สภาพภูมิอากาศ

ฤดูใบไม้ร่วง (Autumn) จะเริ่มต้นตั้งแต่เดือนกันยายน-พฤศจิกายน อากาศในช่วงนี้จะเริ่มเย็นขึ้นหลังจากฤดูร้อนและช่วงที่ฝนตกชุกผ่านพ้นไปอุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 10-18 องศา และมีความแตกต่างจากนี้เล็กน้อยในแต่ละภูมิภาค ตามลักษณะที่ตั้งและภูมิประเทศ โดยรวมถือว่าอากาศค่อนข้างเย็นสบาย ไม่ร้อน ไม่หนาวจนเกินไป อากาศแจ่มใสเป็นส่วนใหญ่ เหมาะกับการท่องเที่ยวซึ่งมีไฮไลท์อยู่ที่การชมทิวทัศน์อันงดงามของใบไม้เปลี่ยนสี

อีกทั้ง ยังมีการจัดกิจกรรมท่องเที่ยวน่าสนใจมากมาย เช่น เทศกาลชมใบไม้แดง เทศกาลชมใบแปะก๊วยสีเหลือง รวมทั้งงานเทศกาลประดับไฟ (Light up) ชมใบไม้เปลี่ยนสีตอนกลางคืน เป็นต้น

เดือนกันยายน

เป็นช่วงต้นฤดูใบไม้ร่วงที่ในบางพื้นที่หรือบางวันอากาศยังร้อนอยู่นิดหน่อยรวมทั้งอาจจะมีฝนหรือพายุในช่วงเดือนนี้ด้วย เสื้อผ้าที่เลือกใส่สามารถเลือกเป็นเสื้อแขนสั้น เสื้อแขนยาวแบบบางหรือเสื้อไหมพรม คู่กับกระโปรงยาว กางเกงผ้าที่สวมใส่สบาย ผู้หญิงมีเสื้อคาร์ดิแกนสวมทับเพิ่มเติมหากอากาศเริ่มเย็น ในขณะที่ผู้ชายก็เลือกสวมเสื้อแจ็คเก็ตหรือเสื้อคลุมทับเสื้อคอโปโลหรือคอกลม โดยทั่วไปนิยมสวมเสื้อผ้าสีโทนเย็นแบบเรียบๆ ให้เข้ากับบรรยากาศฤดูใบไม้ร่วง

เดือนตุลาคม

เป็นช่วงที่อากาศเริ่มเย็นขึ้น แต่ก็ยังไม่หนาวมากเกินไปนัก บางวันก็อากาศร้อนสลับฝน ปกติจะใส่เสื้อหนึ่งตัวและสวมเสื้อคลุมทับอีกชั้น ผู้หญิงมักจะสวมเสื้อไหมพรม เสื้อสเวตเตอร์แขนยาว คลุมทับด้วยเสื้อโค้ทบางๆ และชุดกระโปรงกับถุงน่อง ส่วนผู้ชายก็จะมีเสื้อตัวในแขนยาว สวมทับด้วยแจ็คเก็ตหรือเสื้อแขนยาวพาร์กาแบบมีฮู้ด และควรมีผ้าพันคอไว้เผื่ออากาศที่เริ่มหนาวขึ้นในตอนกลางคืน โทนสีที่เข้ากับฤดูใบไม้ร่วงที่ชาวญี่ปุ่นนิยมก็คือโทนสีน้ำตาล

เดือนพฤศจิกายน

ช่วงนี้อากาศเริ่มเย็นและแห้งมากอีกทั้งยังมีลมแรง การแต่งตัวควรมีเสื้อฮีทเทคไว้ข้างในเป็นชั้นแรกเพื่อเพิ่มความอบอุ่น และสวมเสื้อหนาๆ ทับ ผู้หญิงสาวถ้าสวมกระโปรงก็ต้องมีเลกกิ้งหรือใส่ถุงน่องหนาๆ ด้วย รองเท้าก็เลือกเป็นรองเท้าบู๊ทหรือรองเท้าที่มีการบุด้านในเพื่อให้เท้าอุ่น ผู้ชายก็ต้องมีเสื้อฮีทเทคด้านในเช่นกันและสวมกางเกงหนาๆ เช่น กางเกงยีนส์รวมถึงเครื่องประดับเพิ่มเติม เช่น ผ้าพันคอ ถุงมือ หมวก ที่สามารถเพิ่มความอบอุ่นได้ โดยเฉพาะตอนกลางคืน

สภาพภูมิอากาศ

ฤดูใบไม้หนาว (Winter) จะเริ่มต้นตั้งแต่เดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์ เป็นช่วงเวลาที่สภาพอากาศหนาวเย็นมากที่สุด โดยเฉลี่ยแล้วอุณหภูมิจะไม่เกิน 10 องศา ในตอนกลางวัน อย่างไรก็ตามความแตกต่างด้านภูมิศาสตร์ของแต่ละภูมิภาค ทำให้เกิดความแตกต่างของหลายๆ พื้นที่ในช่วงเวลาเดียวกัน เช่น บางจังหวัดมีหิมะตกหนักทับถม ในขณะที่บางจังหวัดก็มีอุณหภูมิติดลบ

