รวม 10 สุดยอดที่เที่ยวญี่ปุ่นเดือนกันยายน
เดือนกันยายนถือเป็นช่วงรอยต่อระหว่างฤดูร้อนและฤดูใบไม้ร่วงของญี่ปุ่น ซึ่งอาจจะเป็นช่วงเวลาที่หลายคนมองข้ามไป แต่เราได้รวบรวม 10 สุดยอดที่เที่ยวในเดือนนี้ ซึ่งมีทั้งดอกไม้สวยๆ ย่านที่มีเสน่ห์ และเทศกาลประจำเมืองที่มีความคึกคักไม่แพ้ช่วงฤดูร้อน ซึ่งอาจทำให้หลายคนประทับใจและอยากมาสัมผัสด้วยตัวเองสักครั้ง
1. ฮิตาชิ ซีไซด์ พาร์ค จ.อิบารากิ (Hitachi Seaside Park, ibaraki)
ฮิตาชิ ซีไซด์ พาร์ค เป็นสวนขนาดใหญ่ในจังหวัดอิบารากิ ซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากโตเกียว โดยมีพื้นที่รวมกว่า 2,187.5 ไร่ และมีพื้นที่ที่เป็นสวนดอกไม้ขนาด 1,250 ไร่ ซึ่งจะมีดอกไม้สวยๆ ให้ชมตลอดทั้งปี โดยหลายคนอาจจะรู้จักสวนแห่งนี้จากภาพของดอกเนโมฟีลาสีฟ้าสดใสที่ผลิบานไปทั่วบริเวณในช่วงฤดูร้อน โดยสำหรับใครที่เดินทางมาที่สวนแห่งนี้ในช่วงเดือนกันยายน ก็จะได้พบกับพืชอีกชนิดหนึ่งที่เป็นไฮไลท์ของช่วงเวลานี้ นั่นก็คือ “โคเคีย” ไม้พุ่มทรงกลมแสนน่ารักที่จะมีสีเขียวสดใสตั้งแต่ช่วงเดือนกรกฎาคมจนถึงกลางเดือนกันยายน และในช่วงปลายเดือนกันยายนไปจนถึงตุลาคมก็จะเปลี่ยนเป็นสีแดง ด้วยจำนวนที่มีมากกว่าสามหมื่นต้น บวกกับสภาพแวดล้อมที่เป็นเนินเขา ทำให้ภาพของต้นโคเคียทรงกลมจำนวนมากที่รายล้อมไปทั่วบริเวณนั้นกลายเป็นอีกหนึ่งภาพประทับใจของนักท่องเที่ยวทุกคนที่ได้มาเยือนสวนแห่งนี้
เวลาเปิดปิด: 09.30 – 17.00 น. (ปิดทุกวันจันทร์)
ค่าเข้าชม: 450 เยน
การเดินทาง: สถานี Katsuta ต่อรถบัสมาลงป้าย “Hitachi Seaside Park West Entrance” หรือ “Hitachi Seaside Park South Entrance
2. สวนคินชาคุดะ-มันจูชาเกะ จ.ไซตามะ (Kinchakuda-Manjushage Park, Saitama)
เดือนกันยายนยังเป็นช่วงเวลาที่ดอกไม้พิเศษชนิดหนึ่งที่หาดูได้ยากจะผลิบานอย่างสวยงาม นั่นก็คือดอก “มันจูชาเกะ” (Red Spider Lily) หรือชื่อภาษาไทยคือ “ดอกพลับพลึงแดง” โดยจุดที่มีการปลูกต้นมันจูชาเกะมากที่สุดนั้นคือสวนคินชาคุดะ-มันจูชาเกะ ในจังหวัดไซตามะ ซึ่งมีจำนวนมากกว่า 5 ล้านต้น ทำให้ในช่วงกลางเดือนกันยายนไปจนถึงกลางเดือนตุลาคม ภายในสวนแห่งนี้จะมีบรรยากาศเหมือนกับถูกห้อมล้อมไปด้วยพรมสีแดงสดของดอกมันจูชาเกะที่ผลิบานพร้อมกันไปทั่วบริเวณ และในช่วงเวลาเดียวกันนี้ก็ยังมีการจัดเทศกาลชมดอกมันจูชาเกะขึ้นที่บริเวณสวนแห่งนี้ ทำให้นอกจากจะได้ชมและถ่ายรูปดอกไม้สวยๆ แล้ว ยังได้อิ่มอร่อยไปกับเมนูท้องถิ่นหลากหลายรูปแบบไปพร้อม ๆ กันอีกด้วย
เวลาเปิดปิด: 08.00 – 17.00 น.
