TOP 5 เมืองน่าอยู่ที่สุดในญี่ปุ่น (ภาคคิวชู)
ภูมิภาคคิวชู (Kyushu) ทางตอนใต้ในญี่ปุ่น เป็นอีกภูมิภาคที่ได้รับความนิยมในการเดินทางไปท่องเที่ยวซึ่งบรรยากาศของภูมิภาคนี้ส่วนใหญ่ก็จะเป็นธรรมชาติ ภูเขา แหล่งออนเซ็น และมีเมืองศูนย์กลางทซึ่งเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมของโซนนี้ก็คือฟุคุโอกะ (Fukuoka) ในครั้งนี้ก็จะพาไปรู้จักเมืองที่ชาวญี่ปุ่นในคิวชูบอกว่าน่าอยู่ที่สุด ดังต่อไปนี้
1. เมืองฟุคุโอกะ จังหวัดฟุคุโอกะ (Fukuoka City, Fukuoka)
เมืองฟุคุโอกะ (Fukuoka City) เป็นเมืองเอกที่มีชื่อเดียวกันกับจังหวัดฟุคุโอกะที่เปรียบเหมือนศูนย์กลางของภูมิภาคคิวชู (Kyushu) และเป็นเมืองที่มีประชากรอาศัยอยู่มากที่สุด ฟุคุโอกะถือเป็นเมืองที่มีการเจริญเติบโตสูงอย่างต่อเนื่องจนทำให้ได้รับเลือกจากนิตยสาร Newsweek เมื่อปี 2006 ให้เป็น 1 ใน 10 Most Dynamic Cities ต่อมาในปี 2008 ก็ได้รับเลือกจากนิตยสาร Monocle ให้เป็นเมืองน่าอยู่อันดับที่ 17 ของโลกจาก 25 อันดับ ปัจจุบันฟุคุโอกะก็เป็นทั้งเมืองที่น่าอยู่ เหมาะกับการใช้ชีวิตซึ่งรายล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก โดยเฉพาะการเป็นศูนย์กลางระบบขนส่งสาธารณะที่ฮากาตะ (Hakata) แหล่งช้อปปิ้งทันสมัยในย่านเทนจิน (Tenjin) หรือด้านประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมก็มีสถานที่ทางวัฒนธรรมที่หลากหลาย รวมถึงการให้ความสำคัญกับนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสำหรับการใช้ชีวิตด้วย
สถานที่ท่องเที่ยวแนะนำ : พิพิธภัณฑ์ศิลปะฟุคุโอกะ (Fukuoka Art Museum)
เป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งเมืองฟุกุโอกะ ตั้งอยู่ในสวนสาธารณะโอโฮริ (Ohori Park) ตัวอาคารมีสองชั้น ภายในได้มีการรวบรวมผลงานศิลปะหลายประเภทตั้งแต่สมัยโบราณและสมัยใหม่ทั้งจากศิลปินในญี่ปุ่นและต่างประเทศไว้กว่า 16,000 ชิ้น ไม่ว่าจะเป็นภาพวาดต่างๆ งานประติมากรรม เครื่องปั้นเซรามิก ศิลปะเกี่ยวกับพุทธศาสนา งานจิตรกรรมจากศิลปินระดับโลกอย่าง โจอัน มิโร (Joan Miro) ชาวสเปน นอกจากนี้ยังมีห้องจัดนิทรรศการแบบถาวร กับห้องจัดนิทรรศการชั่วคราวที่มีกำหนดช่วงเวลา และห้องแกลเลอรี่ชาวเมือง (Civic Gallery) ที่ศิลปินในท้องถิ่นจะมีโอกาสในการนำเสนอผลงานได้
