ทำอย่างไรดีถ้าต้องกลับเข้าญี่ปุ่นช่วง COVID-19 จากไทย!
เอกสารเตรียมก่อน Check-in สนามบิน
แน่นอนว่าก่อนที่จะเดินทางไปที่ประเทศญี่ปุ่นได้ เราต้องเตรียมเอกสารและเตรียมตัวก่อนค่ะ ถ้าใครฉีดวัคซีนมาจากญี่ปุ่นสามารถใช้เอกสารจากทางญี่ปุ่นได้เลย แต่ถ้าหากใครฉีดที่ไทย อย่าลืมไปขอวัคซีนพาสปอร์ตเล่มสีเหลืองกันนะคะ สามารถดูรายละเอียดเกี่ยวกับการขอวัคซีนพาสปอร์ตในไทยเพิ่มเติมได้จาก https://www.bumrungrad.com/PDF-en/info_visit_00311_th
นอกจากนี้ ก่อนเดินทางไปญี่ปุ่น เรายังจำเป็นต้องตรวจ RT-PCR (ภายใน 72 ชั่วโมงของเที่ยวบิน) ซึ่งโรงพยาบาลที่ไปตรวจก่อนขึ้นเครื่องนั้นสามารถไปตามโรงพยาบาลใหญ่ ๆ ได้แทบทุกที่ และโรงพยาบาลที่เราไปตรวจคือที่ “โรงพยาบาลธนบุรี” ค่ะ แนะนำว่าควรจองก่อนไปนะคะ ถ้าไม่จองบางที่ก็ไม่ตรวจให้หรือตรวจล่าช้า เสียเงินไม่พอยังเสียเวลาอีกด้วย และอย่าลืมนำแบบฟอร์มตรวจไปให้ทางโรงพยาบาลกรอกด้วยนะคะ
เอกสารที่ต้องเตรียมทั้งหมดมีดังนี้
1.บัตรโดยสารเครื่องบิน
2.หนังสือเดินทาง (Passport)
3.เอกสารผลตรวจ RT-PCR ฟอร์มของทางญี่ปุ่น สามารถดูรายละเอียดได้จากด้านล่าง
https://www.niph.go.jp/h-crisis/wp-content/uploads/2021/07/20210701105422_content_000770637.pdf
4.วัคซีนพาสปอร์ต (ของประเทศญี่ปุ่นหรือของไทย ควรเป็นเอกสารที่มีภาษาอังกฤษกำกับด้วย)
※ หมายเหตุ : ปัจจุบัน ประเทศญี่ปุ่นยังไม่เปิดให้นักท่องเที่ยวที่ไม่มีวีซ่าพำนักกระยะยาวเข้า บุคคลที่สามารถเดินทางเข้าประเทศญี่ปุ่นได้ ได้แก่ ผู้มีวีซ่าถาวร วีซ่าสมรส วีซ่าติดตาม วีซ่านักเรียน วีซ่าทำงาน วีซ่าธุรกิจ วีซ่าเยี่ยมญาติสำหรับผู้ที่เป็นญาติลำดับหนึ่งและสอง (พ่อแม่ บิดามารดาของพ่อแม่ (ปู่ย่าตายายสายตรง) พี่น้อง ลูก และ หลานเท่านั้น กล่าวคือต้องเกี่ยวข้องกับสายเลือดผู้อยู่ญี่ปุ่นโดยตรงค่ะ)
วัคซีนพาสปอร์ตห้ามลืมเด็ดขาด!
การฉีดวัคซีนนี่บอกได้เลยนะคะว่าจะต้องกักตัวหรือไม่กักตัว เนื่องจากกฎระเบียบการเดินทางเข้าประเทศมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา จึงอยากให้ผู้ที่มีแผนจะเดินทางตรวจสอบข่าวสารอยู่เสมอ และสำหรับกฎระเบียบการเดินทางเข้าญี่ปุ่นตอนนี้ คนที่ฉีดวัคซีนสองเข็มยังมีความจำเป็นต้องกักตัว 7 วัน แต่สำหรับผู้ที่ฉีดครบสามเข็มแล้วไม่ต้องกักตัวเลย!
