อัพเดทปี 2023! 10 สุดยอดที่เที่ยวเด่น เดือนมิถุนายน ฉบับทั่วญี่ปุ่น
ญี่ปุ่นเดือนมิถุนายนเป็นช่วงฤดูร้อนที่มีฝนพรำ อากาศยังไม่ร้อนมากและเป็นเดือนที่จะมีฝนตกมากกว่าเดือนอื่นๆ เนื่องการเป็นฤดูที่เริ่มมีฝนชุกทั่วญี่ปุ่นราคาตั๋วเครื่องบินไม่แพงมากนักแต่นักท่องเที่ยวน้อยบรรยากาศสบายๆ มีดอกไม้สวยๆ นอกเหนือจากซากุระหรือใบไม้แดงให้ชมอีกมากมายหลายชนิด ครั้งนี้ก็มีที่เที่ยวน่าสนใจในเดือนมิถุนายนมาแนะนำดังนี้
※ หมายเหตุ บทความนี้ได้ทำการเรียบเรียงใหม่ (Re-write) ณ วันที่ 12 พฤษภาคม 2023
1. เมืองคามาคุระ จังหวัดคานากาวะ (Kamakura, Kanagawa)
เมืองคามาคุระ (Kamakura) ในเดือนมิถุนายนบรรยากาศของที่นี่จะถูกแต่งแต้มไปด้วยสีสันของดอกอาจิไซ (Ajisai) หรือไฮเดรนเยีย สัญลักษณ์ของเดือนมิถุนายนของคนญี่ปุ่น มีสถานที่ชมดอกอาจิไซหลายแห่งในเมือง เช่น วัดฮาเสะเดระ (Hasedera) หรือวัดอาจิไซเดระที่มีดอกไฮเดรนเยียจำนวนมากบานสะพรั่งทั่วทั้งวัด
หรืออีกจุดคือ วัดเมเก็ทสึอิน (Meigetsu-in Temple) ที่วัดแห่งนี้จะได้พบกับดอกไฮเดรนเยียสายพันธุ์ “ฮิเมะอาจิไซ (Hime-ajisai)” เป็นสายพันธุ์ที่มีในญี่ปุ่นเท่านั้น ดอกไฮเดรนเยียสายพันธุ์ฮิเมะอาจิไซนี้แม้จะมีขนาดเล็กกว่าพันธุ์อื่นๆทั่วไปเล็กน้อยแต่ก็มีสีฟ้าเข้มสวย นอกจากนี้ยังมีย่านสำหรับเดินเล่นที่ ถนนโคมาจิโดริ (Komachi-dori Street) ถนนสายช้อปปิ้งสุดคึกคักในคามาคุระซึ่งเต็มไปด้วยผู้คน ร้านค้า ร้านอาหารอร่อยขึ้นชื่อมากมายให้ได้เลือกรับประทาน
การเดินทาง : ขึ้นรถไฟสาย JR Yokosuka Line ไปลงที่สถานี JR Kamakura และใช้พาสรถไฟท่องเที่ยว Enoden สำหรับเดินทางระหว่างจุดท่องเที่ยวในเมืองคามาคุระ
2. สวนดอกไม้คุริฮามะ จังหวัดคานากาวะ (Kurihama Flower Park, Kanagawa)
สวนดอกไม้ขนาดใหญ่อีกแห่งของจังหวัดคานากาวะ ตั้งอยู่ในเมืองโยโกสุกะ (Yokosuka) ความน่าสนใจของฤดูชมดอกไม้ที่นี่จะอยู่ระหว่างช่วงฤดูใบไม้ผลิยาวไปถึงเดือนมิถุนายน ซึ่งจะได้พบกับเทศกาลชมดอกป๊อปปี้ สีแดงสีชมพูนับล้านดอกที่บานสะพรั่งทั่วบริเวณ อีกทั้งยังมีการจัดกิจกรรมมากมาย ท่ามกลางอากาศอบอุ่นสดใสโดยเฉพาะในวันสุดท้ายของเทศกาลในแต่ละปีก็จะมีการแข่งขันเก็บดอกป๊อปปี้ ซึ่งสามารถนำดอกป๊อปปี้กลับบ้านได้ด้วย
นอกจากสวนดอกไม้แล้วก็ยังมีโซนพื้นที่อื่นที่น่าสนใจอีก เช่น สวนสนุกสำหรับเด็กกับหุ่นก๊อดซิลล่าตัวใหญ่ มีบ่อออนเซ็นแช่เท้าสาธารณะเพื่อคลายความปวดเมื่อยจากการเดิน หรือหากเดินจนเมื่อยแล้วก็สามารถนั่งรถไฟหลากสีสัน ที่เรียกว่าฟลาวเวอร์เทรน (Flower Train) ชมบรรยากาศภายในสวนได้เช่นกัน
การเดินทาง : ขึ้นรถไฟสาย Keihin Kyuko Main Line ไปลงที่สถานี Keikyu-Kurihama และเดินอีก 15 นาที
เวลาทำการ : ตลอด 24 ชั่วโมง
ค่าเข้าชม : ฟรี
3. ศาลเจ้าฮาคุซัน โตเกียว (Hakusan Shrine, Tokyo)
