All About Japan

TOP 5 เมืองน่าอยู่ที่สุดในญี่ปุ่น (ภาคคันไซ)

ชีวิตในญี่ปุ่น เรียนต่อญี่ปุ่น ทำงานในญี่ปุ่น Kansai
TOP 5 เมืองน่าอยู่ที่สุดในญี่ปุ่น (ภาคคันไซ)

รู้มั้ยเมืองไหนน่าอยู่ที่สุดในญี่ปุ่น ใครอยากไปเรียนต่อญี่ปุ่นหรือไปทำงานที่ญี่ปุ่นต้องอ่าน เพราะคันไซเป็นที่ตั้งของเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมของคนไทยในโซนนี้ก็คือเมืองดังเช่นโอซาก้า (Osaka) หรือโกเบ (Kobe) นั่นเอง ครั้งนี้ก็จะพาไปรู้จักเมืองที่ชาวญี่ปุ่นในคันไซบอกว่าน่าอยู่มากที่สุด รวมทั้งแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจของเมืองนั้นๆ ด้วย

1. ซันโนะมิยะ จังหวัดเฮียวโงะ (Sannomiya, Hyogo)

1. ซันโนะมิยะ จังหวัดเฮียวโงะ (Sannomiya, Hyogo)

https://pixta.jp/

ซันโนะมิยะ (Sannomiya) เป็นย่านศูนย์กลางในเมืองโกเบ (Kobe) จังหวัดเฮียวโงะ (Hyogo) ซึ่งเป็นย่านที่มีองค์ประกอบความน่าอยู่และน่าใช้ชีวิตแบบครบถ้วน ทั้งเรื่องความสะดวกสบายในการเดินทางไม่ว่าจะเป็นการเดินทางในโกเบหรือเดินทางไปยังโอซาก้าเมืองศูนย์กลางของภูมิภาค ตลอดจนสภาพแวดล้อมที่ร่มรื่นของพื้นที่ธรรมชาติผสมผสานกับสถานที่ทางประวัติศาสตร์กับวัฒนธรรมและพื้นที่ย่านการค้าทันสมัยอย่างลงตัว และยังมีพื้นที่สาธารณะสำหรับพักผ่อนชื่อดังอย่างท่าเรือโกเบ (Port of Kobe) หรือถ้าเป็นเรื่องการจับจ่ายใช้สอยก็มีถนนสายช้อปปิ้งชื่อดัง ซันโนะมิยะ เซ็นเตอร์ ไก (Sannomiya Center Gai Shopping Street) ที่สำคัญคือเป็นแหล่งผลิตเนื้อโกเบ (Kobe Beef) เนื้อวัวที่อร่อยติดอันดับโลก ซึ่งถ้ามีโอกาสขอแนะนำว่าต้องมาชิมให้ได้

สถานที่เที่ยวแนะนำ : ย่านคิตาโนะ (Kitano Ijinkan)

สถานที่เที่ยวแนะนำ : ย่านคิตาโนะ (Kitano Ijinkan)

https://pixta.jp/

ย่านคิตาโนะ (Kitano Ijinkan) เป็นย่านเก่าแก่ซึ่งในสมัยก่อนเคยเป็นย่านพักอาศัยของชาวต่างชาติที่เดินทางมาค้าขาย และถึงแม้ว่าจะเคยโดนผลกระทบจากสงครามและแผ่นดินไหวส่งผลให้อาคารบ้านเรือนเสียหายไปบ้าง แต่ปัจจุบันที่ย่านแห่งนี้ก็ยังเต็มไปด้วยบรรยากาศของอาคารสถาปัตยกรรมบ้านเรือนในสไตล์ตะวันตกหลงเหลือให้ได้ชมอยู่ ซึ่งบางแห่งก็กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวให้เข้าไปชมด้านในได้ เช่น พิพิธภัณฑ์โกเบคิตาโนะ (Kobe Kitano Museum), คาซามิโดริโนะยากาตะ (Kazamidori no Yakata) หรือ คฤหาสน์ไก่กังหันลม (Weathercock House) อาคารเก่าแก่อายุกว่าร้อยปีที่มีกังหันรูปไก่บอกทิศทางลมบนหลังคา อีกทั้งยังมีร้านอาหารเก่าแก่สไตล์ยุโรปย้อนยุค รวมถึงคาเฟ่และบาร์ด้วย