เมื่อเที่ยวชมภายในพิพิธภัณฑ์แล้ว อีกจุดหนึ่งที่น่าสนใจคือสวนสาธารณะโอโฮริ (Ohori Park) ที่ตั้งของมิวเซียมที่มีบรรยากาศเหมาะกับการเดินเล่นพักผ่อนหย่อนใจ ชมสวนสไตล์ญี่ปุ่น หรือนั่งเล่นจิบน้ำชากับขนมที่ศาลาชมสวนริมน้ำภายในสวนแห่งนี้
เวลาทำการ : 09.30-17.30 น. และ 09.30–20.00 น. ในวันศุกร์และวันเสาร์
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 200 เยน, นักเรียนมัธยมปลายและนักศึกษา: 150 เยน, นักเรียนประถมและมัธยมต้น ฟรี
การเดินทาง : จากสถานีฮากาตะ (Hakata Station) โดยสารรถบัส Nishitetsu No.13 ไปลงป้าย Fukuoka-shi Bijutsukan Higashi-guchi และเดินอีกประมาณ 3 นาที
2. เมืองคุรุเมะ จังหวัดฟุคุโอกะ (Kurume City, Fukuoka)
คุรุเมะ (Kurume City) เป็นเมืองทางตอนใต้ของจังหวัดฟุคุโอกะ (Fukuoka) ใช้เวลาเดินทางโดยรถไฟประมาณ 30 นาที มีประชากรอาศัยอยู่ราวๆ 300,000 คน เป็นเมืองที่ได้รับการพัฒนาภายใต้แนวคิดความสมดุลที่สมบูรณ์แบบระหว่างความเป็นเมืองและชนบท บรรยากาศโดยรวมของเมืองแวดล้อมไปด้วยธรรมชาติอุดมสมบูรณ์แต่ในขณะเดียวกันก็พรั่งพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกในการดำเนินชีวิตทุกๆ ด้าน มีย่านพักอาศัยอันเงียบและมีส่วนที่เป็นย่านการค้าบรรยากาศคึกคักในตัวเมืองรวมถึงแหล่งอุตสหกรรมการผลิตสินค้าประเภทยานยนต์ นอกจากนี้ยังมีชื่อเสียงทางวัฒนธรรมที่หลากหลาย รวมทั้งเป็นแหล่งอาหารอร่อยซึ่งเป็นที่ยอมรับทั้งในและต่างประเทศ เช่น ยากิโทริ (Yakitori) สาเก (Sake) เป็นต้น
สถานที่ท่องเที่ยวแนะนำ : โรงผลิตสาเกมากมายภายในเมือง
คุรุเมะเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงเรื่องแหล่งผลิตอาหารกับเครื่องดื่ม และเหล้าสาเกของคุรุเมะก็ได้รับความนิยมเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศ ในพื้นที่นี้จึงมีโรงผลิตสาเก (Sake Brewery) ระดับคุณภาพชั้นนำ กระจายตัวอยู่หลายแห่งทั่วเมืองซึ่งบางแห่งก็ก่อตั้งมาตั้งแต่สมัยโบราณโดยเฉพาะบริเวณริมแม่น้ำชิคุโกะ (Chikugo River) ในเขตโจจิมะ (Jojima) และส่วนใหญ่ก็เปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าไปชมเกี่ยวกับการผลิตสาเกภายในโรงงานด้วย เช่น โรงผลิตสาเกฮิโยคุตสึรุ (Hiyokutsuru Sake Brewery), โรงผลิตสาเกอิเคคาเมะ (Ikekame Sake Brewery), อีกทั้งบางแห่งยังมีพื้นที่บาร์เล็กๆ กับร้านอาหารที่ให้บริการนั่งดื่มเครื่องดื่มด้วย เช่น โรงผลิตโมริโนะคุระ (Morinokura Sake Brewery)
