เที่ยวเซนได 4 ฤดู
Sendai Page 2
ฤดูใบไม้ร่วง
ฤดูใบไม้ร่วงเป็นฤดูที่อากาศจะเริ่มแห้งและเย็นขึ้นเรื่อยๆ ลมก็พัดแรงมากขึ้น แต่ก็นับว่าเป็นช่วงที่อากาศกำลังสบายๆ พอเหมาะ ใบไม้เริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดง สีเหลือง สีอมส้ม ช่วงเวลานี้นักท่องเที่ยวก็ทยอยมาเที่ยวชมใบไม้เปลี่ยนสีกันแล้ว ที่เซนไดมีจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่ไหนบ้างนั้น เรามาดูกันเลย
ช่องเขาไรไรเกียว (Rairaikyo)
ช่องเขาไรไรเกียวในเซนไดนี้ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของเมืองเซนได เคยใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง “รักแท้…แพ้แรงดึงดูด (Gravity of Love)” ด้วยนะ ที่นี่มีลักษณะเป็นทางเดินเล็กๆ ตามแม่น้ำนาโตริงาวะ (Natorigawa River) ที่ไหลลงสู่ทะเล ไฮไล?์ของที่นี่คือสะพานโนโซกิบาชิ (Nozokibashi Bridge) ซึ่งว่ากันว่าเป็นสะพานศักดิ์สิทธิ์แห่งคู่รัก เพราะใต้สะพานจะมีรอยเว้าตามธรรมชาติของหินเป็นรูปหัวใจ เชื่อกันว่าถ้ามากับคนรัก ความสัมพันธ์รักจะยิ่งแนบแน่นขึ้น จึงเป็นจุดเช็คอินสำหรับคู่รักที่ได้รับความนิยมแห่งหนึ่งของเซนได และในฤดูใบไม้ร่วงก็ยิ่งเพิ่มความโรแมนติกแบบแรงๆ ด้วยวิวใบไม้เปลี่ยนสีด้วย อะไรจะขนาดนี้
เวลาทำการ
เปิดตลอด
เปิดไฟไลท์อัพ 18.30 - 20.30 น.
ค่าเข้าชม
ฟรี
การเดินทาง
ขึ้นรถบัส Miyagi Kotsu จากสถานี Sendai มาลงป้าย Akiu-Bunka-no-Sato Center
ซุยโฮเด็ง (Zuihoden Mausoleum)
ซุยโฮเด็งเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่สำคัญของเซนได เนื่องจากเป็นที่ฝังศพของดาเตะ มาซามุเนะ (Date Masamune) เจ้าผู้ครองเมืองเซนไดคนแรกที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากในสมัยเอโดะ นอกจากนี้ยังมีสุสานคันเซ็นเด็ง (Kansenden) ของบุตรชายท่านดาเตะ ซึ่งเป็นผู้ครองเมืองในรุ่นที่ 2 และสุสานเซ็นโนเด็ง (Zennoden) ของหลานชายท่าน ซึ่งเป็นทายาทผู้ครองเมืองรุ่นที่ 3 อีกด้วย สุสานทั้ง 3 ในปัจจุบันถูกสร้างขึ้นใหม่แทนของเดิมที่ถูกทำลายไปในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ตั้งอยู่บนเนินเขาเคียวงามิเนะ (Kyogamine) ที่มีทัศนียภาพสวยงามด้วยป่าสนและป่าไผ่ เป็นอีกจุดหนึ่งที่ขึ้นชื่อเรื่องการชมใบไม้เปลี่ยนสีของเซนไดเลยล่ะ
เวลาทำการ
กุมภาพันธ์ - พฤศจิกายน 09.00 - 16.30 น.
ธันวาคม - มกราคม 09.00 - 16.00 น.
