อัพเดทปี 2023! 20 สุดยอดที่เที่ยวเด่น เดือนกรกฎาคม ฉบับทั่วญี่ปุ่น
เดือนกรกฎาในญี่ปุ่นนั้นถือเป็นช่วงเวลาที่ที่มีความน่าสนใจจากเทศกาลฤดูร้อนหลากหลายรูปแบบ และเทศกาลดอกไม้ไฟที่จัดขึ้นในทุกๆ พื้นที่ของญี่ปุ่น นอกจากนี้ยังเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับการทำกิจกรรมอีกหลากหลายรูปแบบ ซึ่งเราได้รวบรวม 10 กิจกรรมที่น่าสนใจเพื่อให้ทุกคนที่มีแผนท่องเที่ยวในเดือนกรกฎาคมได้สนุกและประทับใจไปกับการท่องเที่ยวญี่ปุ่นในเดือนนี้
※ หมายเหตุ บทความนี้ได้ทำการเรียบเรียงใหม่ (Re-write) ณ วันที่ 9 มิถุนายน 2023
1. สัมผัสความสวยงามตระการตาของทุ่งลาเวนเดอร์ที่ฟุราโนะ จังหวัดฮอกไกโด (Furano, Hokkaido)
ช่วงฤดูร้อนตั้งแต่ต้น-กลางเดือนกรกฎาคมของทุกปีที่ฟุราโนะ (Furano) ในฮอกไกโด (Hokkaido) สิ่งที่นักท่องเที่ยวเฝ้ารออย่างหนึ่งก็คือทิวทัศน์ดอกลาเวนเดอร์แสนสวยราวกับพรมผืนใหญ่ที่แผ่กระจายอยู่กว้างไกลสุดสายตาเป็นภาพที่งดงามราวกับจินตนาการ
ทุ่งดอกลาเวนเดอร์ขนาดใหญ่ ที่ผู้คนนิยมเดินทางไปเยือนมักจะกระจายตัวกันอยู่เลียบถนนทางหลวงหมายเลข 237 ซึ่งได้รับการขนานนามว่าเป็น “ถนนสายดอกไม้ (Flower Drive)” เหมาะสำหรับเช่ารถยนต์ขับไปตามถนนสายนี้ และยังมีจุดชมวิวทุ่งลาเวนเดอร์ชื่อดังอีกหลายแห่งในฟุราโนะ เช่น ฟาร์มโทมิตะ (Tomita Farm) ฟาร์มที่เป็นเหมือนแหล่งเพาะพันธุ์ลาเวนเดอร์ของฟุราโนะ โดดเด่นด้วยทุ่งดอกลาเวนเดอร์รวมถึงดอกไม้อื่นๆ อีกหลากชนิด นอกจากนี้ที่ ฟาร์มซาซากิ (Sasaki Farm) ก็มี สวนไซกะโนะซาโตะ (Saika no Sato) ที่สวยงามด้วยพรมดอกไม้ผืนใหญ่บนเนินลาดเอียง โดยภายในสวนแห่งนี้เป็นสถานที่ชมดอกลาเวนเดอร์ทั้ง 8 สายพันธุ์ที่ปลูกในฮอกไกโด (Hokkaido)
การเดินทาง : ขึ้นรถไฟสาย JR Nemuro Main Line ไปลงที่สถานี Furano ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง
2. ร่วมเทศกาลกิออน 1 ใน 3 เทศกาลฤดูร้อนสุดยิ่งใหญ่แห่งเกียวโต (Gion Festival, Kyoto)
