่าค่ะ

8. ใบอนุญาติ (ใบประกาศ) และคุณสมบัติ(免許・資格)
ส่วนนี้ให้หากใครมีใบขับขี่แบบใดก็ตามให้กรอกพร้อมระบุว่าใบขับขี่ของตนเป็นชนิดอะไรด้วย สมัครงานทั่วไปนิยมใช้เป็นใบขับขี่รถยนต์สากล แต่ถ้าสมมติว่าคุณสมัครงานขับรถ หรือส่งสินค้าอาจต้องเขียนชนิดใบขับขี่อื่นเพิ่มเติมด้วย

ส่วนนี้ก็ต้องกรอกรวมถึงใบผลสอบภาษา ไม่ว่าจะเป็น JLPT, TOEIC ต้องระบุว่าเป็นผลสอบอะไร ผลที่ผ่านได้เกรดหรือคะแนนเท่าไร และใบประกาศที่มีผลต่อการพิจารณาเรซูเม่เกี่ยวข้องกับเนื้องานก็ให้ใส่มาด้วยว่าเป็บใบประกาศอะไร ออกโดยหน่วยงานใด แล้วเมื่อจบรายละเอียดทั้งหมดแล้วให้ขึ้นบรรทัดใหม่แล้วเขียนมุมขวาสุดว่า 以上 (เพียงเท่านี้)

9. เหตุผลที่สมัครมาที่นี่ สิ่งที่เราคาดหวังต่อองค์กร(志望動機)
ส่วนนี้สำคัญมากต่อการพิจารณาเรซูเม่ญี่ปุ่น ก่อนอื่นเราต้องมีความเข้าใจก่อนว่างานที่เปิดรับสมัครนี้เขาต้องการคนทำงานแบบไหน Job Description เป็นอย่างไร ตรงกับที่งานที่เราต้องการและแคนดิเดตที่เขาต้องการหรือไม่ ถ้าเราขาดความเข้าใจตรงนี้จะทำให้การเขียนหัวข้อนี้ดูไม่เป็นธรรมชาติเลย

เพราะเราต้องเขียนว่าเหตุใดถึงสมัครงานตำแหน่งนี้ แล้วต้องเป็นที่ทำงานแห่งนี้ การเข้ามาตำแหน่งงานนี้ของเราอยากพัฒนาตัวเองต่อไปอย่างไร ซึ่งถ้าเราเขียนดูไม่ตั้งใจก็จะเหมือนเราหว่านใบสมัคร แต่ถ้าเขียนแบบตั้งใจจนไม่เป็นธรรมชาติก็ดูไม่ค่อยดีเช่นกัน เวลาโดนเรียกสัมภาษณ์ส่วนใหญ่มักจะมีคำถามเกี่ยวกับ 志望動機 ที่เรากรอกไปนี่ล่ะค่ะ

10. แนะนำตัวเอง(自己PR・趣味・特技/本人希望記入欄)
พูดถึงตัวเองและการนำความสามารถของเราแบบนี้ที่นำมาปรับให้เข้ากับตำแหน่งงาน จุดแข็งจุดอ่อนของเราที่นำมาทำงานแล้วพัฒนาบริษัทแห่งนี้ได้ในอนาคต หรือลักษณะนิสัยเราแบบนี้เป็นผลดีต่องานอย่างไรปรับใช้ต่อในอนาคตได้อย่างไร แม้กระทั่งงานอดิเรกที่ดูเหมือนจะไม่เกี่ยวข้องแต่บ่งบอกถึงบุคลิกภาพของเรารวมถึงเสน่ห์ต่อบุคคลว่าน่าร่วมงานด้วยหรือไม่ เป็นการเขียน PR ตัวเองโดยที่ไม่ดูโอ้อวดจนเกินไปแล้วต้องทำได้จริงเสียด้วย