ค่าเข้าชม: 300 เยน
การเดินทาง: สถานี Koma แล้วเดินไปที่สวนอีกประมาณ 15 นาที
3. สวนโชวะ คิเนน จ.โตเกียว (Showa Kinen Park, Tokyo)
สำหรับใครที่ไม่สะดวกเดินทางไปชมสวนดอกไม้ในพื้นที่ต่างจังหวัด ภายในโตเกียวก็ยังมีสวนโชวะ คิเนน หรือที่เรียกอีกชื่อหนึ่งว่าโชวะ เมมโมเรียล พาร์ค โดยนอกจากจะเป็นสวนที่มีกิจกรรมสนุกๆ ให้ทำหลากลหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็นปั่นจักรยาน พายเรือ และปิกนิกแล้ว ในเดือนกันยายนนั้นจะเป็นช่วงเวลาที่ดอกคอสมอสหลากสีสันจะผลิบานอย่างสวยงาม และทุ่งดอกคอสมอสที่สวนแห่งนี้ยังถือว่ามีขนาดใหญ่ที่สุดในโตเกียวอีกด้วย โดยมีพื้นที่ทั้งหมด 22,800 ตารางเมตร และมีต้นคอสมอสรวมกันมากกว่า 5 ล้าน 5 แสนต้น ซึ่งสามารถเดินทางมาชมได้ตั้งแต่ช่วงกลางเดือนกันยายนไปจนถึงกลางเดือนตุลาคม โดยนอกจากดอกคอสมอสสีชมพูที่เราคุ้นตาแล้ว ที่นี่ยังมีคอสมอสสายพันธุ์ที่ออกดอกสีเหลืองซึ่งหาชมได้ยากอยู่ด้วย
เวลาเปิดปิด: 09.30 – 17.00 น.
ค่าเข้าชม: 410 เยน
การเดินทาง: สถานี Nishi-Tachikawa
4. ย่านเมืองเก่าคุราชิกิ จ.โอคายาม่า (Kurashiki, Okayama)
เดือนกันยายนถือเป็นช่วงรอยต่อระหว่างฤดูร้อนและฤดูใบไม้ร่วง จุดเด่นสำคัญคืออากาศที่ไม่ร้อนและไม่หนาวจนเกินไป ทำให้เหมาะกับการเดินชมย่านสวยๆ เช่น ย่านเมืองเก่าคุราชิกิ ในจังหวัดโอคายาม่า พื้นที่ซึ่งในอดีตเป็นจุดค้าขายแลกเปลี่ยนสำคัญของจังหวัด ทำให้มีการสร้างโกดังขนาดใหญ่เพื่อเก็บของ และมีการขุดคลองขนาดใหญ่เพื่อความสะดวกในการขนส่งสินค้าในอดีต โดยในปัจจุบันโกดังต่างๆ รวมถึงบ้านพักของอดีตพ่อค้าและขุนนางได้ถูกปรับให้เป็นทั้งร้านค้า คาเฟ่ และร้านขายของหลากหลายรูปแบบ และลำคลองภายในย่านนี้ก็ยังมีสเน่ห์จากต้นหลิวที่เรียงรายอยู่สองฟากฝั่ง และสะพานหินโค้งเก่าแก่ที่ทอดยาวข้ามแม่น้ำอย่างสวยงาม กิจกรรมสำคัญที่ไม่ควรพลาดเมื่อได้มาเยือนย่านคุราชิกิก็คือการนั่งเรือชมทิวทัศน์สองฝั่งคลอง รวมถึงการเช่าชุดกิโมโนเพื่อเดินเที่ยวให้เข้ากับบรรยากาศโดยรอบ และถ่ายรูปสวยๆ เป็นที่ระลึก
เวลาเปิดปิด: เปิดตลอด 24 ชั่วโมง (ร้านค้าและสถานที่สำคัญแต่ละแห่งอาจมีเวลาปิดปิดแตกต่างกันไป)
ค่าเข้าชม: ฟรี (สถานที่บางแห่งอาจมีค่าเข้าชมเพิ่มเติม)
การเดินทาง: สถานี Kurashiki
5. เกาะนาโอชิมะ จ.คากาวะ (Naoshima Island, Kagawa)