และในช่วงเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคมของทุกปีจะเป็นช่วงที่มีการผลิตเหล้าสาเกใหม่ จึงมีการจัดงานประจำปี ชื่อว่า ซาคากุระ- บิรากิ (Sakagura Biraki) ซึ่งในช่วงที่จัดงาน โรงผลิตสาเกแต่ละแห่งในเมืองก็จะเปิดให้ชาวเมืองและผู้ที่สนใจเข้าไปชมโรงงานพร้อมทั้งชิมเหล้าสาเกที่ผลิตใหม่ๆ ได้ด้วย
3. เมืองคิตะคิวชู จังหวัดฟุคุโอกะ (Kitakyushu City, Fukuoka)
คิตะคิวชู (Kitakyushu) เมืองในจังหวัดฟุคุโอกะ (Fukuoka) ที่ตั้งอยู่ทางเหนือสุดของเกาะคิวชู เป็นเมืองศูนย์กลางการขนส่งและค้าขายทางเรือมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน และยังได้รับการพัฒนาให้เป็นเมืองอุตสาหกรรมในปัจจุบัน
ด้านความเป็นอยู่ของผู้คนในเมืองนี้ก็มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันทั้งด้านขนส่งสาธารณะที่เชื่อมต่อทุกพื้นที่ในภูมิภาครวมทั้งการสัญจรไปมาระหว่างเกาะฮอนชูกับคิวชูอีกทั้งยังมีค่าเช่าไม่สูงมากนัก อีกอย่างหนึ่งที่น่าสนใจคือ เป็นเมืองที่ให้ความสำคัญกับการใช้ชีวิตให้มีสุขภาพดีและทีสถาบันทางการแพทย์ในเมืองจำนวนมาก ท่ามกลางบรรยากาศของเมืองท่าในอดีตที่ยังคงมีอาคารสถาปัตยกรรมที่ได้รับอิทธิพลจากฝั่งตะวันตกอย่างโดดเด่น นอกจากพื้นที่พักอาศัยในเมืองที่ทันสมัยก็ยังมีพื้นที่ชนบท ภูเขา ทะเล ทุ่งดอกไม้ เป็นต้น
สถานที่ท่องเที่ยวแนะนำ : โมจิโค เรโทร (Mojiko Retro)
โมจิโค เรโทร (Mojiko Retro) เมืองท่าเรือเก่าแก่มีประวัติศาสตร์ยาวนานและโดดเด่นตั้งแต่สถานีรถไฟที่สร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบผสมผสานสไตล์นยุโรป จึงเปรียบเหมือนแลนด์มาร์คจุดแรกสำหรับเช็คอินและเก็บภาพสวยๆ ก่อนจะเดินไปยังท่าเรือเก่าโมจิ (Moji Port Retro) ซึ่งปัจจุบันได้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่เต็มไปด้วยบรรยากาศของอาคารสไตล์ยุโรปตั้งแต่สมัยเมจิ อีกทั้งบริเวณรอบๆ ท่าเรือก็มีแหล่งท่องเที่ยวน่าสนใจให้ได้เดินชม อาทิ อาคารสไตล์ยุโรป หอสมุดที่ระลึกความสัมพันธ์นานาชาติ (International Friendship Memorial Library) อดีตอาคารศุลกากรโมะจิ (Old Moji Customs Building) สะพานคันมอน (Kanmon Kaikyo Bridge) รวมทั้งยังมีร้านค้าร้านอาหารอร่อยๆ ให้ได้ลองชิม เช่น เมนูท้องถิ่นข้าวแกงกะหรี่ย่างหรือ Yaki Curry ที่มีลักษณะเฉพาะคือการนำไปอบจนผิวเกรียมๆ ก่อนยกมาเสิร์ฟ
เวลาทำการ : 10.00-20.00 น.