แล้วในส่วนนี้หากในใบสมัครมีการให้เขียนเรื่องเงินเดือนที่คาดหวัง ถ้าเป็นบริษัทต่างชาติตามมารยาทเราต้องกรอกตัวเลขลงไปตามหวังอาจเท่าเงินเดือนเดิมหรือเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเพื่อไม่ให้เสียเวลาทั้งสองฝ่าย แต่สำหรับบริษัทญี่ปุ่นหรือบริษัทที่ญี่ปุ่นไม่ควรกรอกตัวเลขลงไป เพราะอย่างแรกเลยตอนรับสมัครเขาบอกเงินเดือนตำแหน่งนั้นชัดเจนแล้ว และเนื้อหาส่วนนี้ค่อนข้างอ่อนไหวควรเก็บไปพูดวันสัมภาษณ์นะ

ฉะนั้นเราควรเขียนว่า 貴社の規定に従います。ซึ่งความหมายก็คือตามโครงสร้างบริษัทหรือตามกฏของบริษัทนั่นเอง (บางบริษัทที่ใจดีอาจเปิดโอกาสให้เราได้ต่อรองเงินเดือน หลังจากที่ผ่านการสัมภาษณ์แล้วก็ได้)

11. เวลาการเดินทาง(通勤時間)
เขียนตั้งแต่การเดินทางจากที่พักมาถึงที่ทำงานใช้เวลารวมกี่นาที กี่ชั่วโมง โดยสารอะไรในการเดินทางบ้างตั้งแต่ก้าวเท้าออกจากที่พัก ถ้าแบบฟอร์มที่ใช้ไม่มีส่วนนี้ก็ไม่ต้องเขียน

มารยาทในการส่งอีเมลสมัครงาน

มารยาทในการส่งอีเมลสมัครงาน

ด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนนไปทำให้ในปัจจุบันการสมัครงานในญี่ปุ่นมีส่งเรซูเม่ผ่านอีเมลกันมากขึ้น ทำให้จุดนี้เองก็มีมารยาทในการส่งอีเมลเหมือนกันนะ อยากส่งอีเมลสมัครงานให้ได้ First-impression จากกรรมการล่ะก็ทำตามนี้เลยค่ะ

1. ใช้สำนวนการเขียนอีเมลญี่ปุ่น รูปยกย่องถ่อมตน (Keigo) ต้องมี สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือการขึ้นต้นประโยคด้วยคำว่า 株式会社○○○○ (ชื่อบริษัท) บรรทัดถัดไปคือ ご担当者様 (กรณีที่เราไม่ทราบชื่อผู้รับ) ตามด้วยบรรทัดถัดไปคือ はじめまして。○○○○と申します。(บอกชื่อนามสกุลของเรา) และก็แนะนำตัวเองคร่าวๆ ว่าเป็นใคร มีความประสงค์ที่ส่งอีเมลนี้มาเพื่อจะสมัครงาน เป็นต้น

2. นอกจากเนื้อหาด้านในแล้วก็ควรให้ความสำคัญต่อชื่ออีเมลสมัครงาน และชื่อไฟล์เรซูเม่สมัครงานด้วย รูปแบบการส่งคือ ขอส่งเรซูเม่ + ชื่อ → [履歴書等送付の件(氏名)] หรือ ขอแนบใบสมัครงาน (ตำแหน่ง) +ชื่อ → [〇〇職応募の件(氏名)] ส่วนไฟล์เรซูเม่ญี่ปุ่นจะส่งแบบ MS Word, PDF หรือ MS Excel ก็ได้ โดยการตั้งชื่อไฟล์แบบ ตัวเลขวันเดือนปีที่ตรงกับในเรซูเม่_履歴書(氏名) ※ส่วนตัวแล้วแนะนำเป็น PDF จะดีกว่าค่ะ

3. ในการส่งอีเมลฝากเรซูเม่ญี่ปุ่นครั้งแรกไม่ว่าจะผ่านบริษัทจัดหางานหรือตัวบริษัทโดยตรง ต้องกล่าวหลังชื่อบริษัทปลายทางในบรรทัดต่อมาว่าเป็นการติดต่อครั้งแรก

4. เรซูเม่ญี่ปุ่นที่เป็นไฟล์ต้องใส่พาสเวิร์ด (Password) ญี่ปุ่นใส่ใจเรื่องข้อมูลส่วนบุคคลมากนะ ปกป้องทั้งตัวเราเองและอีกฝ่าย