เกาะนาโอชิมะเป็นหนึ่งในเกาะขนาดใหญ่บริเวณคาบสมุทรเซโตะ จังหวัดคากาวะ และได้รับการขนานนามว่าเป็น “เกาะแห่งศิลปะ” จากการที่มีพิพิธภัณฑ์ศิลปะสำคัญหลายแห่งตั้งอยู่บนเกาะแห่งนี้ ไม่ว่าจะเป็น Benesse House Museum พิพิธภัณฑ์สมัยใหม่และเป็นที่ตั้งของฟักทองสีเหลือขนาดใหญ่ ผลงานของ Yayoi Kusama ที่กลายเป็นสัญลักษณ์ของเกาะแห่งนี้ Chichu Art Museum พิพิธภัณฑ์ซึ่งจัดแสดงผลงานของ Claude Monet ศิลปินระดับโลก รวมถึง Ando Musuem พิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมผลงานของ Tadao Ando สถาปนิกระดับโลกชาวญี่ปุ่น นอกจากนี้บนเกาะยังมีบรรยกาศที่น่ารักและสบายๆ ที่สามารถเลือกพักตามเกสท์เฮาส์ต่างๆ ของผู้คนบนเกาะ รวมถึงสามารถเช่าจักรยานเพื่อปั่นไปยังจุดท่องเที่ยว และชมงานศิลปะจำนวนมากที่วางเรียงรายอยู่ตามพื้นที่สาธาณรณะทั่วทั้งเกาะ
เวลาเปิดปิด: เปิดตลอด 24 ชั่วโมง (ร้านค้าและสถานที่สำคัญแต่ละแห่งอาจมีเวลาปิดปิดแตกต่างกันไป)
ค่าเข้าชม: ฟรี (สถานที่บางแห่งอาจมีค่าเข้าชมเพิ่มเติม)
การเดินทาง: สถานี Uno แล้วขึ้นเรือเฟอรี่มาที่เกาะ
6. ชายหาดชิชิบุกาฮามะ จ.คากาวะ (Chichibugahama Beach, Kagawa)
ชายหาดชิชิบุกาฮามะ เป็นชายหาดที่มีความยาวประมาณ 1 กิโลเมตรในจังหวัดคากาวะ โดยนอกจากจะเป็นชายหาดที่มีชาวเมืองและนักท่องเที่ยวเดินทางมาพักผ่อนและเล่นน้ำทะเลกันตามปกติแล้ว ด้วยลักษณะภูมิประเทศที่ไม่เหมือนใครของชายหาดแห่งนี้ จากการที่มีแอ่งน้ำขังขนาดใหญ่อยู่ตามชายหาด ทำให้ที่นี่กลายเป็นที่รู้จักจากการได้ภาพสวยๆ เมื่อถ่ายภาพโดยให้ครึ่งล่างของภาพเป็นเงาสะท้อนของท้องฟ้าแสนสวยบนแอ่งน้ำ และครึ่งบนของภาพเป็นท้องฟ้าจริงๆ ทำให้ตัวแบบหรือคนที่ยืนอยู่บนหาดนั้นราวกับกำลังยืนอยู่บนท้องฟ้าจริงๆ และจะยิ่งได้ภาพที่สวยงามเป็นพิเศษถ้าเป็นช่วงเวลาพระอาทิตย์ตก เพราะชายหาดแห่งนี้ยังได้รับการยกย่องว่าเป็น 1 ใน 100 สถานที่ที่มีพระอาทิตย์ตกที่สวยงามที่สุดในญี่ปุ่นอีกด้วย
เวลาเปิดปิด: เปิดตลอด 24 ชั่วโมง
ค่าเข้าชม: ฟรี
การเดินทาง: สถานี Takuma แล้วต่อรถบัสท้องถิ่นสาย Nio ไปลงที่ชายหาด
7. ปราสาททาเคดะ จ.เฮียวโงะ (Takeda Castle, Hyogo)