ฤดูหนาวจึงมีกิจกรรมและเทศกาลน่าสนใจ ทั้งการเล่นสกีหิมะ งานเทศกาลหิมะ งานประดับไฟ (Illumination) รวมทั้งเป็นช่วงที่เหมาะกับการแช่ออนเซ็นคลายหนาวเป็นอย่างยิ่ง

ช่วงอุณหภูมิ 10-15 องศา

เป็นข่วงต้นฤดูหนาวที่ตอนกลางวันอาจจะไม่หนาวมากนักแต่ตอนกลางคืนจะหนาวเย็นมาก สำหรับเสื้อผ้าฤดูหนาวชาวญี่ปุ่นนิยมใส่โทนสีดำ สีเทาหรือสีเข้ม ๆ และสวมฮีทเทคเพื่อความอบอุ่น ผู้หญิงส่วนใหญ่จะสวมกระโปรงยาวและมีเลกกิ้งสีดำข้างในกันหนาว ผู้ชายก็จะมีลองจอน กางเกงผ้าหนาๆ และเสื้อคลุมตัวนอกอย่างแจ็คเกต โค้ท หรือเสื้อสูท

ช่วงอุณหภูมิ 0-9 องศา

เป็นช่วงที่อากาศหนาวเย็นจัด อุณภูมิช่วงกลางวันเป็นเลขตัวเดียว ส่วนกลางคืนก็ลดไปถึง 0 เสื้อผ้าที่จำเป็นต้องใช้ทั้งผู้หญิงและผู้ชายก็มีทั้งฮีทเทค ลองจอนและเสื้อดาวน์แจ็คเกต ยิ่งถ้ามีลมแรงมากก็ต้องมีเสื้อโค้ทตัวยาวกับผ้าพันคอ ถุงมือและหมวกช่วยเพิ่มความอบอุ่น สิ่งสำคัญอีกอย่างคือรองเท้ากับถุงเท้า ควรสวมถุงเท้าแบบฮีทเทคและเลือกรองเท้าที่มีบุด้านในซึ่งออกแบบสำหรับฤดูหนาวโดยเฉพาะ

ช่วงอุณหภูมิติดลบและมีหิมะตก

เป็นช่วงที่หนาวที่สุด หนาวแบบเย็นยะเยือกและการแต่งตัวกันหนาวต้องจัดเต็ม โดยเฉพาะบางพื้นที่ที่มีหิมะตกหนัก โดยรวมแล้วเสื้อผ้าที่จำเป็นสำหรับชั้นแรกก็มีฮีทเทค ลองจอน เลกกิ้ง และยังมีหลายๆ รูปแบบแยกย่อยลงไปสำหรับอากาศหนาวจัด เช่น ลองจอนบุขนวูลที่ระบุชัดเจนว่าใส่กันอุณหภูมิติดลบได้ ส่วนชั้นต่อมาก็จะเป็นเสื้อสเวตเตอร์ เสื้อไหมพรมถักแขนยาว และสวมทับด้วยแจ็คเกตโค้ท ตลอดจนอุปกรณ์ช่วยกันหนาวทั้งหมวกไหมพรมกับที่ครอบหู ถุงมือ ผ้าพันคอ ที่สำคัญคือรองเท้า ต้องเป็นรองเท้าที่ออกแบบมาเพื่อใส่เดินบนหิมะซึ่งจะช่วยกันน้ำ กันความชื้นหรือกันลื่นได้

นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์กันหนาวที่จำเป็นต้องมีและหาซื้อได้ง่ายในญี่ปุ่น อาทิ ถุงอุ่นไคโร (Kairo) วิธีใช้ ให้ฉีกและเขย่าถุงเล็กน้อยแล้วเอาใส่กระเป๋าเสื้อกันหนาว ตอนเดินสามารถเอามือซุกกระเป๋าที่มีถุงอุ่นไคโร ช่วยทำให้อบอุ่นขึ้น

แผ่นแปะกันหนาวไคโร (Haru Kairo) เป็นแผนที่ต้องแปะไว้ตามร่างกายโดย ตำแหน่งที่แปะ โดยทั่วไปจะแปะบนฮีทเทคหรือเสื้อแขนยาว บริเวณหน้าท้องหรือหลัง แต่ห้ามแปะลงบนผิวหนังโดยตรงเด็ดขาด ล่าสุดมีการพัฒนาแผ่นแปะไคโรให้มีขนาดเล็กเพื่อแปะไว้กับพื้นรองเท้าสำหรับคลายความหนาวตอนเดินลุยหิมะได้ด้วย

ผู้เขียน: หนึ่ง
นักอ่านและนักเขียนที่ชอบการเดินทางไปในที่ต่างๆ โดยเฉพาะญี่ปุ่น รักการดูอนิเมะญี่ปุ่นเป็นชีวิตจิตใจ :)