All About Japan

รวมที่เที่ยวเด่นของคนไป “ชิบะ” ครั้งแรก

Chiba Kanto

1. มาเธอร์ฟาร์ม (Mother Farm)

1. มาเธอร์ฟาร์ม (Mother Farm)

https://pixta.jp

ลักษณะเป็นฟาร์มเลี้ยงสัตว์แบบเปิดท่ามกลางบรรยากาศธรรมชาติสวยงาม แต่พิเศษตรงที่ได้รับการปรับปรุงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวและมีกิจกรรมต่างๆให้ผู้มาเยือนทำมากมาย สะดวกกว่าฟาร์มทั่วไปและเหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย ไม่ว่าจะเป็นทุ่งชมดอกไม้ เก็บผลไม้ตามฤดูกาลเช่นสตรอเบอรี่ ลานปิ้งบาร์บีคิว รวมถึงฟาร์มเลี้ยงสัตว์ที่สามารถป้อนอาหารได้ มีสัตว์ต่างๆเช่นอัลปาก้า แกะ แพะ และก็ยังสวยทุกฤดู ในช่วงฤดูใบไม้ผลิก็จะได้พบกับความงามของทุ่งดอกนาโนะฮานะสีเหลือง ส่วนในฤดูใบไม้ร่วงก็จะมีไฮไลท์อยู่ที่งานประดับไฟสวยงามยามค่ำคืนให้ได้ถ่ายรูปสวยๆกันตลอดทั้งวันทั้งคืนเมื่อมาเยือนที่นี่

เวลาทำการ :
เดือนกุมภาพันธ์-พฤศจิกายน 09.30-16.30 น. (วันธรรมดา), เสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ 09.00-17.00 น.
เดือนธันวาคม-มกราคม 10.00-16.00 น. (วันธรรมดา), เสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ 09.00-16.30 น.

ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่(นักเรียนชั้นมัธยมต้นขึ้นไป) 1500 เยน, เด็ก 800 เยน

การเดินทาง : ขึ้นรถไฟสาย JR Sobu Line ไปลงที่สถานี Chiba ต่อรถไฟสาย JR Uchibo Line ไปลงที่สถานี Kimitsu แล้วขึ้นรถบริการ shuttle bus รับส่งของฟาร์ม (ให้บริการฟรี แต่ต้องจองล่วงหน้า)

2. เมืองซาวาระ (Sawara)

2. เมืองซาวาระ (Sawara)

https://pixta.jp

เมืองประวัติศาสตร์ในบรรยากาศริมคลองย้อนยุคสมัยเอโดะ ที่เต็มไปด้วยอาคารสถานที่อันทรงคุณค่าทางสถาปัตยกรรมและวัฒนธรรม ซึ่งได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดีให้คงอยู่ในสภาพเดิมมาจนถึงทุกวันนี้ โดยมีศาลเจ้าเก่าแก่อายุกว่า 2,700 ปีที่มีชื่อเสียงโด่งดังตั้งอยู่ด้วยชื่อว่าศาลเจ้าคาโทริ อีกทั้งยังมีงานเทศกาลเมืองซาวาระ (Sawara Matsuri) ที่จัดขึ้นตลอดทั้งปี ให้ได้เที่ยวชมในบรรยากาศสวยงามแตกต่างกัน เช่นในช่วงเทศกาลฤดูร้อนก็จะได้พบกับดอกไอริสบานสะพรั่งนับล้านดอกทั่วพื้นที่เมืองแห่งนี้

เวลาทำการ : ตลอด 24 ชั่วโมง

ค่าเข้าชม : ฟรี

การเดินทาง : ขึ้นรถไฟสาย Narita Line for Choshi ไปลงที่สถานี Sawara และเดินอีก 5 นาที

3. วัดนาริตะซังชินโชจิ (Narita-san Shinshoji Temple)