ในทุกๆ ปีที่เขตบุงเคียว (Bunkyo) ของโตเกียวจะมีการจัด งานเทศกาลชมดอกไฮเดรนเยียเขตบุงเคียว (Bunkyo Hydrangea Festival) และศาลเจ้าฮาคุซัน (Hakusan Shrine) ก็เป็นหนึ่งในสถานที่จัดงานโดยจะจัดขึ้นในช่วงกลางเดือนมิถุนายนของทุกปี ให้นักท่องเที่ยวได้ชื่นชมความงามของดอกไฮเดรนเยียจำนวนกว่า 3,000 ดอกที่ผลิบานอยู่ภายในบริเวณศาลเจ้าและสวนสาธารณะฮาคุซัน (Hakusan Park)
สร้างบรรยากาศความสดใสให้กับเมืองในช่วงฤดูฝนของญี่ปุ่น และในช่วงเทศกาลศาลเจ้าฮาคุซันก็จะมีแผงขายดอกไฮเดรนเยียในกระถาง รวมถึงร้านขายสินค้าที่ระลึกอีกหลายอย่างที่นำมาขายในเทศกาลตั้งเรียงรายตามทางเดินไปยังศาลเจ้า
การเดินทาง : เดิน 3 นาทีจากสถานี Hakusan บนรถไฟใต้ดิน Toei Subway Mita Line
เวลาทำการ : ตลอด 24 ชั่วโมง
ค่าเข้าชม : ฟรี
4. เทศกาลชมหิ่งห้อยยามเย็นโฮตารุโนะยูเบะ ย่านฮาจิโอจิ โตเกียว (Hotaru no Yube Matsuri, Tokyo)
อีกหนึ่งสิ่งที่สามารถพบเห็นได้เฉพาะเดือนมิถุนายนเท่านั้นก็คือการชมแสงหิ่งห้อย โดยจะมีการจัดงานเทศกาลชมหิ่งห้อยยามค่ำคืนตามหมู่บ้านชนบทหรือสถานที่ใกล้ชิดธรรมชาติที่ยังคงมีหิ่งห้อยให้ได้ชม แต่ในโตเกียวก็มีสถานที่ชมหิ่งห้อยที่จะแนะนำเช่นกันอยู่ที่เมืองฮาจิโอจิ (Hachioji) ในเขตทามะทางฝั่งตะวันตกของโตเกียว ซึ่งเป็นย่านที่มีภูเขาและป่าไม้เขียวชอุ่มล้อมรอบ
บริเวณที่มีการจัดงานชมหิ่งห้อยมีชื่อว่า สวนยูยาเกะ โคยาเกะ ฟุเรไอ โนะ ซาโตะ (Yuyake Koyake Fureai no Sato) ใกล้กับแม่น้ำคิตะอาสะคาวะ แสงจากหิ่งห้อยจำนวนนับร้อยในยามค่ำคืนที่ส่องแสงเป็นประกายคือบรรยากาศที่โรแมนติกไม่น้อย และหิ่งห้อยยังเป็นสัญลักษณ์ของการเปลี่ยนผ่านจากฤดูใบไม้ผลิสู่ฤดูร้อนด้วย
ช่วงเวลาที่จัดงาน : ปลายเดือนมิถุนายนของทุกปี
การเดินทาง : จากสถานี Takao ต่อรถบัส Nishi-Tokyo ไปลงที่ป้าย Yuyake Koyake
5. ย่านมินาโตะมิไร21 จังหวัดคานากาวะ (Minatomirai21, Kanagawa)
ย่านมินาโตะมิไร21 (Minatomirai21) ในจังหวัดคานากาวะคือแหล่งพักผ่อนหย่อนใจที่เรียงรายไปด้วยสถานที่สำหรับทำกิจกรรมสันทนาการอีกแห่งของเมืองโยโกฮาม่า(Yokohama) เมื่อเข้าสู่เดือนมิถุนายน โรงแรมและร้านค้าในย่านนี้ก็จะเปิดเป็นเบียร์การ์เดนทำให้บรรยากาศครึกครื้นไปด้วยผู้คนที่สังสรรค์ดื่มเบียร์และอร่อยกับบาร์บีคิว
พร้อมทั้งเพลิดเพลินกับทิวทัศน์ยามค่ำคืนของท่าเรือโยโกฮาม่า (Yokohama Port) โดยเฉพาะร้านอาหารที่มีที่นั่งบนระเบียงเทอเรส เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการดื่มด่ำกับทิวทัศน์ริมทะเลบ่งบอกถึงการมาเยือนของฤดูร้อนอีกทั้งในเดือนกรกฎาคมก็จะมีการจัดงานเทศกาล แสดงดอกไม้ไฟเหนือท้องทะเลและขบวนพาเหรดเรือที่ได้รับความนิยมมาก
การเดินทาง : จากสถานี Yokohama ต่อรถไฟ Minato-Mirai ลงสถานี Minatomirai
เวลาทำการ : 10.00 – 20.00 น.