เวลาทำการ : ประมาณ 09.00-18.00 น. บางอาคารมีแตกต่างไปบ้าง
ค่าเข้าชม : ขึ้นอยู่กับแต่ละสถานที่ในย่าน (แต่ละอาคารตั้งอยู่แยกกัน)
การเดินทาง : ขึ้นรถไฟสาย JR Kobe Line ไปลงสถานีซันโนะมิยะ (Sannomiya Station) และเดินไปประมาณ 15 นาที

(หมายเหตุ เวลาทำการข้างต้นเป็นเวลาทำการในช่วงเวลาปกติ อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้)

2. ย่านชินโอซาก้า จังหวัดโอซาก้า (Shin-Osaka Station, Osaka)

2. ย่านชินโอซาก้า จังหวัดโอซาก้า (Shin-Osaka Station, Osaka)

https://pixta.jp/

ย่านชินโอซาก้า (Shin-Osaka) อยู่ในเขตโยโดกาวะ (Yodogawa Ward) ภาพรวมที่ถือเป็นความโดดเด่นของชินโอซาก้าก็คือการเป็นย่านศูนย์กลางการคมนาคมหลักที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคคันไซ โดยเป็นทั้งศูนย์กลางการเดินทางไปยังภูมิภาคอื่นๆ เพราะมีชินคังเซ็น และการเดินทางภายในโอซาก้าก็สามารถทำได้อย่างสะดวกสบาย ด้วยเหตุนี้จึงทำให้บริเวณนี้เต็มไปด้วย โรงแรม ที่พัก สำหรับนักท่องเที่ยวและเป็นย่านพักอาศัยที่ค่อนข้างหรูหรา ราคาแพง อย่างไรก็ตาม รอบๆ ย่านนี้ก็ไม่ได้เป็นเพียงแหล่งพักอาศัยเท่านั้น เพราะยังมีสวนสาธารณะสำหรับพักผ่อนที่ริมแม่น้ำโยโด (Yodogawa River Park) ตลอดจนวัด ศาลเจ้าที่มีบรรยากาศเงียบสงบ หรือห่างออกไปเพียงสถานีเดียวก็จะเป็นย่านทันสมัยอย่างอุเมดะ (Umeda) ที่มีแหล่งท่องเที่ยวศูนย์การค้า ร้านค้า ร้านอาหารอย่างครบครัน

สถานที่เที่ยวแนะนำ : อาคารชมวิวอุเมดะสกาย (Umeda Sky Building)

สถานที่เที่ยวแนะนำ : อาคารชมวิวอุเมดะสกาย (Umeda Sky Building)

https://pixta.jp/

อาคารชมวิวอุเมดะสกาย (Umeda Sky Building) ถือได้ว่าเป็นแลนด์มาร์คแห่งหนึ่งของโอซาก้า และที่นี่เดินทางสะดวกมากจากสถานีชินโอซาก้าเพียงสถานีเดียวเท่านั้น ความโดดเด่นของอาคารแห่งนี้คือสถาปัตยกรรมงานออกแบบสุดล้ำ ด้วยความสูง 173 เมตร ของตึกคู่ 2 หลังที่เชื่อมถึงกันด้วยจุดชมวิว (Floating Observatory) มีจำนวนชั้นบนดินทั้งหมด 40 ชั้นและชั้นใต้ดิน 2 ชั้น เป็นอาคารสูงเสียดฟ้าที่เชื่อมถึงกันแห่งแรกในโลก ที่บริเวณส่วนดาดฟ้ามีก็มีสวนบรรยากาศปลอดโปร่งในรูปทรงสี่เหลี่ยม มีวงกลมตรงกลางคล้ายโดนัท เชื่อมระหว่าง 2 ตึกไว้ สามารถมองเห็นวิวได้ 360 องศา เช่น ทิวทัศน์เมืองโอซาก้าโดยรอบ และหากวันไหนอากาศดีๆ ก็จะมองเห็นไกลถึงเกาะอะวาจิ (Awajishima) เลยทีเดียว

เวลาทำการ : 09.30-22.30 น.
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 1500 เยน, เด็ก 700 เยน
การเดินทาง : จากสถานีโอซาก้า (Osaka Station) ทางออก North Central Exit เดินไปประมาณ 7 นาที

(หมายเหตุ เวลาทำการข้างต้นเป็นเวลาทำการในช่วงเวลาปกติ อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้)

3. เมืองฮิเมจิ จังหวัดเฮียวโงะ (Himeji, Hyogo)