3. วัดนาริตะซังชินโชจิ (Narita-san Shinshoji Temple)

https://pixta.jp

วัดพุทธในนิกายชินงอน (Shingon) ที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักมากที่สุดแห่งหนึ่งของภูมิภาคคันโต โดยเฉพาะในเทศกาลปีใหม่ที่วัดแห่งนี้จะมีชาวญี่ปุ่นจำนวนมากเดินทางมาเที่ยวชมและขอพรในวันแรกของปี ซึ่งภายในบริเวณเดียวกันยังมีสวนนาริตะซัง (Naritasan Park) ที่ในฤดูใบไม้ร่วงเป็นจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยงาม นอกจากนี้สำหรับขาช้อปก็พลาดไม่ได้เลยกับถนนสายโอโมเตะซันโด (Omotesando) ที่เรียงรายไปด้วยร้านค้ารวมถึงร้านอาหารมากมาย กับเมนูชื่อดังของเมืองนี้นั่นคือ ข้าวหน้าปลาไหล

เวลาทำการ : ตลอด 24 ชั่วโมง

ค่าเข้าชม : ฟรี

การเดินทาง : ขึ้นรถไฟสาย JR Narita line ไปลงที่สถานี Narita แล้วเดินอีก 10 นาที

4. สวนอิโนะฮานะ (Inohana Park)

4. สวนอิโนะฮานะ (Inohana Park)

https://pixta.jp

สวนสาธารณะในเมืองชิบะซึ่งปัจจุบันเป็นจุดชมวิวพักผ่อนหย่อนใจที่สวยงามแห่งหนึ่งโดยเฉพาะในฤดูใบไม้ผลิที่จะได้พบกับดอกซากุระบานสะพรั่ง ที่สำคัญอีกอย่างคือเป็นที่ตั้งของปราสาทชิบะที่ในอดีตตระกลูชิบะได้สร้างไว้ แต่ตัวปราสาทนั้นถูกทำลายไปตั้งแต่ปี 1516 จนกระทั่งได้มีการฟื้นฟูอย่างจริงจังและทำการสร้างอาคารหลักใหม่เมื่อปี ค.ศ. 1967 ทำให้ปราสาทกลับมาอยู่ในสภาพสวยงามกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ ตัวปราสาทมี 5 ชั้น ภายในมีการจัดแสดงนิทรรศการที่เกี่ยวข้องกับตระกูลชิบะ รวมถึงวัตถุโบราณกับภาพเขียนในยุคโบราณด้วย

เวลาทำการ : 09.00-17.00 น.

ค่าเข้าชม : เฉพาะด้านในตัวปราสาท เด็กมัธยมปลาย-ผู้ใหญ่ 500 เยน เด็กมัธยมต้น-เด็กเล็ก เข้าฟรี

การเดินทาง : ขึ้นรถไฟสาย JR Narita line ไปลงที่สถานี Chiba และเดินอีก 15 นาที

5. ศาลเจ้าชิบะ (Chiba Shrine)

5. ศาลเจ้าชิบะ (Chiba Shrine)

https://ja.wikipedia.org/wiki/%E5%8D%83%E8%91%89%E7%A5%9E%E7%A4%BE

เป็นศาลเจ้าชินโตที่อยู่ไม่ไกลจากปราสาทชิบะและสถานีหลักของชิบะมากนัก สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ประดิษฐานของเทพเจ้า เมียวเคน หรือพระโพธิสัตว์ที่เชื่อกันว่าสามารถมีปกป้องจากความโชคร้ายและการบาดเจ็บทางร่างกาย บริเวณศาลเจ้ารายล้อมด้วยธรรมชาติที่บรรยากาศเงียบสงบ ส่วนอาคารหลักของศาลเจ้าก็สร้างขึ้นด้วยสถาปัตยกรรมที่สง่างาม โดยเฉพาะประตูหลักที่มีลวดลายซับซ้อนและประณีต โดยมีจุดเด่นอยู่ที่ภาพศิลปะเครื่องบรรณาการแก่ 12 นักษัตรที่ปรากฏบนปฏิทินดั้งเดิม นอกจากนี้ยังมีสวนสาธารณะและบ่อปลาคาร์ฟ ให้ได้ชมกันด้วย

เวลาทำการ : ตลอด 24 ชั่วโมง

ค่าเข้าชม : ฟรี

การเดินทาง : ขึ้นรถไฟสาย JR สายต่างๆเช่น Sobu Line หรือ Narita Line ไปลงที่สถานี Chiba และเดินอีก 12 นาที