เทศกาลกิออน หรือ กิออนมัตสึริ (Gion Festival) คือเทศกาลฤดูร้อนที่จัดขึ้นทุกปีที่เมืองเกียวโต (Kyoto) เป็นเทศกาลที่จัดมาอย่างยาวนานกว่าพันปี โดยถือเป็น 1 ใน 3 เทศกาลฤดูร้อนสำคัญของญี่ปุ่น โดยมีไฮไลท์สำคัญคือการจัดขบวนแห่พร้อมกับการลากรถเกี้ยวขนาดใหญ่ไปรอบเมืองในวันที่ 17 และ 24 กรกฎาคม สำหรับชาวเมืองเกียวโตนั้นจะมีการเฉลิมฉลองเทศกาลนี้กันตั้งแต่วันที่ 1-31 กรกฎาคม
ทำให้บรรยากาศภายในเมืองมีความคึกคัก มีการประดับประดาท้องถนนด้วยโคมไฟ และมีการจอดโชว์รถเกี้ยวขนาดใหญ่ที่จะใช้ในขบวนแห่ไว้ตามจุดต่างๆ ของเมือง รวมถึงยังมีการจัดพิธีย่อยอีกหลากหลายรูปแบบตามวัดและศาลเจ้าภายในเมืองตลอดเดือน สามารถเพลิดเพลินกับบรรยากาศที่ชาวเมืองส่วนใหญ่สวมใส่ชุดยูกาตะออกมาร่วมทำกิจกรรมต่างๆ เป็นช่วงเวลาที่เมืองเกียวโตซึ่งมีเสน่ห์ของความเป็นเมืองเก่าที่อบอวลไปด้วยวัฒนธรรมอยู่แล้ว ยิ่งมีความพิเศษและมีชีวิตชีวามากกว่าในช่วงเวลาปกติ
การเดินทาง : จากสถานี Kyoto ขึ้นรถไฟใต้ดินสาย Karasuma ไปยังสถานี Shijo และเดินประมาณ 5 นาทีไปยังสี่แยก Karasuma-Shijo
3. สวมชุดยูกาตะเที่ยวเทศกาลดอกไม้ไฟแม่น้ำสุมิดะ มหานครโตเกียว (Sumida River Fireworks Festival, Tokyo)
เทศกาลดอกไม้ไฟแม่น้ำสุมิดะ (Sumida River Fireworks Festival) ถือว่าเป็นอีกหนึ่งเทศกาลดอกไม้ไฟที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่นและจัดต่อเนื่องกันมาเป็นเวลานานหลายร้อยปี โดยจัดที่ริมแม่น้ำสุมิดะในโตเกียวในช่วงสัปดาห์สุดท้ายเดือนกรกฎาคมของทุกปี ความยิ่งใหญ่อลังการของแสงสีจากดอกไม้ไฟจำนวนกว่า 20000 ดอกที่พุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้ายามค่ำคืนนั้น
งานนี้สามารถดึงดูดผู้เข้าชมได้เนืองแน่นถึงเกือบล้านคนในทุกๆปี ซึ่งตามสถานที่ต่างๆ ใกล้บริเวณงาน เช่น โตเกียวสกายทรี (Tokyo Skytree) สวนสนุกฮานายะชิกิ (Hanayashiki Amusement Park) รวมถึงโรงแรมและร้านอาหารต่างๆ ก็มักจะจัดที่นั่งสำหรับชมดอกไม้ไฟไว้ นอกจากนี้ก็ยังมีบริการล่องเรือแม่น้ำสุมิดะเพื่อชมดอกไม้ไฟอีกด้วย ขอแนะนำให้ใส่ชุดยูกาตะมาจะได้บรรยากาศยิ่งขึ้น โดยในปีนี้จะจัดขึ้นวันที่ 29 กรกฎาคม 2023
การเดินทาง : ขึ้นรถไฟใต้ดินสาย Tokyo Metro Ginza Line ไปลงสถานี Asakusa
4. อธิษฐานขอพรในเทศกาลทานาบาตะ เมืองโมบาระ จังหวัดชิบะ (Mobara Tanabata Festival, Chiba)