วันหยุด 30 ธันวาคม - 1 มกราคม
ค่าเข้าชม
550 เยน
การเดินทาง
ขึ้น Loople Bus หน้าสถานี Sendai ไปลงป้าย Zuihoden Mae
วัดรินโนจิ (Rinnoji Temple)
วัดรินโนจิ เป็นวัดพุทธในเมืองเซนได ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1441 แต่ต่อมามีการย้ายตามการย้ายปราสาทของตระกูลดาเตะ (Date) หลายครั้งจนกระทั่งมาอยู่ในที่ปัจจุบัน หลังจากที่ย้ายมาที่นี่แล้ว ในปี ค.ศ. 1876 เกิดไฟไหม้จนวัดได้รับความเสียหาย และได้รับการบูรณะใหม่อีกครั้งในปี ค.ศ. 1915 ภายในบริเวณวัดมี เจดีย์ 5 ชั้น เจดีย์ 3 ชั้น และไฮไลท์อยู่ที่สวนซึ่งทุ่มงบประมาณสร้างในช่วงบูรณะไปไม่น้อย จนกลายเป็นหนึ่งในสวนที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในภูมิภาคโทโฮกุ เป็นจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่งดงามอีกแห่งในฤดูใบไม้ร่วงของเซนได แต่วัดริโนจิก็ไม่ได้สวยแค่ฤดูใบไม้ร่วงนะ เราสามารถมาเที่ยวชมได้ทั้ง 4 ฤดูเลยล่ะ
เวลาทำการ
08.00 - 17.00 น.
ค่าเข้าชม
นักเรียนชั้นประถมต้นขึ้นไป 300 เยน
การเดินทาง
จากสถานี Sendai ขึ้นรถไฟสาย JR Senzan ลงสถานี Kitayama แล้วเดินต่อไปอีกประมาณ 10 นาที
ศาลเจ้าคาโมะ (Kamo Shrine)
ศาลเจ้าคาโมะ ตั้งอยู่บนเนินเขาในตำบลอิซุมิ (Izumi) เมืองเซนได ที่มีแม่น้ำนานากิตะ (Nanakita River) ไหลผ่าน ภายในมี 2 ศาลเจ้าคือศาลเจ้าคามิงาโมะ (Kamigamo Shrine) และศาลเจ้าชิโมงาโมะ (Shimogamo Shrine) ยามฤดูใบไม้ร่วง ใบไม้แดงสีสดอวดโฉมคู่ไปกับประตูโทริอิสีแดงของศาลเจ้าสวยอย่าบอกใคร ที่นี่อาจไม่โด่งดังแต่บรรยากาศที่สงบร่มรื่นเมื่อมาสักการะที่ศาลเจ้าพร้อมๆ กับเดินชมความแดงสวยของใบไม้เปลี่ยนสีที่ศาลเจ้าคาโมะก็เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่ยอดเยี่ยมในการมาเซนไดช่วงฤดูใบไม้ร่วงนะ
เวลาทำการ
เปิดตลอด
ค่าเข้าชม
ฟรี
การเดินทาง
จากสถานี Izumi-Chuo นั่งรถบัสมาลงป้าย Kamo Jinja แล้วเดินอีก 1 นาที
ถนนโจเซ็นจิ (Jozenji Avenue)
ถนนโจเซ็นจิตั้งอยู่ในเมืองเซ็นได เป็นถนนสายช้อปปิ้งที่ทอดยาวเป็นแนวจากทิศตะวันออกไปถึงทิศตะวันตกประมาณ 700 เมตร มีต้นเคยากิ (ต้นเซลโคว่าญี่ปุ่น) เรียงรายตลอดสองฟากฝั่ง เหมาะกับการมาเดินเล่นชิลๆ กินบรรยากาศ หรือแวะช้อปปิ้งตามร้านต่างๆ ถ้ามาในฤดูใบไม้ร่วง ที่ถนนโจเซ็นจินี้ก็เป็นอีกจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีใจกลางเมืองเซนไดที่ยอดเยี่ยมอีกจุดหนึ่ง ใครไม่อยากไปไกลก็ขอแนะนำที่นี่เลย
เวลาทำการ
เปิดตลอด
ค่าเข้าชม
ฟรี
การเดินทาง