5. เนื้อหาในอีเมลนอกจากแนะนำตัวแล้ว ต้องบอกว่าสนใจสมัครในตำแหน่งใดของบริษัท พร้อมบอกว่าตัวไฟล์ดังกล่าวถูกป้องกันอยู่หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเราจะส่งพาสเวิร์ดให้ในภายหลังหากติดต่อกลับ จากนั้นจึงเป็นประโยคปิดท้าย แล้วช่องทางการติดต่อกลับทั้งเบอร์โทรและอีเมล ลงท้ายชื่อ

6. ขั้นตอนนี้คือเราต้องรออย่างใจเย็นจนกว่าบริษัทปลายทางติดต่อกลับมาว่าสนใจ เราจึงส่งอีเมลตอบกลับเป็นพาสเวิร์ดไฟล์เรซูเม่ญี่ปุ่นของเราเอง โดยใช้ชื่อหัวข้อว่า นำส่งพาสเวิร์ด+ชื่อ [ パスワードの件(氏名)]

※ บริษัทในญี่ปุ่นส่วนใหญ่หากเราส่งเรซูเม่ไปประมาณ 1 อาทิตย์แล้วยังไม่มีการตอบกลับมาจากทางบริษัท จะเป็นที่รู้กันค่ะว่าโดนปัดตกแล้ว ให้หาที่อื่นสำรองได้เลย

มารยาทในการส่งจดหมายเรซูเม่ญี่ปุ่น แบบเขียนด้วยลายมือตนเองต่อหน้า

มารยาทในการส่งจดหมายเรซูเม่ญี่ปุ่น แบบเขียนด้วยลายมือตนเองต่อหน้า

https://pixta.jp/

การส่งจดหมายเรซูเม่ญี่ปุ่นแบบลายมือต่อหน้าอาจทำให้เราประหม่าถึงที่สุด เพราะการพกจดหมายมาส่งถึงมือโดยมากมักนัดสัมภาษณ์ในคราวเดียวกัน ฉะนั้นสิ่งสำคัญที่จะแนะนำอย่างแรกเลยคือสติ เราต้องตั้งสติแล้วทำทุกอย่างให้ธรรมชาติที่สุดแม้ว่าจะตื่นเต้นก็ตาม

สำหรับซองจดหมายเรซูเม่นั้นหน้าซองควรเขียนด้วยปากกาสีแดงมุมล่างซ้ายของซองว่า 履歴書在中 แปลว่ามีเรซูเม่ญี่ปุ่นภายใน ส่วนด้านหลังซองให้เขียนด้วยปากกาหมึกสีดำ ฝั่งซ้ายด้านบนเขียนวันเดือนปีที่ส่ง และมุมซ้ายล่างเขียนชื่อนามสกุลพร้อมที่อยู่ของเราให้ชัดเจน โดยทั้งด้านหน้าและด้านหลังซองให้เขียนเป็นแนวตั้ง จากขวามาซ้ายแบบญี่ปุ่น

ที่สำคัญเลยคืออย่าปิดผนึกซองจดหมาย แล้วขณะพกจดหมายมาควรนำใส่แฟ้มใสเล็ก แล้วใส่ในแฟ้มเอกสารใหญ่อีกครั้งเพื่อป้องกันไม่ให้จดหมายยับหรือเปื้อนสิ่งสกปรก จากนั้นก็ขึ้นอยู่กับคุณแล้วค่ะว่าจะทำให้การสัมภาษณ์ในครั้งนี้ผ่านไปได้ด้วยดีหรือไม่

อ่านบทความเต็ม: ten-navi.com (ภาษาญี่ปุ่น)

บทส่งท้าย

เป็นอย่างไรบ้างคะกับข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับการสมัครงานในญี่ปุ่นครั้งนี้ หวังว่าทุกคนจะได้งานจากวิธีการเขียนเรซูเม่ญี่ปุ่นที่แนะนำ พร้อมใช้เสน่ห์ดึงใจ HR จากมารยาทในการส่งจดหมายทั้งด้วยตนเอง และทางออนไลน์นะคะ ไว้พบกันใหม่บทความถัดไปค่ะ

know-before-you-go