ใครมีแพลนจะฉีดเข็มสามที่ไทยหรือที่ญี่ปุ่นอยู่แล้ว แนะนำให้ฉีดไปเลยค่ะ ครบ จบ ออกจากบ้านได้ทันที~~~(๑˃̵ᴗ˂̵)
สรุปเงื่อนไขการเดินทางเข้าประเทศญี่ปุ่น
- ผู้ที่ฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม จำเป็นกักตัวที่บ้านและงดใช้ระบบขนส่งสาธารณะเป็นเวลา 7 วัน หากต้องการกักตัว 3 วัน จำเป็นจะต้องกักตัวในที่พักมีความปลอดภัยซึ่งกำหนดโดยสถานีกักกันโรค
※ สถานที่ตรวจสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ตามเว็บไซต์นี้ https://www.c19.mhlw.go.jp/search/english/index.html โดยคลิกระบุที่ด้านล่างตรงหัวข้อ "Which COVID-19 inspection do you prefer?" (มีความประสงค์จะตรวจ COVID-19 แบบไหน) ว่าเป็น By mail หรือ In person และจะมีข้อมูลโชว์ขึ้นมาค่ะ
- ผู้ที่ฉีดวัคซีนครบ 3 เข็ม และเข็มที่ 3 ต้องเป็น Pfizer (ไฟเซอร์) และ Moderna (โมเดอร์นา) และมีใบรับรองที่ยืนยันว่าได้รับการฉีดวัคซีนมาแล้ว 3 ครั้ง ไม่จำเป็นต้องกักตัว
วันออกเดินทาง
เราขอแบ่งเป็นพาร์ทดังนี้
ตอนที่ Check-in
เจ้าหน้าที่สนามบินจะเช็คว่ามีวีซ่าระยะยาวหรือวีซ่าถาวรหรือไม่ (ตอนนี้นักท่องเที่ยวยังไปไม่ได้นะคะ) พอตรวจสอบสถานะวีซ่าเสร็จเจ้าหน้าที่ถึงดูเอกสารวัคซีน ผลตรวจ RT-PCR ใช้เวลาตรวจเอกสารเร็วมาก ไม่ถึง 5 นาทีก็เสร็จแล้วค่ะ ตอนที่ Check-in เสร็จ หันไปเห็นน้องเคาท์เตอร์ข้าง ๆ โดนปฏิเสธขึ้นเครื่องด้วยค่ะ คิดว่าน้อง ๆ เค้าคงไม่มีวีซ่า น่าสงสารกันมากเลย ส่วนใน Duty free ใครเป็นสาย Shopping ยังพอมีร้านค้าเปิดอยู่ประปราย พอให้ได้เสียเงินอยู่ค่ะ 55
บนเครื่องบิน
เจ้าหน้าที่เดินเสริฟอาหารปกติ แต่จะไม่เดินบ่อยเหมือนแต่ก่อนค่ะ หากต้องการอะไรต้องเรียกโดยการกดปุ่ม ใช้เวลาประมาณ 5-6 ชั่วโมง เราก็เดินทางมาถึงประเทศญี่ปุ่นแล้ว แต่พอเครื่องจอดแล้ว เค้าจะไม่ให้ลุกทันทีนะคะ เราต้องนั่งรถจนกว่าเจ้าหน้าที่จะมาเรียก เค้าจะเริ่มเรียกตั้งแต่ด้านหน้ามาท้ายสุด เมื่อออกมาแล้วก็ต้องเดินตามจุดต่าง ๆ ที่เค้าจัดไว้ให้ เหมือนเล่นแรลลี่เลย (ดักแก่ เด็กๆจะรู้จักมั้ยเนี่ย ( ;∀;))
จุดแรกเมื่อเดินทางมาถึงญี่ปุ่น
หลังจากที่ออกมาจากเครื่องบิน เจ้าหน้าที่จะให้เราเข้าแถวและนั่งเก้าอี้ตามที่จัดเตรียมไว้ให้เพื่อกรอกเอกสารเกี่ยวกับระเบียบการเข้าเมืองในช่วงสถานการณ์ COVID-19 ตอนนั้นที่เราเขียนจะมีใจความประมาณว่า ยินยอมให้กักตัวเป็นเวลา 10 วัน โดยกักตัวที่โรงแรม 3 วัน และ กักตัวที่บ้าน 7 วัน (ตรงนี้เป็นระเบียบเมื่อเดือนมกราคม ปัจจุบันกักตัวที่บ้านอย่างเดียวค่ะ) เมื่อเรากรอกทุกอย่างเสร็จ เจ้าหน้าที่จะพาไปที่จุดที่หนึ่ง
ที่จุดที่หนึ่งเจ้าหน้าที่จะตรวจเช็คเอกสารเราอีกครั้ง และเมื่อตรวจเสร็จแล้วเราต้องดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น Cacao COVID-19 และกรอกแบบสอบถามต่าง ๆ ในนั้นเพื่อรับ QR-CODE ตรงนี้แนะนำให้ถ่ายรูปหน้าจอเก็บไว้ด้วยก็ดีค่ะ พอเสร็จแล้วนำให้เจ้าหน้าที่ดูเค้าก็จะชี้ให้เราไปด่านต่อไป
จุดที่สองเมื่อเดินทางมาถึงญี่ปุ่น