นอกจากเสน่ห์ของดอกไม้นานาชนิดแล้ว ตั้งแต่ช่วงเดือนกันยายนไปจนถึงเดือนพฤศจิกายนยังเป็นช่วงเวลาที่เกิดปรากฏการณ์ธรรมชาติที่สวยงามอีกอย่างหนึ่ง นั่นก็คือทะเลหมอก ซึ่งโดยลำพังนั้นทะเลหมอกกับภูเขาก็เป็นภาพที่สวยงามอยู่แล้ว แต่ที่บริเวณซากปราสาททาเคดะในจังหวัดเฮียวโงะ ซึ่งเป็นอดีตปราสาทเก่าแก่ที่สร้างอยู่บนยอดเขา และในเช้าของวันที่สภาพอากาศเป็นใจ ก็จะมีโอกาสได้สัมผัสกับภาพสุดพิเศษของปราสาทที่โผล่พ้นออกมาจากทะเลหมอก ราวกับเป็นปราสาทที่ลอยอยู่บนท้องฟ้า จนทำให้มีการขนานนามปราสาทแห่งนี้ว่า “ปราสาทลอยฟ้า” หรือ “มาชูปิกชูของญี่ปุ่น” โดยจุดที่จะได้เห็นภาพของปราสาทลอยฟ้าที่สวยงามที่จุดจะอยู่ที่จุดชมวิวบนภูเขาริตสึอุนเกียว ซึ่งตั้งอยู่บนยอดเขาฝั่งตรงข้าม หรือหากเดินทางมาในช่วงเวลาอื่นๆ ก็สามารถเดินทางขึ้นไปยังตัวปราสาท และชมวิวที่สวยงามของภูเขาและทุ่งกว้างจากบนยอดเขาได้เช่นกัน
เวลาเปิดปิด: ช่วงเดือนกันยายน 04.00 – 17.00 น.
ค่าเข้าชม: 500 เยน
การเดินทาง: สถานี Takeda แล้วต่อรถบัสมาลงป้าย Takedajo-seki
8. อุทยานแห่งชาติไดเซ็ตสึซัง จ.ฮอกไกโด (Daisetsuzan National Park, Hokkaido)
ใครที่เดินทางมาที่ญี่ปุ่นในเดือนกันยายนแล้วอยากสัมผัสบรรยากาศของใบไม้เปลี่ยนสีก่อนใคร หนึ่งในจุดที่จะได้พบกับความสวยงามของใบไม้เปลี่ยนสีเร็วที่สุดในญี่ปุ่นก็คือที่อุทยานแห่งชาติไดเซ็ตสึซังบนเกาะฮอกไกโด ซึ่งถือเป็นอุทยานแห่งชาติที่มีพื้นที่กว้างใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น โดยจะมีจุดท่องเที่ยวหลักๆ คือการขึ้นกระเช้าไปยังยอดเขาอะซาฮิดาเกะ (Asahidake) ซึ่งด้านบนจะมีเส้นทางเดินชมธรรมชาติง่ายๆ ที่เหมาะสำหรับคนทุกวัย หรือยอดเขาคุโรดาเกะ (Kurodake) ซึ่งเป็นจุดที่สามารถมองเห็นใบไม้เปลี่ยนสีทั่วทั้งหุบเขาอย่างสวยงาม และในบริเวณเดียวกันยังเป็นหุบเขาโซอุนเคียว (Sounkyo) ซึ่งเป็นทั้งจุดขึ้นกระเช้า จุดให้บริการอนเซ็น และจุดพักแรมสำหรับใครที่ต้องการพักค้างคืนในบริเวณนี้ และยังมีเส้นทางชมใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยงามที่ชื่อว่าเส้นทางสาย “Momijidani” อยู่ด้วย
เวลาเปิดปิด: เปิดตลอด 24 ชั่วโมง
ค่าเข้าชม: ฟรี (เสียเฉพาะค่ากระเช้าขึ้นไปยังยอดเขา)
การเดินทาง: วิธีที่สะดวกที่สุดคือเช่ารถขับ
9. เทศกาลคิชิวะดะดันจิริ จ.โอซาก้า (Kishiwada Danjiri Festival, Osaka)