เทศกาลทานาบาตะเมืองโมบาระ (Mobara Tanabata Festival) ตอนกลางของจังหวัดชิบะ (Chiba) เป็นเทศกาลที่จัดมายาวนานกว่า 60 ปี เป็นเวลา 3 วันระหว่างวันศุกร์-อาทิตย์ในช่วงปลายเดือนกรกฎาคมที่บริเวณรอบสถานีรถไฟเจอาร์โมบาระ (JR Mobara Station) และตลอดระยะเวลาที่จัดงานจะมีการนำโคมกระดาษหรือซาซาคาซาริ (Sasakazari) ไปประดับตามจุดต่างๆ ภายในเมืองอย่างสวยงาม
แล้วยังมีการสร้างความครึกครื้นจากการจัดขบวนแห่และการร่ายรำในรูปแบบต่างๆ ไปตามตามถนนสายช้อปปิ้ง 3 แห่งที่เรียงรายจากหน้าสถานีรถไฟเจอาร์โมบาระ ไปถึงสำนักงานเทศบาลเมืองเป็นระยะทางราว 1.5 กิโลเมตร จะแน่นขนัดไปด้วยเครื่องตกแต่งสวยงามอลังการสำหรับเทศกาลทานาบาตะ และยังมีกิจกรรมอีกมากมาย เช่น การร่ายรำทานาบาตะ (Tanabata-odori Dance) ที่สร้างสีสันครึกครื้นสนุกสนานให้กับผู้คนที่มาเที่ยวชมงาน ในปีนี้จัดงานขึ้นตั้งแต่วันที่ 29-30 กรกฎาคม 2023
การเดินทาง : จากสถานี Tokyo ขึ้นรถไฟสาย JR Keiyo Line Limited Express ไปลงที่สถานี Mobara ใช้เวลาประมาณ 52 นาที
5. ตื่นตากับโคมไฟสามหมื่นดวงในเทศกาลมิตามะ ณ ศาลเจ้ายาสุคุนิ โตเกียว (Mitama Festival, Tokyo)
ช่วงเดือนกรกฎาคมและสิงหาคมมีวันสำคัญสำหรับชาวญี่ปุ่นอยู่วันหนึ่งคือวัน “โอบ้ง” หรือวันที่เชื่อว่าวิญญาณของบรรพบุรุษจะกลับมายังโลกมนุษย์ และถือเป็นช่วงเวลาที่ครอบครัวใหญ่จะได้กลับไปอยู่พร้อมหน้ากันเพื่อทำบุญให้กับบรรพบุรุษ ซึ่งเทศกาลมิตามะบริเวณศาลเจ้ายาสุคุนิ (Yasukuni Shrine) ในโตเกียวนั้นมีความน่าสนใจอยู่ที่ในทุกคืนที่จัดเทศกาล จะมีการจุดโคมไฟกว่าสามหมื่นดวงตั้งแต่บริเวณทางเดินเข้าศาลเจ้าไปจนถึงรอบๆ ตัวอาคารหลัก
โคมไฟในเทศกาลโอบ้งนั้นมีความหมายถึงการช่วยนำทางดวงวิญญาณของบรรพบุรุษ และในขณะเดียวกันก็ยังเป็นภาพที่น่าตื่นตาตื่นใจสำหรับนักท่องเที่ยวที่ได้เห็นการประดับประดาโคมไฟจำนวนมากขนาดนี้ และภายในงานยังมีกิจกรรมสนุกๆ อย่างการออกร้านขายของและอาหาร บ้านผีสิง และการรำบงโอโดริ หรือการรำวงญี่ปุ่นที่ใครๆ ก็สามารถเข้าไปร่วมระบำได้ ในปีนี้จัดงานขึ้นวันที่ 13-16 กรกฎาคม 2023
เวลาทำการ : 06.00 – 21.30 น. ในช่วงเทศกาล (ช่วงเวลาปกติ ปิด 18.00 น.)