ค่าใช้จ่าย : ขึ้นอยู่กับการใช้บริการ
6. คามิโคจิ จังหวัดนากาโนะ (Kamikochi, Nagano)
สถานที่สำหรับคนรักธรรมชาติและกิจกรรมเอาท์ดอร์ ที่นี่มีทิวทัศน์ที่สวยงามและมีอุณหภูมิเฉลี่ยที่ค่อนข้างต่ำตลอดทั้งปีทำให้อากาศเย็นสบายแม้ในหน้าร้อน ในเดือนมิถุนายนจะเป็นช่วงที่ป่าไม้เริ่มมีสีเขียวขจีที่เพิ่งแตกยอดหลังจากหิมะละลาย ตัดกับสีของท้องฟ้าที่แจ่มใส เป็นช่วงที่เหมาะกับการท่องเที่ยวมากที่สุด
อีกทั้งที่นี่ยังได้ชื่อว่ามีจุดชมวิวภูเขามากที่สุดในญี่ปุ่น สำหรับนักท่องเที่ยวทั่วไปก็มีเส้นทางเดินชมธรรมชาติแบบระยะสั้นที่สามารถเดินได้สบายๆพร้อมทั้งเพลิดเพลินกับทิวทัศน์ธรรมชาติอุดมสมบูรณ์รอบข้าง เช่นวิวเทือกเขาโฮทากะ ทะเลสาบไทโชที่มีน้ำใสราวกับกระจก แม่น้ำอาซุสะ (Azusa River) และสะพานคัปปะ (Kappabashi) สัญลักษณ์อันโดดเด่นของคามิโคจิเป็นต้น
การเดินทาง : จากสถานี Matsumoto ขึ้นรถบัส Alpico Bus ไปลงที่ Kamikochi
7. สวนชิโมดะ จังหวัดชิซุโอกะ (Shimoda Park, Shizuoka)
สวนสาธารณะชิโมดะ (Shimoda Park) เป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ในจังหวัดชิซุโอกะ (Shizuoka) ตั้งอยู่บนเนินเขาซึ่งสามารถมองเห็นวิวตัวเมืองชิโมดะและท่าเรือชิโมดะจากมุมสูงได้อย่างชัดเจน ภายในสวนอุดมสมบูรณ์ด้วยต้นไม้ดอกไม้นานาพันธุ์ โดยเฉพาะช่วงเดือนมิถุนายนของทุกปีที่สวนแห่งนี้จะมีการจัดงานเทศกาลดอกไฮเดรนเยีย ซึ่งได้รับการยอมรับว่าเป็นสวนไฮเดรนเยียขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่ง
โดยจะได้พบกับทิวทัศน์ดอกไฮเดรนเยียหลากสีละลานตากว่า 3 ล้านดอก 100 สายพันธุ์ที่บานสะพรั่งทั่วสวนลดหลั่นไล่ระดับไปตามเนินเขา อีกทั้งช่วงที่จัดงานจะมีการจัดกิจกรรมที่น่าสนใจมากมาย เช่น การแสดงร่ายรำชิโมดะเกอิชา โชว์ตีกลองชิโมดะไทโกะ เป็นต้น
การเดินทาง : จากโตกียวขึ้นรถไฟสาย LTD. EXP ODORIKO ไปลงที่สถานี Izukyu Shimoda ใช้เวลา 2 ชั่วโมง 40 นาที จากนั้นเดินต่ออีกประมาณ 20 นาที หรือโดยสารแท็กซี่ประมาณ 5 นาที
เวลาทำการ : 9.00 – 16.00 น.
