เทศกาลอาโออิ หรือเทศกาลคาโมะ (Kamo Matsuri) เป็น 1 ใน 3 งานเทศกาลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในจังหวัดเกียวโต (Kyoto) และมีประวัติความเป็นมากว่า 1,400 ปีจนถือเป็นเทศกาลที่เก่าแก่ที่สุดของเกียวโต โดยมีจุดประสงค์เพื่อบูชาเทพเจ้าที่สถิตย์อยู่ที่ศาลเจ้าชิโมะกะโมะ (Shimogamo Shrine) และศาลเจ้าคามิกะโมะ (Kamigamo Shrine) เพื่อให้เทพเจ้าช่วยปกป้องเมืองให้รอดจากภัยพิบัติ และจะช่วยดูแลพืชผลทางการเกษตรให้มีความอุดมสมบูรณ์ตลอดทั้งปี

สิ่งที่เป็นเสน่ห์และไฮไลท์สำคัญของเทศกาลนี้คือขบวนแห่ขนาดใหญ่ ที่มีผู้เข้าร่วมแต่งกายด้วยชุดนักรบและขุนนางโบราณ สง่างามตามยุคสมัยเฮอันกว่า 500 คน มาร่วมกันเดินขบวน รวมถึงขบวนไซโอ ซึ่งเป็นขบวนของหญิงพรหมจรรย์ที่รับหน้าที่ประกอบพระราชพิธีแทนจักรพรรดิ และยังมีช่วงเวลาที่น่าตื่นตาตื่นใจจากการแสดงการขี่ม้ายิงธนู ซึ่งเป็นศาสตร์โบราณที่หาชมได้ยากในปัจจุบัน

ช่วงเวลาจัดงาน：จัดขึ้นเป็นประจำทุกวันที่ 15 พฤษภาคมของทุกปี (สำหรับปี 2022 งดจัดงาน)
วิธีการเดินทาง：สถานี Demachi-Yanagi หรือรถ Kyoto City Bus หมายเลข 4 ลงป้าย Kamigamojinja-mae
เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง：https://p.kyoto-np.jp/kp/koto/aoi/ (ภาษาญี่ปุ่น)

เทศกาลคันดะมัตสึริ (Kanda Matsuri) เป็นงานเทศกาลประจำศาลเจ้าคันดะเมียวจิน (Kanda Myojin Shrine) ศาลเจ้าที่ตั้งอยู่ใกล้กับย่านอากิฮาบาระ (Akihabara) ในโตเกียว (Tokyo) โดยถือเป็นหนึ่งใน 3 งานเทศกาลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นร่วมกับเทศกาลกิองมัตสึริ ในเกียวโต และเทศกาลเท็นจินมัตสึริในโอซาก้า

เทศกาลนี้มีต้นกำเนิดมาตั้งแต่ปีค.ศ. 1600 เพื่อเป็นการฉลองชัยชนะของกองกำลังของโทกุกะวะ อิเอะยาสุในสงครามแห่งเซกิกาฮาระ โดยปัจจุบันจะจัดขึ้นในช่วงกลางเดือนพฤษภาคม และจะมีการรูปแบบการจัดงานสลับกันไปแบบปีเว้นปี โดยที่ปีที่ลงท้ายด้วยเลขคี่จะเป็นปีที่มีการจัดงานเทศกาลคันดะมัตสึริ และปีที่ลงท้ายด้วยเลขคู่จะเป็นปีที่จัดเทศกาลคาเกะมัตสึริแทน

ไฮไลท์ประจำงานเทศกาลคันดะมัตสึริคือ “ชิงโคไซ” (Shinkosai) หรือขบวนพาเหรดที่มีผู้คนใส่ชุดญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมจากยุคเฮอันหลายร้อยคน ร่วมกับศาลเจ้าขนาดเล็กที่เรียกว่ามิโกะชิอีกกว่า 200 ขบวน และการจัดงานย่อยต่างๆ ของเทศกาลจะจัดขึ้นต่อเป็นเวลาเนื่องราวหนึ่งสัปดาห์

แต่ใน 2 วันระหว่างสัปดาห์สุดท้ายถือเป็นช่วงที่สำคัญที่สุด โดยวันเสาร์จะเป็นช่วงเวลาของขบวนพาเหรดต่างๆ เป็นหลัก ส่วนวันอาทิตย์จะเป็นขบวนแห่ศาลเจ้าขนาดเล็ก ซึ่งเส้นทางของขบวนพาเหรดจะอยู่บริเวณพื้นที่ใกล้เคียงศาลเจ้า ซึ่งจะขยายระยะทางตลอดไปจนถึงย่านโอเตมาจิ (Otemachi) และมารุโนะอุจิ (Marunouchi) ใจกลางตัวโตเกียว

