เที่ยวฮาโกเน่แบบสนุก ไม่เหมือนใครกับบัสลอยน้ำได้! NINJA BUS

รู้จักนินจาบัส (NINJA BUS)

สำหรับใครที่ต้องการสัมผัสประสบการณ์แปลกใหม่ในการท่องเที่ยวฮาโกเน่ เมืองท่องเที่ยใกล้โตเกียวที่มีทั้งทิวทัศน์ของภูเขาไฟฟูจิ (Mount Fuji) คู่กับทะเลสาบอะชิ (Lake Ashi) และหุบเขาโอวาคุดานิ (Owakudani) ปากปล่องภูเขาไฟที่ยังคุกรุ่น และชิม ”ไข่ดำ” (Kurotamago) อันขึ้นชื่อ

ตอนนี้ก็มีตัวเลือกใหม่ล่าสุดที่น่าสนใจคือการขึ้น “นินจาบัส วอเทอร์ สไปเดอร์” (NINJA BUS Water Spider) รถบัสสะเทินน้ำสะเทินบกที่จะพาทุกคนไปสัมผัสกับเสน่ห์ของพื้นที่รอบทะเลสาบอะชิทั้งในน้ำและบนบก โดยแนวคิดและชื่อของรถชนิดนี้มีที่มาจากชื่อวิชาอย่างหนึ่งของนินจาญี่ปุ่นคือ “แมงมุมน้ำ” ซึ่งเป็นวิชาที่ทำให้นินจาสามารถเดินบนน้ำได้ด้วยการนำแผ่นไม้ไปรองไว้ที่ฝ่าเท้าทั้งสองข้าง

เส้นทางการวิ่งของรถนินจาบัส (NINJA BUS)

รถนินจาบัส วอเทอร์ สไปเดอร์ (NINJA BUS Water Spider) หรือเรียกสั้นๆ ว่านินจาบัส (NINJA BUS) มีเส้นทางวิ่งรอบทะเลสาบอะชิเป็นหลัก โดยมีจุดเริ่มต้นอยู่ที่สวนฮาโกเนะ (Hakone-en Garden) ซึ่งมีทั้งสวนพฤกศาสตร์ สวนสัตว์ และพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ จากนั้นจึงแล่นไปรอบทะเลสาบเพื่อสัมผัสความสวยงามของธรรมชาติ โดยผ่านจุดท่องเที่ยวสำคัญอย่างศาลเจ้าฮาโกเน่ (Hakone Shrine)

และปิดท้ายด้วยไฮไลท์สำคัญคือการแล่นลงไปในทะเลสาบอะชิที่ให้ทั้งบรรยากาศที่ไม่ต่างจากการล่องเรือชมภูเขาไฟฟูจิ แถมยังได้ความสนุกและแปลกใหม่ไปพร้อมๆ กัน โดยจะให้บริการทุกๆ 40 นาที ตั้งแต่เวลา 09.30 น. – 17.00 น. ของทุกวัน

จุดเด่นของรถนินจาบัส (NINJA BUS)

จุดเด่นที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยคือในตอนแรกเหล่านักท่องเที่ยวจะได้ขึ้นรถบนบกแบบรถบัสทั่วไป ซึ่งจะพานักท่องเที่ยวชมกับบรรยากาศท่ามกลางธรรมชาติโดยรอบก่อน โดยใช้เวลาประมาณ 5 นาที

จากนั้นก็จะเข้าสู่ไฮไลท์คือรถบัสจะทะยานพุ่งลงสู่ทะเลสาบ จุดนี้เป็นจุดที่สร้างความตื่นเต้นให้กับเหล่านักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก เพราะช่วงที่รถบัสกระโจนลงน้ำนั้นให้ความรู้สึกราวกับเราเข้าไปอยู่ในสวนสนุกเลยล่ะ

การชมทะเลสาบบนรถบัสกลางน้ำ เป็นประสบการณ์ที่แปลกใหม่จริงๆ เวลาที่ล่องในทะเลสาบจะอยู่ที่ประมาณ 15 นาที (รวมเวลาบนบกแล้วประมาณ 20 นาที) โดยรถบัสหนึ่งคันนั้นสามารถบรรจุผู้โดยสารได้สูงสุด 42 คนกันเลยทีเดียว

สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจในบริเวณใกล้เคียง

หลังจากสนุกไปกับการนั่งรถนินจาบัส (NINJA BUS) แล้ว ก็ยังสามารถแวะเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังอื่นๆ ในฮาโกเน่อย่างการขึ้นกระเช้าลอยฟ้าฮาโกเน่ โคมากาตาเกะ (Hakone Komagatake Ropeway) ซึ่งมีสถานีอยู่ในบริเวณเดียวกับจุดให้บริการรถนินจาบัส (NINJA BUS) ไปยังยอดเขาโคมากาตาเกะ (Mount Komagatake) เพื่อชมวิวมุมสูงของทะเลสาบและวิวภูเขาไฟฟูจิ

บนยอดเขาแห่งนี้ยังเป็นที่ตั้งของศาลเจ้าฮาโกเน่เดิม (Hakonejinja Mototsumiya) ซึ่งถือเป็นหนึ่งในสามจุดพลังศักดิ์สิทธิ์หรือ “Power Spot” ในบริเวณฮาโกเน่ร่วมกับศาลเจ้าฮาโกเน่ และศาลเจ้าคุสุริว (Kuzuryu Shrine Shingu) อีกด้วย

กิจกรรมอื่นๆ ที่น่าสนใจในบริเวณใกล้เคียง

ที่อาคารฮาโกเน่ โนะ เซกิโช ทาบิ โมโนงาทาริคัน (Hakone No Sekisho Tabi Monogatarikan) บริเวณท่าเรือล่องทะเลสาบและจุดให้บริการรถนินจาบัส (NINJA BUS) ยังเป็นศูนย์วัฒนธรรมที่เปิดให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสกับกิจกรรมที่เป็นไฮไลท์อย่างการร่วมพิธีชงชาแบบญี่ปุ่น และการเช่าชุดกิโมโนเพื่อถ่ายรูปสวยๆ

ในบริเวณทะเลสาบอะชิ ที่อาคารแห่งนี้ยังมีสวนญี่ปุ่นที่สามารถสวมชุดกิโมโนคู่กับทะเลสาบและภูเขาไฟฟูจิ รวมถึงฮาโกเน่ โนะ เซกิโช (Hakone No Sekisho) เมืองจำลองญี่ปุ่นโบราณที่เหมาะกับการใส่ชุดกิโมโนมาถ่ายรูปเป็นที่ระลึกอีกด้วย ถ้าใครมีโอกาสได้ไปเยือนฮาโกเน่ครั้งถัดไป เราขอแนะนำให้ลองนั่งนินจาบัส (NINJA BUS) และสัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆ กันดูนะครับ

ข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับรถนินจาบัส (NINJA BUS)

จำนวนที่ให้บริการ : 6 รอบ / 1 วัน (ตั้งแต่เวลา 09.30 น. – 17.00 น.)
ค่าบริการ :
ผู้ใหญ่ 2,200 เยน / เด็ก (อายุ 3 ปี - ระดับประถม) 1,100 เยน
※ หากเป็นช่วงวันหยุดนักขัตฤกษ์หรือวันหยุดยาว
ผู้ใหญ่ 2,500 เยน / เด็ก (อายุ 3 ปี - ระดับประถม) 1,250 เยน
เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ :
https://www.princehotels.co.jp/amuse/ninjabus/en/ (ภาษาอังกฤษ)

ผู้เขียน: ชินพงศ์ มุ่งศิริ
เริ่มต้นทำงานเป็นช่างภาพอิสระหลังเรียนจบ เดินทางไปถ่ายภาพที่ประเทศญี่ปุ่นบ่อยครั้งจนครบทั้ง 4 ฤดูอันสวยงาม และเกือบครบทุกภูมิภาค มีผลงานภาพถ่ายตีพิมพ์ในไกด์บุ๊คระดับโลกอย่าง Lonely Planet ถึง 3 เล่ม คือ Discovery Japan, Japan และ Kyoto รวมถึงเว็บไซต์ท่องเที่ยวชั้นนำอย่าง National Geographic Traveler UK, BBC Travel, Travel+Leisure, TIME และอีกมาก
นอกจากการถ่ายทอดความสวยงามของประเทศญี่ปุ่นผ่านภาพถ่าย ปัจจุบันยังหันมาถ่ายทอดเรื่องราวผ่านทางตัวอักษรทั้งในฐานะนักเขียนและนักแปลควบคู่กันไปอีกด้วย