ค่าเข้าชม : ขึ้นอยู่กับแต่ละร้านค้า
การเดินทาง : ขึ้นรถไฟสาย JR Kagoshima Main Line ไปลงที่ Mojiko Station แล้วเดินอีก 10 นาที
4. เมืองคาสึกะ จังหวัดฟุคุโอกะ (Kasuga City, Fukuoka)
คาสึกะ (Kasuga City) เป็นเมืองที่อยู่ห่างจากย่านศูนย์กลางของจังหวัดฟุคุโอกะ (Fukuoka) ไปประมาณ 10 กิโลเมตร เปรียบเหมือนย่านพักอาศัยในชานเมืองสำหรับผู้คนที่ต้องการใช้ชีวิตนอกตัวเมือง และยังสามารถเดินทางเข้ามาทำงานในโซนใจกลางเมืองได้อย่างสะดวก บรรยากาศของเมืองค่อนข้างสงบและมีธรรมชาติอุดมสมบูรณ์รายล้อม รวมถึงพื้นที่สาธารณะสำหรับบริการประชาชนที่หลากหลาย เช่น ห้องสมุดสาธารณะ ศูนย์กลางการเรียนรู้สำหรับเด็กในชุมชน สนามกีฬาส่วนกลาง เป็นต้น จึงทำให้มีสถิติการเพิ่มจำนวนของประชากรที่มาตั้งถิ่นฐานเพิ่มขึ้นทุกปี เนื่องจากเป็นย่านที่ไม่ไกลจากเมืองฟุคุโอกะ มีการระบบขนส่งสาธารณะเชื่อมต่อไปยังพื้นที่อื่นๆ ในภูมิภาคได้อย่างสะดวกสบาย
สถานที่ท่องเที่ยวแนะนำ : สวนคาสึกะ (Kasuga Park)
สวนคาสึกะ (Kasuga Park) เป็นสวนสาธารณะประจำเมืองคาสึกะที่มีขนาดพื้นที่กว้างใหญ่ ตั้งอยู่ใกล้กับสถานีคาสึกะ (Kasuga Station) ภายในสวนแบ่งออกเป็นโซนต่างๆ หลายโซน เช่น โซนสันทนาการสำหรับทำกิจกรรมอย่างเช่น ปิกนิก มีโซนน้ำพุใจกลางสวนที่รายล้อมด้วยดอกบ๊วย (Ume) เมื่อถึงฤดูใบไม้ผลิก็จะได้ชมทิวทัศน์ของดอกบ๊วยรวมทั้งดอกซากุระที่บานสะพรั่งทั่วทั้งสวน มีโซนสนามกีฬาที่ประชาชนสามารถใช้บริการได้ เช่น สนามเทนนิส สนามบาสเกตบอล สนามเบสบอล ลานสเก็ตบอร์ด รวมถึงถนนสำหรับวิ่งจ๊อกกิ่งออกกำลังกายด้วย นอกจากนี้ในช่วงสุดสัปดาห์ก็จะมีการจัดอีเวนท์กลางแจ้งในสวน เช่น ตลาดซื้อขายผลงานศิลปะเล็กๆ ตลอดจนกิจกรรมสำหรับเด็ก เช่น เป็นสถานที่จัดงานวันเด็กผู้ชาย (Kodomo No Hi) พร้อมประดับธงปลาคาร์พทั่วทั้งสวนในวันที่ 5 พฤษภาคมของทุกปี
เวลาทำการ : 09.00-21.00 น.
การเดินทาง : ขึ้นรถไฟสาย JR Kagoshima Main Line ไปลงที่สถานีคาสึกะ (Kasuga Station) และเดินประมาณ ประมาณ 10 นาที
5. เมืองดาไซฟุ จังหวัดฟุคุโอกะ (Dazaifu City, Fukuoka)
เมืองดาไซฟุ (Dazaifu City) น่าจะเป็นหนึ่งในอีกเมืองที่คนไทยรู้จักดี ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของตัวเมืองฟุคุโอกะ โดยอยู่ห่างจากใจกลางเมืองออกไปประมาณ 16 กิโลเมตร ภาพรวมของดาไซฟุคือเมืองที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และความเป็นเมืองโบราณทรงคุณค่าซึ่งทำให้ได้รับเลือกให้เป็นเมืองมรดกทางวัฒนธรรมทรงคุณค่าของญี่ปุ่น โดยมีสิ่งที่เป็นมรดกทั้งด้านสถาปัตยกรรม อย่างวัด ศาลเจ้า ตลอดจนงานประเพณีกับเทศกาลต่างๆ ที่สืบทอดกันมา ในด้านชีวิตความเป็นอยู่