การเดินทาง : รถไฟใต้ดิน Toei Shinjuku Line สถานี Kudanshita
6. ทานอาหารเหนือลำธารดับร้อนที่คิบุเนะ เกียวโต (Kibune, Kyoto)
“คาวาโดโกะ” (Kawadoko) หรือการทานอาหารเหนือลำธารถือเป็นสเน่ห์ของการทานอาหารในช่วงฤดูร้อนที่มาพร้อมกับประสบการณ์ที่แปลกใหม่และน่าประทับใจ ซึ่งการทานอาหารในรูปแบบนี้สามารถพบได้ที่คิบุเนะ เมืองเล็กๆ บนภูเขาทางตอนเหนือของเกียวโต ซึ่งมีเรียวกังและร้านอาหารหลายแห่งที่สร้างพื้นที่นั่งทานอาหารเอาไว้เหนือลำธารที่มีสายน้ำไหลผ่านอยู่ตลอดเวลา พร้อมกับบรรยากาศของป่าไม้เขียวครึ้มโดยรอบจนทำให้ลืมอากาศร้อนไปชั่วขณะ
โดยอาหารที่เสิร์ฟนั้นจะมีทั้งอาหารง่ายๆ ราคาไม่แพงมากนักอย่างราเม็ง หรือชุดอาหารกลางวันทั่วไป แต่ร้านอาหารหลายแห่งก็เสิร์ฟอาหารแบบไคเซกิ หรืออาหารชั้นสูงที่คัดเลือกวัตถุดิบชั้นดีของฤดูกาลนั้นๆ มาเสิร์ฟ เพื่อให้ได้ประสบการณ์ที่ดีตั้งแต่บรรยากาศโดยรอบไปจนถึงอาหารที่ทาน
เวลาทำการ : ขึ้นอยู่กับร้านอาหารแต่ละร้าน
การเดินทาง : จากรถไฟสาย Kurama Line สถานี Kibuneguchi ต่อรถบัสไปลงป้าย Kibune
7. สนุกและอร่อยไปกับการทาน นางะชิ โซเม็ง (Nagashi Somen)
นอกจากการทานอาหารแบบคาวาโดโกะเหนือลำธารแล้ว นางะชิ โซเม็ง (Nagashi Somen) หรือโซเม็งไม้ไผ่ก็ถือเป็นเมนูช่วงฤดูร้อนที่มีความโดดเด่นจากรูปแบบการทานที่จะเสิร์ฟเส้นโซเม็งในปริมาณพอดีคำมาตามรางไม้ไผ่ที่มีน้ำไหลผ่านอยู่ตลอดเวลา ใครที่ยังคีบไม่ชำนาญก็อาจจะอดกิน และใครที่คีบได้ก็จะนำมาจุ่มทานกับซอสทสึยุพร้อมกับความรู้สึกสดชื่น
โดยในปัจจุบันเมนูนี้สามารถหาทานได้ในร้านอาหารหลายแห่งในประเทศญี่ปุ่น แต่หากอยากมาทานต้นตำรับของเมนูนี้ก็ต้องมาที่เมืองทาคาจิโฮะ จังหวัดมิยาซากิ (Miyazaki) โดยเฉพาะบริเวณช่องเขาทาคาจิโฮะ (Takachiho Gorge) สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของเมือง ที่จะได้สัมผัสความสวยงามของธรรมชาติบริเวณช่องเขาไปพร้อมๆ กับแวะทานเมนูนี้เพื่อคลายร้อน
8. เดินป่าสัมผัสธรรมชาติที่คามิโคจิ จังหวัดนากาโนะ (Kamikochi, Nagano)
หน้าร้อนที่ญี่ปุ่นยังเป็นช่วงเวลาที่เหมาะกับการทำกิจกรรมกลางแจ้งอย่างเดินป่าปีนเขา ซึ่งหนึ่งในสถานที่ที่ได้รับความนิยมอย่างมากก็คือคามิโคจิ (Kamikochi) ในจังหวัดนากาโนะ (Nagano) ซึ่งเหมาะสำหรับทั้งคนที่อยากไปเที่ยวแบบสบายๆ พักค้างคืนในโรงแรมแล้วออกมาสัมผัสธรรมชาติโดยรอบ ไปจนถึงคนที่อยากเดินป่าสัมผัสธรรมชาติอย่างจริงจัง ซึ่งมีเส้นทางเดินป่าให้เลือกหลากหลายระดับและรูปแบบ หรือกิจกรรมกลางแจ้งอีกมากมายทั้งการกางเตนท์ และตั้งแคมป์