จุดนี้ต้องโหลดแอพพลิเคชั่น MySOS พอโหลดเสร็จก็จะมีเจ้าหน้าที่ประกบสอนวิธีใช้ประมาณ 2-3 คน โหลดเสร็จเปลี่ยนคน สอนเข้าแอพพลิเคชั่นเสร็จเปลี่ยนคน สอนวิธีใช้หนึ่งอีกคน (-“-) ส่วนตัวงงมากกกก ทำไมไม่ให้เสร็จไปเลยตั้งแต่คนแรก จะให้เปลี่ยนเจ้าหน้าที่บ่อย ๆ ทำไมมันอันตราย
สรุปก็คือเราจำเป็นต้องโหลดแอพพลิเคชั่นทั้งหมด 2 แอพ ได้แก่ Cacao COVID-19 และ MySOS
จุดที่สามเมื่อเดินทางมาถึงญี่ปุ่น
มาถึงจุดตรวจ COVID-19 ผ่านการเก็บตัวอย่างโดยน้ำลาย (ATK) โดยเจ้าหน้าที่ใช้มอบชุดตรวจให้คนละหนึ่งชุด แล้วตามจุดที่เค้ากำหนดไว้คล้าย ๆ เวลาเลือกตั้งมุมใครมุมมันค่ะ และบางสนามบินแปะรูปมะนาวหรือบ๊วยช่วยด้วย เห็นรูปแล้วน้ำลายไหล 5555 หลังจากที่เก็บน้ำลายเสร็จเจ้าหน้าที่จะให้เบอร์มาค่ะ ใบนี้ให้เราถือไปด้วยนะคะ อย่าทำหายเด็ดขาดเพราะจะได้รู้ว่าของใครเป็นของใคร
จุดที่สี่เมื่อเดินทางมาถึงญี่ปุ่น
ตอนนั่งรอผลตรวจน้ำลาย เป็นช่วงเวลาที่ยาวนานมากกกกค่ะ บางคนก็รอ 1 ชั่วโมงบางคนก็มากกว่านั้น ในจุดนี้เป็นลานที่นั่งกว้าง ๆ น่าจะเป็นที่สำหรับรอ Transit ค่ะ ระหว่างที่รอเราสามารถไปเข้าห้องน้ำหรือซื้อน้ำจากตู้กดสาธารณะได้ และเมื่อผลออกเจ้าหน้าที่จะขานเบอร์ ใครที่ถูกเรียกจะได้ออกไปเอากระเป๋าและกลับบ้านได้ค่า
จุดสุดท้ายเมื่อเดินทางมาถึงญี่ปุ่น (ตอนนี้ไม่มีแล้ว)
ถ้าเป็นเมื่อก่อนช่วงที่เราเดินทางเข้าญี่ปุ่นตอนประมาณเดือนมกราคมปีนี้ เจ้าหน้าที่จะสอบถามว่าเดินทางกลับยังไง ใครมารับ ถ้าไม่มีคนมารับต้องจองรถแท็กซี่ หรือขับรถกลับเองเท่านั้น ตรงนี้วุ่นวายมากกกกกก ดีใจที่ยกเลิกไปได้
ปัจจุบันคนที่มาจากต่างประเทศตอนนี้สามารถใช้ขนส่งสาธารณะได้ภายใน 24 ชั่วโมง เริ่มนับเวลาตั้งแต่มาถึงที่ญี่ปุ่นค่ะ
วิธีการใช้แอพ MySOS หลังออกมาจากสนามบิน
เมื่อถึงบ้านแล้ว ต้องกดปุ่ม “Check in” ทันที ห้ามลืมเด็ดขาด! ถ้าลืมจุดที่อยู่ของเราอาจจะคลาดเคลื่อนได้ (หากไม่ตรงจุดเจ้าหน้าที่จะโทรมาตรวจสอบค่ะ) และทุกครั้งที่ My SOS ดัง เราต้องกดปุ่ม “I’m here” ถ้ากดไม่ทันไม่เป็นไร แต่ครั้งต่อไปต้องกดด้วยนะ ไม่งั้นอาจจะมีเจ้าหน้าทีโทรมาบ่นเราได้ 555 บอกเลยค่ะ ว่าเป็นการนั่งรอโทรศัพท์ที่หลอนมากก (o_o)
นอกจากกดปุ่ม “I’m here” ยังมี Video call ด้วยนะคะ ให้เรากดรับและสแกนหน้าทิ้งไว้ประมาณสักพักตามวินาทีที่ถอยหลังค่ะ เมื่อครบโทรศัพท์ก็จะวางเองอัตโนมัติ ระหว่างที่อยู่ที่บ้านกักตัว ห้ามออกไปไหนให้ใช้วิธีสั่งของออนไลน์หรือให้คนที่อยู่ด้วยกันออกไปซื้อแทน ถือเป็นเรื่องของความรับผิดชอบต่อส่วนรวม เหงาแต่ก็ต้องพยายามนะคะ ฮึบ ๆ
และนี่เป็นเพียงประสบการณ์ตรงของเราที่เดินทางกลับประเทศญี่ปุ่นช่วง COVID-19 ปัจจุบันมาตรการต่างๆ นั้นเปลี่ยนแปลงอยู่แทบจะตลอดเวลา ยังไงก็อย่าลืมติดตามข่าวสารอย่างเป็นทางการจากสถานทูตไทยอีกครั้งนะคะ หวังว่าจะมีข่าวดีเปิดให้นักท่องเที่ยวสามารถมาญี่ปุ่นได้เร็ว ๆ นี้ค่ะ
ผู้เขียน: Donut::Nut
สาวไทยในโตเกียว เที่ยวจริง กินจริง เล่นจริง สไตล์ปุ่นๆ (´∀`)