เกล็ดน้ำค้างของซะโอ (Zao)
ในฤดูใบไม้ผลิก็จะสามารถเดินเขาท่ามกลางใบไม้สีเขียว ในหน้าร้อนก็สามารถเป็นสถานที่พักหย่อนฉ่อนใจ ฤดูใบไม้ร่วงก็สามารถชมใบไม้เปลี่ยนสี และในหน้าหนาวยังสามารถเล่นสกีได้อีกด้วย เรียกได้ว่าสามารถสนุกกับธรรมชาติได้ตลอดปีและถือว่าเป็นสเน่ห์ของที่นี่เลยครับ
สิ่งที่ผมจะมาแนะนำในครั้งนี้ก็คือทิวทัศน์อันสวยงามของทิวเขาซะโอซึ่งเป็นอีกหนึ่งความประทับใจของผมครับ ที่นี่มีปรากฏการณ์พิเศษอยู่ว่า เมื่ออุณหภูมิต่ำกว่า 5 องศาแล้ว ก็จะสามารถเห็นเกล็ดหิมะเล็กๆ ปลิวว่อนไปพร้อมกับสายลมอ่อนๆ อันเป็นศิลปะอย่างหนึ่งของธรรมชาติที่เรียกว่าเกล็ดน้ำค้างครับ อีกทั้งยังเป็นอะไรที่งดงาม จนผู้คนทั่วโลกต้องมาที่นี่เพื่อรับชมก็ว่าได้ครับ
แต่การที่จะขึ้นไปชมความสวยงามนั้น ก็ต้องผ่านทางค่อนข้างลำบาดนิดหน่อยนะครับ เพราะเราจะต้องนั่งกระเช้าจากสถานีซันรคคุ (Sanroku) จนไปถึงที่ชมเกล็ดน้ำค้างหรือเรียกว่าสถานีจูเฮียวโคเก็น (Juhyokogen) และยังต้องเปลี่ยนเส้นทางไปยังสายซันโจ (Sancho) จนไปถึงสถานีจุดหมายที่มีชื่อว่าซะโอซันโจนั่นเองครับ เนื่องจากวันเสาร์อาทิตย์จะมีนักท่องเที่ยวมาเป็นจำนวนมาก หากต้องการจะขึ้นกระเช้าในหน้าหนาวแล้วล่ะก็
จะถูกคำถามจากช่องจำหน่ายตั๋วถามมาว่า อาจจะต้องนั่งจากตรงนี้หนึ่งชั่วโมง และรอเปลี่ยนกระเช้าอีกหนึ่งชั่วโมง เป็นอะไรมั้ยครับ? เหมือนกับที่ผมโดนมาก่อนนั่นเองครับ หากท้อถอยในจุดนี้ก็จะไม่สามารถชมกับหยาดนั้นค้างอันสวยงามได้ เรียกได้ว่าเป็นการวัดใจอย่างหนึ่งเลยทีเดียว
บนกระเช้า หรือที่เรียกว่า โรปเวย์นั้น สามารถขึ้นได้ตามจำนวนคนที่จำกัด จึงมีที่นั่งพอสำหรับทุกคนครับ อีกทั้งภายในกระเช้าก็สามารถชมทิวทัศน์ไปพลางๆ ได้เช่นกัน การที่ได้นั่งกระเช้าขึ้นไปข้างบนทีและนิด ก็สามารถเห็นเกล็ดน้ำค้างที่เริ่มใหญ่ขึ้น ทำให้ผมรู้สึกคึกคักขึ้นมาเลยทีเดียวล่ะครับ
เกล็ดน้ำค้างบนต้นไม้ของซะโอนั้นถูกปลกคลุมไปด้วยหิมะจำนวนมากจนถูกขนาดนามอีกอย่างว่า ไอซ์มอนสเตอร์ หรือก็คือปีศาจน้ำแข็งนั่นแหละครับ ในตอนกลางวันก็จะสามารถเห็นเป็นรูปร่างปีศาจน้ำแข็งจำนวนมาก แต่ทว่ามันไม่ได้น่ากลัวอย่างที่ทุกคนจินตนาการนะครับ มันเป็นอีกอย่างที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อนบนโลก และเป็นสิ่งที่น่าประทับใจมากๆ ครับ
ในตอนกลางคืนนั้นก็มีการเปิดแสงไฟที่ต่างกับบรรยากาศตอนกลางวันอย่างลิบลับ ท่ามกลาวความมืดมิดนั้นถูกตกแต่งไปด้วยแสงไฟสีต่างๆ ราวกับหลุดเข้าไปในโลกแห่งจินตนาการเลยล่ะครับ ต้องขอบอกเลยครับว่าเป็นโลกสองโลกที่เมื่อได้เห็นแล้วก็ไม่สามารถลืมวิวทิวทัศน์นี้ได้ลงเลยทีเดียว
ความงดงามนี้ได้ถูกขนานนามและประเมินค่าจากคนทั่วโลก จนทำให้มีนักท่องเที่ยวจากทุกๆ ประเทศหลั่งไหลกันเข้ามาครับ อีกทั้งยังถูกแนะนำไปตามเว็บไซท์ต่างๆ จนทำให้ผู้คนเริ่มคิดอยากจะมาดูแบบของจริงกับตา และรับความประทับใจแบบจริงๆ นั่นเองครับ หากใครสนใจและมีเวลาก็แวะมาเยี่ยมชมกันได้นะครับ!