ซึ่งในเรื่องความสวยงามและความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาตินั้น คามิโคจิเป็นจุดที่ได้รับการยอมรับเป็นอันดับต้นๆ ทั้งจากแนวเทือกเขาแอลป์ญี่ปุ่นอันยิ่งใหญ่ และแม่น้ำที่มีน้ำใสจนกลายเป็นสีฟ้า และท้องฟ้าที่ใสจนสามารถดูดาวได้ชัดเจนในตอนกลางคืน รวมทั้งยังสามารถเดินทางมาได้อย่างง่ายดายจากโตเกียวด้วยรถบัส ซึ่งใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง 20 นาทีเท่านั้น
การเดินทาง : จากสถานีรถบัสชินจูกุ (Shinjuku Bus Terminal) ขึ้นรถบัสไปยังสถานีรถบัสคามิโคจิ (Kamikochi Bus Terminal)
9. เพลิดเพลินกับเทศกาลเทนจิน จังหวัดโอซาก้า (Tenjin Festival, Osaka)
เทศกาลเทนจิน (Tenjin Festival) เป็นเทศกาลที่จัดขึ้นทุกวันที่ 24 และ 25 กรกฎาคมของทุกปีในเมืองโอซาก้า (Osaka) โดยถือเป็นอีกหนึ่งเทศกาลฤดูร้อนที่ยิ่งใหญ่และเก่าแก่ และยังครบครันทั้งการได้สัมผัสกับขบวนแห่สุดรื่นเริงทั้งบนถนนและแม่น้ำ รวมถึงการจุดดอกไม้ไฟหลายพันนัดเพื่อปิดเทศกาล จนสามารถเรียกได้ว่าเป็นช่วงเวลาที่เปลี่ยนบรรยากาศจากเมืองใหญ่อันทันสมัยของโอซาก้า ให้กลายเป็นเมืองที่มีกลิ่นอายของความสนุกรื่นเริง และมีสีสันแห่งวัฒนธรรมสอดแทรกไปอยู่ในทุกมุม โดยจุดประสงค์หลักของเทศกาลนี้คือการขอพรกับเทพเจ้าเพื่อให้ชาวเมืองโอซาก้ามีสุขภาพที่แข็งแรง และมีการงานที่ดีและมั่นคง
การเดินทาง : กิจกรรมส่วนใหญ่จะจัดขึ้นไม่ไกลจากศาลเจ้าโอซาก้าเทมมังกุ ใกล้กับสถานี Osakatemmangu
10. สัมผัสวิวยามค่ำสุดสวยในเทศกาลโคมไฟโอไดบะ มหานครโตเกียว (Odaiba Lantern Festival, Tokyo)
เทศกาลโคมไฟโอไดบะเป็นเทศกาลที่จัดขึ้นเนื่องใน “วันทะเล” ในเดือนกรกฎาคม ซึ่งเป็นหนึ่งในวันหยุดของชาวญี่ปุ่นเพื่อรำลึกถึงความสำคัญและขอบคุณท้องทะเล โดยงานจะจัดขึ้นประมาณ 2-3 วัน และจะมีการร่วมกันจุดโคมไฟจำนวนมากตลอดความยาวของชายหาดโอไดบะกว่า 800 เมตร
ในระหว่างนั้นผู้ที่มาเข้าร่วมงานก็จะได้สัมผัสกับความสวยงามของพระอาทิตย์ที่กำลังตก ไปจนถึงโคมไฟที่ค่อยๆ สว่างสไวขึ้นพร้อมๆ กับทิวทัศน์ของเมืองโตเกียวและสะพานแขวนในบริเวณใกล้เคียงที่ส่องสว่างขึ้นในยามค่ำคืนจนเกิดเป็นบรรยากาศที่โรแมนติกและน่าประทับใจ และถือเป็นบรรยากาศที่หาชมได้ยากของโอไดบะที่มีให้สัมผัสเพียงปีละไม่กี่วันเท่านั้น ในปีนี้จัดขึ้นวันที่ 17 กรกฎาคม 2023
การเดินทาง: รถไฟฟ้าสาย Yurikamome สถานี Odaiba-Kaihin-Koen