แม้จะล่วงเข้าสู่เดือนกันยายนแล้ว แต่ในญี่ปุ่นก็ยังมีเทศกาลครึกครื้นให้สัมผัสและเข้าร่วมอยู่ โดยสำหรับใครที่เดินทางไปที่โอซาก้า ก็จะมีโอกาสได้เข้าร่วมเทศกาลคิชิวะดะดันจิริ ซึ่งจะมีการแห่เกี้ยวดันจิริ หรือรถแห่แบบญี่ปุ่นซึ่งทำจากไม้ และมีการแกะสลักและตกแต่งอย่างสวยงาม ซึ่งในเทศกาลนี้จะมีขบวนแห่เกี้ยวดันจิริอยู่ถึง 35 ขบวน ซึ่งแต่ละขบวนจะต้องใช้ผู้ชายกว่า 100 คนในการลาก และในตอนกลางคืนเมื่อมีการจอดเกี้ยวดันจิริอยู่กับที่ ก็จะมีการประดับประดาพื้นที่โดยรอบด้วยโคมไฟแบบญี่ปุ่นอย่างสวยงาม โดยเทศกาลนี้มีการจัดมาอย่างยาวนานกว่า 300 ปี และมีสถานที่จัดอยู่ที่เมืองคิชิวาดะของโอซาก้า และมีกำหนดจัดงานคร่าวๆ เป็นเวลา 2 วันในช่วงกลางเดือนกันยายน และอีก 2 วันในช่วงกลางเดือนตุลาคมของทุกปี
ค่าเข้าชม: ฟรี
การเดินทาง: สถานี Kishiwada
10. เทศกาลโอวาระคะเซะโนะบง จ.โทยาม่า (Kazenobon Festival, Toyama)
อีกหนึ่งงานเทศกาลที่จะได้สัมผัสในเดือนกันยายนก็คือเทศกาลโอวาระคะเซะโนะบง ซึ่งจัดขึ้นที่บริเวณเมืองยัตสึโอะ ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของจังหวัดโทยาม่า จุดเด่นของเทศกาลนี้คือการแสดงดนตรีและการร่ายรำของชาวเมืองในชุดสีสันสดใส และสวมหมวกฟางแบบโบราณเพื่อร่วมกันขอพรให้มีพืชผลที่อุดมสมบูรณ์ นอกจากนี้ยังมีการแสดงบนเวที รวมถึงการประดับประดาโคมไฟยามค่ำคืนที่สวยงามอีกด้วย โดยเทศกาลนี้จะจัดติดต่อกันเป็นเวลา 3 วัน 3 คืนในช่วงต้นเดือนกันยายนของทุกปี ทำให้กลายเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ที่เมืองแห่งนี้จะมีความครึกครื้นและมีบรรยากาศที่น่าประทับใจที่สุดช่วงหนึ่งของปี
ค่าเข้าชม: ฟรี
การเดินทาง: สถานี Etchu Yatsuo (ระหว่างเทศกาลจะมีรถบัสรับส่งไปยังจุดจัดงานฟรี)
ผู้เขียน: ชินพงศ์ มุ่งศิริ
เริ่มต้นทำงานเป็นช่างภาพอิสระหลังเรียนจบ เดินทางไปถ่ายภาพที่ประเทศญี่ปุ่นบ่อยครั้งจนครบทั้ง 4 ฤดูอันสวยงาม และเกือบครบทุกภูมิภาค มีผลงานภาพถ่ายตีพิมพ์ในไกด์บุ๊คระดับโลกอย่าง Lonely Planet ถึง 3 เล่ม คือ Discovery Japan, Japan และ Kyoto รวมถึงเว็บไซต์ท่องเที่ยวชั้นนำอย่าง National Geographic Traveler UK, BBC Travel, Travel+Leisure, TIME และอีกมาก
นอกจากการถ่ายทอดความสวยงามของประเทศญี่ปุ่นผ่านภาพถ่าย ปัจจุบันยังหันมาถ่ายทอดเรื่องราวผ่านทางตัวอักษรทั้งในฐานะนักเขียนและนักแปลควบคู่กันไปอีกด้วย