จากสถานี JR Sendai ต่อรถไฟใต้ดินสาย Namboku ลงสถานี Kotodai-Koen แล้วเดินต่อไปอีก 1 นาที
ฤดูหนาว
เมื่อฤดูหนาวมาเยือน เราก็จะเริ่มนึกถึงหิมะ และความขาวบริสุทธิ์ บรรยากาศช่วงนี้เต็มไปด้วยความโรแมนติกของคู่รัก นักท่องเที่ยวก็วางแผนเที่ยวให้เหมาะกับเทศกาลฤดูหนาวกัน ลองไปดูว่าหนาวๆ แบบนี้เราจะทำอะไรกันดี
ตลาดเช้าเซนได (Asaichi Morning Market)
ยังไม่ได้เดินซื้อของเท่าไรเลย มาแวะตลาดเช้าเซนไดกันดีกว่า ตลาดเช้าเซนไดนี้มีลักษณะเป็นถนนสายเล็กๆ ยาวประมาณ 100 เมตรได้ มีร้านค้าตั้งอยู๋สองข้างทางกว่า 70 ร้าน เป็นศูนย์รวมสินค้าท้องถิ่นทั้งหลาย เช่น ปลาท้องถิ่น สินค้าสดจากทะเลตามฤดูกาล อาหารทะเลแปรรูป ผักและผลไม้ ดอกไม้ตามฤดูกาล และอีกสารพัด และถึงแม้ได้ชื่อว่าเป็นตลาดเช้า แต่ร้านส่วนใหญ่ก็เปิดตั้งแต่เช้าจรดเย็น ดังนั้นไม่ต้องกลัวว่ามาสายแล้วจะไม่ได้ช้อป
เวลาทำการ
08.00 - 18.00 น.
หยุดวันอาทิตย์ วันหยุดราชการ และช่วงปีใหม่
ค่าเข้าชม
ฟรี
การเดินทาง
จากสถานีรถไฟ JR Sendai ทางออกด้านทิศตะวันตก เดินไปประมาณ 5 นาที
อะกิอุ ออนเซ็น (Akiu Onsen)
อากาศหนาว หิมะตกๆ แบบนี้ เราไปแช่ออนเซ็นให้อุ่นกันดีกว่า ที่อะกิอุ ออนเซ็น ซึ่งเป็นหมู่บ้านออนเซ็นที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของจังหวัดมิยางิไม่ไกลจากตัวเมืองเซนไดมากนัก อะกิอุออนเซ็นนี้อยู่ติดกับแม่น้ำนาโตริงาวะ (Natorigawa) ที่ไหลจากอ่าวเซ็นไดสู่มหาสมุทรแปซิฟิก ทำให้มีทิวทัศน์ธรรมชาติที่สวยงามมาก และเนื่องจากเป็นแหล่งแช่ออนเซ็นที่ได้รับความนิยมมาก ออนเซ็นสาธารณะเลยอาจจะมีคนเข้ามาใช้บริการเยอะ ถ้ายังไงก็มีตัวเลือกเป็นแช่ออนเซ็นตามโรงแรมก็ได้
เวลาทำการ
08.00 - 17.00 น.
ค่าเข้าชม
ฟรี
ค่าใช้บริการออนเซ็นก็แล้วแต่ที่ ออนเซ็นสาธารณะ 300 เยน
การเดินทาง
จากสถานีรถไฟ Sendai สาย Senzan ต่อรสบัส Miyagi Kotsu Bus ไปลง Akiu Onsen Yumoto
ซากุนามิ ออนเซ็น (Sakunami Onsen)
ซากุนามิ ออนเซ็น อยู่ที่เมืองเซนได กล่าวกันว่าถูกค้นพบเมื่อ 1300 ปีก่อน เป็นออนเซ็นที่มีประวัติมายาวนาน คุณภาพของน้ำแร่ที่นี่ก็ดี มีประโยชน์ต่อผิวมาก มีคนมาใช้บริการมากมายตลอดทั้งปี ซากุนามิ ออนเซ็นเริ่มเปิดให้บริการตั้งแต่ปี ค.ศ. 1796 การแช่ออนเซ็นที่นี่มีทั้งแบบเปิดโล่ง และแช่ในห้องอาบที่ล้อมรอบด้วยหิน โดยมีวิวหุบเขาซึ่งล้อมรอบ ระดับความลึกของน้สามารถยืนถึง แช่ออนเซ็นไปชมทิวทัศน์ธรรมชาติไปด้วยแบบนี้ เป็นอีกความสุขสำหรับหน้าหนาวในเซนไดเลยล่ะ
เวลาทำการ
แตกต่างกันไปตามแต่ละโรงแรม 08.00 - 22.00 น.