3. เมืองฮิเมจิ จังหวัดเฮียวโงะ (Himeji, Hyogo)

https://pixta.jp/

เมืองฮิเมจิ (Himeji) ในจังหวัดเฮียวโงะ (Hyogo) เป็นอีกหนึ่งเมืองน่าอยู่ที่โดดเด่นด้วยทำเลซึ่งมีภูเขาและทะเลโอบล้อม ให้ความรู้สึกเหมือนใช้ชีวิตอยู่ในเมืองตากอากาศตลอดเวลา นอกจากเป็นเมืองพักอาศัยบรรยากาศสงบแล้วก็ยังเป็นศูนย์กลางด้านอุตสาหกรรมและเกษตรกรรมของจังหวัดด้วย ด้านคุณภาพชีวิตของผู้คนในเมืองนี้ก็มีทั้งระบบขนส่งสาธารณะอย่างสะดวกสบาย มีพื้นที่พักผ่อนหย่อนใจในวันหยุด เช่น สวนสาธารณะ อควาเรียม พิพิธภัณฑ์ มีย่านบ้านเมืองเก่าที่ได้รับการกำหนดให้เป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมทรงคุณค่า และย่านการค้า ตลาดสด ศูนย์การค้าทันสมัย ตลอดจนร้านอาหารกับเมนูท้องถิ่นน่าสนใจ เช่น ฮิเมจิโอเด้ง (Himeji Oden) โอเด้งสไตล์ฮิเมจิที่เวลารับประทานจะมีโชยุผสมขิงให้จิ้มหรือราดด้วยจึงทำให้ไม่เลี่ยน

สถานที่เที่ยวแนะนำ : ปราสาทฮิเมจิ (Himeji Castle)

สถานที่เที่ยวแนะนำ : ปราสาทฮิเมจิ (Himeji Castle)

https://pixta.jp/

ปราสาทฮิเมจิ (Himeji Castle) สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1346 ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์กรยูเนสโกในปี ค.ศ.1993 เป็นหนึ่งในปราสาทที่มีสถาปัตยกรรมแบบญี่ปุ่นอันทรงคุณค่าทางวัฒนธรรมของญี่ปุ่นด้วย เนื่องจากตัวปราสาทมีสีขาวโดดเด่นเป็นสง่าดูคล้ายนกกระยางสยายปีก จึงมีสมญานามว่า “ปราสาทนกกระยางขาว” ภายในมีการจัดแสดงสิ่งของสำคัญทางประวัติศาสตร์เช่น ชุดเกราะ และหมวกต่างๆ ของนักรบชาวฮิเมจิในอดีต ด้านนอกบริเวณคูน้ำรอบปราสาทมีต้นซากุระกว่า 1,000 ต้น เมื่อถึงฤดูใบไม้ผลิก็จะเป็นจุดชมดอกซากุระบานสะพรั่งที่ได้รับความนิยมมากแห่งหนึ่ง รวมถึง สวนโคโคเอ็น (Kokoen Garden) สวนปราสาทเก่าแก่ตั้งแต่สมัยเอโดะมีการตกแต่งสถานที่ด้วยน้ำตกจำลอง ศาลา โรงน้ำชาและเป็นจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วงที่มีชื่อเสียงมากเช่นกัน

เวลาทำการ : ฤดูร้อนช่วงเมษายน -สิงหาคม 09.00-17.00 น. ช่วงเดือนกันยายน-มีนาคม 09.00-16.00 น.
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 1000 เยน, เด็ก 300 เยน
การเดินทาง : ขึ้นรถไฟสาย JR Kobe Line ไปลงสถานีฮิเมจิ (Himeji Station) และเดินประมาณ 15 นาที

(หมายเหตุ เวลาทำการข้างต้นเป็นเวลาทำการในช่วงเวลาปกติ อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้)

4. ย่านเอซากะ จังหวัดโอซาก้า (Esaka, Osaka)

4. ย่านเอซากะ จังหวัดโอซาก้า (Esaka, Osaka)