ช่วงเวลาจัดงาน： สำหรับปี 2022 เริ่มจัดตั้งแต่วันที่ 9 พฤษภาคม - 15 พฤษภาคม
วิธีการเดินทาง：รถไฟใต้ดิน สถานี Suehirocho
เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ：https://www.kandamyoujin.or.jp/kandamatsuri/ (ภาษาญี่ปุ่น)

เทศกาลซันจะมัตสึริ (Sanja Matsuri) เป็นอีกหนึ่งงานเทศกาลยิ่งใหญ่ของโตเกียว โดยถือเป็นเทศกาลประจำศาลเจ้าอาซากุสะอันโด่งดัง และจัดขึ้นในช่วงกลางเดือนพฤษภาคมของทุกปี และเชื่อกันว่ามีการเริ่มต้นจัดงานตั้งแต่ในปี 1312 และสืบทอดมายาวนานกว่า 700 ปี โดยจุดประสงค์หลักของเทศกาลคือการเฉลิมฉลองการก่อตั้งศาลเจ้าอาซากุสะ รวมถึงเชื่อกันว่าเป็นเทศกาลที่จะนำความโชคดีมาให้แก่ธุรกิจและผู้พักอาศัยในย่านอาซากุสะ

ไฮไลท์สำคัญของเทศกาลนี้คือขบวนแห่เกี้ยวในวันที่ 2 และ 3 ของงานเทศกาล โดยในวันที่ 2 จะเป็นขบวนแห่เกี้ยวกว่า 100 หลังจาก 44 ชุมชนในย่านอาซากุสะที่ออกมารวมตัวกันโดยรอบศาลเจ้าอาซากุสะเพื่อมุ่งหน้าไปยังศาลเจ้าอาซากุสะ ส่วนวันที่ 3 จะเป็นขบวนแห่เกี้ยวขนาดใหญ่ 3 หลังจากศาลเจ้าอาซากุสะตระเวนไปรอบเมือง จนถือเป็นช่วงเวลาพิเศษของย่านท่องเที่ยวชื่อดังอย่างอาซากุสะที่มีให้สัมผัสเพียงปีละครั้งเดียวเท่านั้น

ช่วงเวลาจัดงาน：สำหรับปี 2022 เริ่มจัดตั้งแต่วันที่ 20 พฤษภาคม - 23 พฤษภาคม
วิธีการเดินทาง：รถไฟใต้ดิน สถานี Asakusa
เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ：https://www.asakusajinja.jp/sanjamatsuri/ (ภาษาญี่ปุ่น)

ศาลเจ้าโทโชกุ (Nikko Toshogu Shrine) ในนิกโก้ (Nikko) จังหวัดโทชิงิ (Tochigi) นั้นมีความสำคัญทั้งในฐานะของแลนด์มาร์คประจำเมือง รวมถึงได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลก และยังเป็นสถานที่ฝังอัฐิพร้อมรูปเคารพและป้ายวิญญาณของโชกุนโทกูงาวะ อิเอยาซุ โชกุนคนแรกของตระกูลโทกูงาวะ ทำให้ในแต่ละปี จะมีการจัดงานเพื่อรำลึกถึงโชกุนอิเอยาซุขึ้นสองครั้งในเดือนพฤษภาคม และเดือนตุลาคม

โดยงานในเดือนพฤษภาคมนั้นจะจัดขึ้นในวันที่ 17 และ 18 พฤษภาคมของทุกปีในฐานะงานเทศกาลฤดูใบไม้ผลินิกโกโทโชกู ชุนคิ ไทไซ ส่วนงานในเดือนตุลาคมจะจัดในวันที่ 16 และ 17 ตุลาคมของทุกปีในฐานะเทศกาลฤดูใบไม้ร่วงนิกโกโทโชกู ชุนคิ ไทไซ

ในเทศกาลนี้จะมีทั้งการแสดงความสามารถของเหล่านักรบแบบโบราณ อย่างเช่นการยิงธนูยาวและการยิงธนูบนหลังม้า และไฮไลท์สำคัญคือขบวนพาเหรดของเหล่าซามูไรนับ 1,000 นายในชุดเกราะแบบเต็มรูปแบบ ซึ่งจะเดินตามถนนสายต่างๆ ภายในเมืองนิกโก้ เพื่อจำลองการอารักขาศพของโทกุกะวะ อิเอะยาสุเพื่อไปที่ศาลเจ้าโทโชกุ