ค่าเข้าชม : ฟรี
8. เมืองฮาโกดาเตะ จังหวัดฮอกไกโด (Hakodate, Hokkaido)
ฮาโกดาเตะ (Hakodate) เป็นเมืองเก่าแก่ที่ตั้งอยู่ทางฮอกไกโดตอนใต้ บรรยากาศของอาคารสถาปัตยกรรมที่เมืองนี้ส่วนใหญ่จะเป็นสไตล์ยุโรปที่สวยงาม ซึ่งในเดือนมิถุนายนก็เป็นช่วงที่หิมะละลายหมดแล้วแต่อากาศเย็นสบายกำลังดี ยังไม่ร้อนมาก เหมาะกับการเดินเล่นถ่ายภาพ พักผ่อนหย่อนใจตามที่เที่ยวต่างๆ
สถานที่ท่องเที่ยวแนะนำ เช่น ย่านโกดังอิฐแดงคาเนโมริ (Kanemori Red Brick Warehouse) ป้อมโกเรียวกาคุ (Fort Goryokaku) ป้อมรูปดาวห้าแฉกแห่งเดียวในญี่ปุ่นที่ได้รับอิทธิพลในการก่อสร้างมาจากตะวันตก และภูเขาฮาโกดาเตะ (Mount Hakodate) จุดชมวิวยามค่ำคืนบนความสูง 334 เมตรเหนือระดับน้ำทะเลที่สวยงามและมักถูกยกย่องให้เป็น 1 ใน 3 วิวกลางคืนที่สวยที่สุดในโลก และสำหรับใครที่ชอบอาหารทะเล ก็แวะไปตลาดเช้าฮาโกดาเตะ อะไซจิ (Hakodate Asaichi) ตลาดสดที่ใหญ่ที่สุดในเมืองซึ่งมีอาหารอร่อยๆ มากมาย
การเดินทาง : ขึ้นรถไฟ JR Limited Express Super Hokuto ไปลงที่สถานี Hakodate
9. สวนกุหลาบเคเซ จังหวัดชิบะ (Keisei Rose Garden, Chiba)
สวนกุหลาบเคเซ (Keisei Rose Garden) ในจังหวัดชิบะ (Chiba) มีพื้นที่กว้างใหญ่ประมาณ 30,000 ตารางเมตร สวนแห่งนี้มีชื่อเสียงในฐานะที่เป็นสวนกุหลาบที่สวยงามด้วยดอกกุหลาบกว่า 10,000 ต้น ราว 1,600 สายพันธุ์ รวมถึงพันธุ์หายากและเคยได้รับรางวัลสวนกุหลาบยอดเยี่ยมจากงานประชุมกุหลาบโลกมาแล้ว
ภายในสวนมีการจัดแต่งสไตล์คลาสสิก มีทั้งซุ้มดอกกุหลาบ ซุ้มไม้เลื้อย และลำธารเล็กๆ ช่วงที่เหมาะกับการมาชมดอกกุหลายคือช่วงเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน และตุลาคม-พฤศจิกายนของทุกปีดอกกุหลาบจะผลิบานตระการตาให้ได้ชื่นชม นอกจากนี้ก็ยังมีต้นไม้และดอกไม้อื่น ๆ อีก 200 ชนิด กว่า 16,000 ต้น ให้ชมได้ตลอดทั้งปีด้วย
การเดินทาง : ขึ้นรถไฟสาย Tozai Line ไปลงที่สถานี Yachiyo-Mmidorigaoka จากนั้นเดินต่ออีกประมาณ 15 นาที
เวลาทำการ : 9.00-17.00 น.
ค่าเข้าชม : 1500 เยน
10. สวนดอกไอริสฮักโคะกักคุเอ็น จังหวัดฮอกไกโด (Hakko Gakuen Iris Garden, Hokkaido)
ดอกไอริสหรือชื่อภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า อายาเมะ (Ayame) มีความหมายว่า เรื่องดีๆ กำลังจะมา ทำให้ดอกไอริสมักจะถูกใช้เป็นสัญลักษณ์ในการสื่อถึงความหวัง ความกล้า และการให้กำลังใจสำหรับชาวญี่ปุ่น เมื่อฤดูฝนมาเยือนในช่วงเดือนมิถุนายนมักจะเห็นดอกไอริสขึ้นอยู่ตามแอ่งน้ำในสวน หรือตามบ้านเรือนทั่วไป
ที่สวนดอกไอริสฮักโคะกักคุเอ็น (Hakko Gakuen Iris Garden) ภายในวิทยาลัยเกษตรกรรมฮักโคะกักคุเอ็น จังหวัดฮอกไกโด (Hakkaido) ก็มีสวนดอกไอริสที่ได้รับการดูแลโดยนักเรียนของวิทยาลัยเกษตรกรรมฮอกไกโด ดอกไอริสจะเริ่มผลิบานตั้งแต่ปลายเดือนมิถุนายนเป็นต้นไป โดยทุกปีสวนแห่งนี้จะเปิดให้เข้าชมแปลงดอกไอริสสีสันสวยงามละลานตากว่า 70,000 ดอก ราว 450 ชนิด เป็นเวลาประมาณ 2 สัปดาห์
การเดินทาง : ขึ้นรถไฟ Subway Toho Line ไปลงที่สถานี Fukuzumi และเดินต่ออีกประมาณ 15 นาที
เวลาทำการ : 08.30-17.30 น.
ค่าเข้าชม : ฟรี