ด้วยความที่มีทำเลอยู่ใกล้กับเมืองฟุคุโอกะ จึงเป็นตัวเลือกสำหรับเป็นเมืองพักอาศัยสำหรับผู้คนที่ต้องเดินทางเข้าไปทำงานในเมือง รวมทั้งการเดินทางเชื่อมต่อไปยังพื้นที่อื่นได้อย่างสะดวก และในขณะเดียวกันที่นี่ก็มีแหล่งชุมชนดั้งเดิมของชาวเมืองในบรรยากาศเงียบสงบ มีธรรมชาติรายล้อม และยังเป็นเมืองที่เจริญเติบโตทางเศรษฐกิจควบคู่กับเมืองฟุคุโอกะมายาวนานด้วย
สถานที่ท่องเที่ยวแนะนำ : ศาลเจ้าต่างๆ มากมาย ที่ตั้งอยู่ในเมืองดาไซฟุ
เมืองดาไซฟุ เป็นเมืองที่มีศาลเจ้ามากมาย ที่อยากพูดถึงในช่วงนี้ก็คือศาลเจ้าคามาโดะ และศาลเจ้าดาไซฟุเทมมังกู
ศาลเจ้าคามาโดะ (Kamado Shrine) เป็นศาลเจ้าขนาดไม่ใหญ่ แต่มีจุดเด่นคือเป็นสมบัติทางวัฒนธรรมของจังหวัดฟุคุโอกะ ใบไม้เปลี่ยนสี ดอกไม้ตามฤดูกาล เช่น ดอกบ๊วย ซากุระที่พร้อมใจกันออกดอกตั้งแต่ปลายเดือนมกราคม-ต้นเดือนมีนาคม และนอกจากนี้ก็กลายเป็นที่เที่ยวดังเนื่องจากเชื่อกันว่าเป็นที่มาของนามสกุลของตัวเอกสองพี่น้องจากอนิเมะเรื่อง ดาบพิฆาตอสูร นั่นเอง
ศาลเจ้าดาไซฟุเทมมังกู (Dazaifu-Tenmangu Shrine) เป็นศาลเจ้าประจำเมืองดาไซฟุและจังหวัดฟุคุโอกะที่มีชื่อเสียงมาก โดยมีความเชื่อกันว่าศาลเจ้าแห่งนี้คือจุดเสริมพลังชีวิต (Power Spot) ที่ให้โชคในเรื่องการเรียนการศึกษา ดังนั้นจึงมีนักเรียนนักศึกษามาอธิษฐานขอพรให้สมหวังในการสอบกันเป็นจำนวนมากในแต่ละปี นอกจากนี้บริเวณศาลก็ยังมีสิ่งที่น่าสนใจอีกหลายอย่าง อาทิ รูปปั้นวัวที่เรียกกันว่า โกชิงกิว (Goshingyu) ซึ่งก็มีความเชื่อกันว่าถ้าได้ลูบที่หัวแล้วจะทำให้ฉลาด นอกจากนี้ถนนที่ตรงไปยังศาลเจ้า ตลอดสองฝั่งก็เต็มไปด้วยร้านค้า ร้านขายเครื่องราง ร้านอาหาร ร้านขนมต่างๆ ให้ลองชิม เช่น ขนมโมจิย่างรูปดอกบ๊วย (Umegae Mochi) ซึ่งเป็นขนมขึ้นชื่อของที่นี่
การเดินทาง : ขึ้นรถไฟสาย Nishitetsu Dazaifu Line ไปลงสถานีดาไซฟุ (Dazaifu Station) และเดินประมาณ 10 นาที ทั้งศาลเจ้าคามาโดะ และศาลเจ้าดาไซฟุเทมมังกู อยู่ในระยะที่เดินไปจากสถานีได้
ผู้เขียน: หนึ่ง
นักอ่านและนักเขียนที่ชอบการเดินทางไปในที่ต่างๆ โดยเฉพาะญี่ปุ่น รักการดูอนิเมะญี่ปุ่นเป็นชีวิตจิตใจ :)