ช่วงเวลาจัดงาน：จัดขึ้นเป็นประจำทุกวันที่ 17 และ 18 พฤษภาคมของทุกปี
วิธีการเดินทาง：จากสถานี Nikko ขึ้นรถบัส World Heritage tour bus ไปลงที่ศาลเจ้า
เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ：https://www.toshogu.jp/ (ภาษาญี่ปุ่น)

เทศกาลฮากาตะ ดงทะคุ (Hakata Dontaku Festival) มีประวัติศาสตร์ยาวนานมาตั้งแต่ปีค.ศ. 1179 ซึ่งในยุคแรกเริ่มนั้นมีชื่อว่าเทศกาลมัตสึบะยะชิที่จัดขึ้นเพื่อฉลองวันตรุษจีนและเป็นเกียรติต่อขุนนางที่ปกครองเมือง โดยในปัจจุบัน เทศกาลนี้จะจัดขึ้นเป็นประจำทุกปีในวันที่ 3 และ 4 เดือนพฤษภาคม และถือเป็นงานเทศกาลยิ่งใหญ่ของฟุกุโอกะ (Fukuoka) ซึ่งมีผู้เข้าร่วมงานกว่าสองล้านคนในแต่ละปี

ในหนึ่งวันก่อนจัดงานจะมีขบวน "ฮานะจิโดฉะ" หรือรถรถดอกไม้วิ่งในตัวเมืองฮากาตะ โดยรถดอกไม้นี้ในสมัยก่อนจะประดับไปด้วยดอกไม้สดหลากสี แต่ในปัจจุบันได้เปลี่ยนมาประดับไปด้วยหลอดไฟ LED ราว 1200 ดวงต่อหนึ่งคัน ที่ให้บรรยากาศสวยงาม ครึกครื้น และสว่างไสวแม้ในตอนกลางคืน

ส่วนขบวนแห่ดงทะคุจะจัดขึ้นตอนเที่ยงในวันที่ 3 และ 4 พฤษภาคม นำโดยมีเทพเจ้าแห่งโชคลาภที่นำขบวนอยู่สามองค์บนหลังม้า และโดยรวมแล้วขะมีผู้เข้าร่วมขบวนประมาณ 750 กลุ่มจากทั่วทั้งฟุกุโอกะ และคิวชู ซึ่งมีทั้งกลุ่มธุรกิจ แม่บ้าน และองค์กรชุมชนต่างๆ ที่ประกอบกันเป็นขบวนพาเหรดสีสันสดใสและแสนคึกคัก

นอกจากนี้ ยังมีเวทีประมาณ 30 เวทีที่จัดขึ้นทั่วเมือง ซึ่งเต็มไปด้วยการแสดงหลากหลายรูปแบบพร้อมกับซุ้มขายอาหารและเครื่องดื่ม และเทศกาลนี้จะปิดท้ายด้วยการเต้นรำในลานขนาดใหญ่ที่ใครๆ ก็สามารถเข้าไปร่วมเต้นรำได้

ช่วงเวลาจัดงาน：จัดขึ้นเป็นประจำทุกวันที่ 3 และ 4 พฤษภาคมของทุกปี
วิธีการเดินทาง：รถไฟใต้ดิน สถานี Tenjin
เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ：https://www.dontaku.fukunet.or.jp/ (ภาษาญี่ปุ่น)

ผู้เขียน: ชินพงศ์ มุ่งศิริ
เริ่มต้นทำงานเป็นช่างภาพอิสระหลังเรียนจบ เดินทางไปถ่ายภาพที่ประเทศญี่ปุ่นบ่อยครั้งจนครบทั้ง 4 ฤดูอันสวยงาม และเกือบครบทุกภูมิภาค มีผลงานภาพถ่ายตีพิมพ์ในไกด์บุ๊คระดับโลกอย่าง Lonely Planet ถึง 3 เล่ม คือ Discovery Japan, Japan และ Kyoto รวมถึงเว็บไซต์ท่องเที่ยวชั้นนำอย่าง National Geographic Traveler UK, BBC Travel, Travel+Leisure, TIME และอีกมาก
นอกจากการถ่ายทอดความสวยงามของประเทศญี่ปุ่นผ่านภาพถ่าย ปัจจุบันยังหันมาถ่ายทอดเรื่องราวผ่านทางตัวอักษรทั้งในฐานะนักเขียนและนักแปลควบคู่กันไปอีกด้วย