https://pixta.jp/

เอซากะคือพื้นที่ส่วนหนึ่งของเมืองซุยตะ (Suita) เมืองเล็กๆ ในเขตชานเมืองโอซาก้า (Osaka) เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่อยู่ในโครงการพัฒนาผังเมืองของโอซาก้าจึงส่งผลให้ภาพรวมเป็นย่านพักอาศัยที่น่าอยู่ในหลายๆ ด้าน โดยเฉพาะด้านการคมนาคมขนส่งที่สะดวกสบาย มีขนส่งสาธารณะเชื่อมโยงพื้นที่อื่นอย่างทั่วถึง และในขณะเดียวกันก็มีบรรยากาศของย่านชุมชนที่สงบ ผู้คนไม่พลุกพล่านจนเกินไป นอกจากนี้ก็ยังมีการกำหนดให้พื้นที่ในรัศมี 400 เมตร จากสถานีรถไฟเอซากะ (Esaka Station) เป็นพื้นที่ห้ามสูบบุหรี่ในที่สาธารณะ ซึ่งส่งผลต่อคุณภาพอากาศและคุณภาพชีวิตของผู้คนในย่านนี้อย่างเห็นได้ชัดอีกด้วย ด้านการพัฒนาทางเศรษฐกิจในย่านนี้ก็มีอาคารสำนักงานและบริษัทเอกชนหลายแห่ง ตลอดจนพื้นที่พักผ่อนอย่างสวนสาธารณะ ศาลเจ้า วัด และห้องสมุด เป็นต้น

สถานที่เที่ยวแนะนำ : สวนเอซากะ (Esaka Park)

สถานที่เที่ยวแนะนำ : สวนเอซากะ (Esaka Park)

https://pixta.jp/

สวนเอซากะ (Esaka Park) เป็นสวนสาธารณะที่สร้างขึ้นในโครงการพัฒนาผังเมืองเมื่อปี ค.ศ.1961 ได้ชื่อว่าคือโอเอซิสแห่งย่านเอซากะซึ่งภายในสวนมีทั้งต้นไม้เขียวขจีและพื้นที่ทำกิจกรรมสันทนาการต่างๆ ที่เหมาะกับผู้คนทุกเพศทุกวัยโดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่มีครอบครัวและอยากให้ลูกๆ มีคุณภาพชีวิตที่ดี เช่น เครื่องเล่นสำหรับเด็ก การตกแต่งพื้นที่ด้วยประติมากรรมรูปร่างแปลกตาทั่วทั้งสวนไม่ว่าจะเป็นน้ำตกจำลอง 7 ชั้น ที่เปิดไฟประดับยามค่ำคืนสร้างบรรยากาศผ่อนคลาย นาฬิกาแดดขนาดใหญ่ซึ่งออกแบบเป็นที่นั่งพักในตัว อนุสาวรีย์ดวงดาว (Star Signal Monument) ที่ออกแบบโดยซุซุมุ ชินงู (Susumu Shingu) ศิลปินด้านประติมากรรมชาวโอซาก้า ที่สำคัญอีกอย่างคือในช่วงฤดูใบไม้ผลิที่สวนแห่งนี้ก็เป็นจุดชมดอกซากุระกลางเมืองโอซาก้าที่ได้รับความนิยมมากเช่นกัน

นอกจากนี้หากขึ้นรถไฟใต้ดินสาย Midosuji Line ไปอีกหนึ่งสถานี ที่สถานีเรียวคุชิโคเอน (Ryokuchikoen Station) ก็จะได้พบกับสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจอีกแห่งอย่างฮัตโตริเรียวคุชิปาร์ก (Hattori Ryokuchi Park) พิพิธภัณฑ์บ้านเรือนเกษตรโบราณแบบกลางแจ้งท่ามกลางบรรยากาศธรรมชาติของสวนสาธารณะขนาดใหญ่ ซึ่งบริเวณรอบๆ ก็มีทั้งป่าไผ่ ป่าสน สวนพฤกษศาสตร์ รวมถึงฮอลล์สำหรับแสดงดนตรีแบบอินดอร์ เป็นต้น


เวลาทำการ : สวนสาธารณะเปิดทำการตลอด 24 ชั่วโมง
ค่าเข้าชม : ฟรี
การเดินทาง : จากสถานีเอซากะ (Esaka Station) เดินประมาณ 3 นาที และถ้าจะไป Hattori Ryokuchi Park ให้โดยสารรถไฟใต้ดินสาย Midosuji Line ไปลงที่สถานีเรียวคุชิโคเอน (Ryokuchikoen Station) ซึ่งอยู่ถัดไปสถานีเดียวจากนั้นเดินอีกประมาณ 5 นาที

5. เมืองอาคาชิ จังหวัดเฮียวโงะ (Akashi, Hyogo)