ค่าเข้าชม
ฟรี
ถ้าแช่ออนเซ็น ใช้บริการของโรงแรม ราคาสตาร์ทตั้งแต่ 500 เยน
การเดินทาง
จากสถานี JR Sendai ทางออกตะวันตก ขึ้นรถบัสไปลงที่ Sakunami Onsen Motoyu
หมู่บ้านสุนัขจิ้งจอก (Zao Fox Village)
หมู่บ้านสุนัขจิ้งจอกซาโอะนี้ จะแบ่งออกเป็น 2 โซน โซนแรกเหมือนสวนสัตว์ คือมีการแยกน้องสัตว์ใส่ในกรงตามปกติ มีทั้ง สุนัขจิ้งจอก กระต่าย แพะ ม้า เป็นต้น ส่วนอีกโซนเขาเลื้ยงสุนัขจิ้งจอกแบบปล่อยตามธรรมชาติ ทำให้เราได้เห็นพฤติกรรมการใช้ชีวิตของน้องๆ สุนัขจิ้งจอกได้ตามที่เป็นจริง นอกจากนี้เรายังสามารถให้อาหารจิ้งจอกได้ด้วย อาหารราคาถุงละ 100 เยน น้องๆ จิ้งจอกก็จะตามเราต้อยๆ เลยเพราะอยากได้อาหาร น่ารักมากๆ อยากให้มาเที่ยวกันเยอะนะจ๊ะ
เวลาทำการ
16 มีนาคม – 30 พฤศจิกายน เปิด 09.00 – 17.00 น. (เข้าก่อน 16.30 น.)
1 ธันวาคม – 15 มีนาคม เปิด 09.00 – 16.00 น. (เข้าก่อน 15.30 น.)
หยุดทุกวันพุธ ยกเว้นช่วงเดือนกุมภาพันธ์ สิงหาคม
ค่าเข้าชม
ผู้ใหญ่ (อายุ 13 ปีขึ้นไป) 1,000 เยน
เด็ก (ต่ำกว่า 12 ปี) ฟรี
การเดินทาง
ขึ้นรถไฟ JR จากสถานี Sendai มาลงสถานี Shiroishi-Zao แล้วนั่งรถแท็กซี่ต่อไปที่ Zao Fox Village (ขากลับบอกจองแท็กซี่ไว้ก่อนเลย เขาจะให้บัตรคิว)
สปริงวัลเลย์ อิสึมิโคเง็น สกี รีสอร์ท (Spring Valley Izumi Kogen Ski Resort)
ไหนๆ มาเซนไดช่วงฤดูหนาวแล้ว เราจะพลาดกิจกรรมที่ท้าทายบนหิมะขาวนวลได้ยังไง ไปเล่นสกีกันที่ Spring Valley Izumi Kogen Ski Resort เถอะนะ ที่นี่มีคอร์สสกีให้เลือกทั้งหมด 12 คอร์ส ทั้งคอร์สง่ายๆ สำหรับคนเพิ่งเริ่มเล่น (มีสอนเล่นสกีสำหรับคนไม่เคยเล่นด้วย) ไปจนถึงคอร์สแอดวานซ์สำหรับนักเล่นมือฉมัง นอกจากสกีก็ยังมีสโนว์บอร์ด กับรถลากเลื่อนให้เล่นอีกด้วย
เวลาทำการ
09.00 – 21.00 น. (วันเสาร์อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เปิด 8.30 น.)
ค่าตั๋วลิฟต์ 4 ชั่วโมง
ผู้ใหญ่ 3,200 เยน
ค่าเช่า
สกี 3,900 เยน / 4 ชม.
สโนว์บอร์ด 3,900 เยน / 4 ชม.
ชุดสกี 3,300 เยน / 4 ชม.
รถลากเลื่อนบนหิมะ 300 เยน
การเดินทาง
ขึ้นรถบัสสายที่จะไป Izumi Kogen Ski-jo จากป้ายขึ้นรถหมายเลข 2 ของรถไฟฟ้าใต้ดินสถานี Izumichuo