5. เมืองอาคาชิ จังหวัดเฮียวโงะ (Akashi, Hyogo)

https://pixta.jp/

เมืองอาคาชิ (Akashi) ตั้งอยู่ทางตอนใต้สุดของจังหวัดเฮียวโงะ (Hyogo) ทางทิศตะวันตกของเมืองโกเบ (Kobe) ติดชายฝั่งทะเลเซโตะใน (Seto Inland Sea) ได้ชื่อว่าเป็นเมืองแห่งการประมงที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน ปัจจุบันอาคาชิถือเป็นเมืองท่าที่มีบรรยากาศน่าอยู่และส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างครบครัน เป็นจุดศูนย์กลางการคมนาคมทั้งทางรถไฟ ทางหลวงสำหรับรถยนต์ที่เชื่อมต่อไปยังพื้นที่สำคัญในภูมิภาคและการคมนาคมทางเรือที่ท่าเรืออาคาชิ (Port of Akashi)ด้านสภาพแวดล้อมและการใช้ชีวิตของผู้คนที่นี่ก็มีทั้งบรรยากาศความเป็นเมืองทันสมัยและมีพื้นที่อนุรักษ์เมืองเก่าควบคู่กันไปด้วย รวมถึงพื้นที่พักผ่อนสาธารณะก็ได้รับการปรับปรุงและพัฒนาอย่างทั่วถึง รวมถึงวัฒนธรรมอาหารท้องถิ่นของที่นี่ที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งมีตัวแทนเป็นเมนูขึ้นชื่ออย่าง อาคาชิยากิ (Akashiyaki) เป็นทาโกะยากิสไตล์ท้องถิ่นที่แป้งจะไม่กรอบมากเกินไป ทำให้สัมผัสนุ่ม เวลารับประทานจะทาซอสและจุ่มน้ำซุปดาชิก่อน

สถานที่เที่ยวแนะนำ : สะพานอาคาชิ-ไคเคียว (Akashi-Kaikyo Bridge)

สถานที่เที่ยวแนะนำ : สะพานอาคาชิ-ไคเคียว (Akashi-Kaikyo Bridge)

https://pixta.jp/

สะพานอาคาชิ-ไคเคียว (Akashi-Kaikyo Bridge) หรือ สะพานไข่มุก เป็นสะพานแขวนที่ยาวที่สุดในโลกที่เชื่อมระหว่างเมืองโกเบ (Kobe) กับเมืองอะวะจิ (Awaji) เป็นหนึ่งในเส้นทางคมนาคมหลักที่ใช้สัญจรไปยังเกาะฮอนชู (Honshu) กับเกาะชิโกะคุ (Shikoku) มีความยาว 3,991 เมตร ความยาวช่วงกลางสะพาน 1,991 เมตร ความสูงของหอคอยสะพานประมาณ 300 เมตร บริเวณด้านล่างของสะพานมีจุดชมวิวและสถานที่ท่องเที่ยวนั่นคือสวนสาธารณะไมโกะ (Hyogo Prefectural Maiko Park) สามารถมาพักผ่อนหย่อนใจ ทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้ทั้งวัน โดยเฉพาะช่วงพระอาทิตย์ตกดินที่มีการเปิดไฟสะพานสว่างไสว เรียกว่าเป็นภาพวิวที่สวยงามเหมาะกับผู้ที่ชื่นชอบการถ่ายภาพ

และมีจุดชมวิวอีกจุดหนึ่งคือ ไมโกะมารีนโพรเมเนต (Maiko Marine Promenade) ส่วนนี้จะมีค่าใช้จ่ายในการเข้าไปชมทิวทัศน์จากบริเวณโครงสร้างสะพานความสูง 50 เมตรจากระดับน้ำทะเล โดยสามารถมองเห็นโครงสร้างภายในของสะพานรวมถึงวิวช่องแคบอาคาชิ (Akashi Strait) กับอ่าวโอซาก้า (Osaka Bay) ด้วย

เวลาทำการ : Maiko Marine Promenade 09.00-18.00 น. หยุดวันอังคารของสัปดาห์ที่ 2 ของทุกเดือน
ค่าเข้าชม : Maiko Marine Promenade ราคา 250 เยน วันเสาร์-อาทิตย์ และหยุดราชการ 310 เยน
การเดินทาง : ขึ้นรถไฟสาย Sanyo Electric Railway ไปลงสถานีไมโกะโคเอน (Maiko-koen Staion) และเดินอีกประมาณ 5 นาที

(หมายเหตุ เวลาทำการข้างต้นเป็นเวลาทำการในช่วงเวลาปกติ อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้)

ผู้เขียน: หนึ่ง
นักอ่านและนักเขียนที่ชอบการเดินทางไปในที่ต่างๆ โดยเฉพาะญี่ปุ่น รักการดูอนิเมะญี่ปุ่นเป็นชีวิตจิตใจ :)

know-before-you-go