6. เทวรูปเจ้าแม่กวนอิมประจำอ่าวโตเกียว (Tokyo Wan Kannon)

6. เทวรูปเจ้าแม่กวนอิมประจำอ่าวโตเกียว (Tokyo Wan Kannon)

https://pixta.jp

รูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมขนาดใหญ่ตั้งอยู่ที่เมืองฟุตสึ (Futtsu) สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1961 โดยมาซาเอะ อุซามิ (Masae Usami) ซึ่งในช่วงเวลานั้นมีจุดประสงค์ในการสร้างเพื่อเรียกร้องสันติภาพของโลก ลักษณะเด่นคือเป็นรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมที่หันพระพักตร์ออกทางด้านอ่าวโตเกียว มีความสูง 56 เมตร ด้านในของรูปปั้นมีบันได้ 324 ขั้น ซึ่งเปิดบริการให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินขึ้นไปชมจุดชมวิวของอ่าวโตเกียวได้ และในวันที่ท้องฟ้าแจ่มใสก็มีโอกาสมองเห็นวิวภูเขาฟูจิจากบนจุดชมวิวได้ชัดเจนด้วย

เวลาทำการ : 08.00-16.00 น.

ค่าเข้าชม : ค่าเข้าสักการะ ผู้ใหญ่ 500 เยน เด็กมัธยม 400 เยน เด็กเล็ก (5 ขวบ - ประถม) 300 เยน

การเดินทาง : ขึ้นรถไฟสาย JR Uchibo ไปลงที่สถานี Sanukimachi และเดินอีก 5 นาที

7. หมู่บ้านเยอรมันแห่งโตเกียว (Tokyo German Village)

7. หมู่บ้านเยอรมันแห่งโตเกียว (Tokyo German Village)

https://pixta.jp

ชื่อโตเกียวแต่อยู่ในชิบะ นี่เป็นธีมพาร์คที่จำลองมาจากหมู่บ้านชนบทในเยอรมนีท่ามกลางบรรยากาศธรรมชาติ ซึ่งมีกิจกรรมต่างๆให้ทำมากมายโดยเฉพาะสำหรับครอบครัว เช่นชิงช้าสวรรค์ สวนสัตว์ สนามกอล์ฟ อีกทั้งยังมีร้านอาหารสไตล์เยอรมันรสชาติอร่อยให้ลิ้มลอง นอกจากนี้ยังมีไฮไลท์อยู่ที่ทุ่งดอกไม้ขนาดใหญ่และงานประดับไฟฤดูหนาว ซึ่งจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่เป็นประจำทุกปี ในธีมที่แตกต่างกันไปและสามารถขึ้นไปชมวิวมุมสูงที่สวยงามยามค่ำคืนที่ระยิบระยับไปด้วยแสงไฟจากบนชิงช้าสวรรค์ได้เช่นกัน


เวลาทำการ : 09.30-17.00 น. (ช่วงที่มีงานประดับไฟ งานจะเริ่มตั้งแต่หลังพระอาทิตย์ตกไปจนถึง 20.00 น.)
ค่าเข้าชม : ตั้งแต่เมษายน 2019 เป็นต้นไป ผู้ใหญ่ 800 เยน เด็กต่ำกว่าประถม 400 เยน เด็กต่ำกว่าสามขวบฟรี

การเดินทาง : ขึ้นรถไฟสาย JR Uchibo Line ไปลงที่สถานี Sodegaura จากนั้นต่อรถบัสตรงจาก Sodegaura Bus Terminal

8. พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำคาโมงาวะ (Kamogawa Seaworld)

8. พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำคาโมงาวะ (Kamogawa Seaworld)

https://pixta.jp

พิพิธภัณฑ์สัตว์นี้ที่สามารถเรียนรู้เกี่ยวกับชีวิตความเป็นอยู่ของสัตว์น้ำหลากหลายสายพันธุ์ท่ามกลางบรรยากาศที่หลากหลายซึ่งจำลองมากจากสภาพแวดล้อมใต้น้ำจริง มีตัวเอกอย่างเช่นวาฬเพชฌฆาต โลมา เพนกวิน สิงโตทะเล และวอลรัส รวมถึงการแสดงโชว์ของสัตว์น้ำแสนรู้ที่น่าตื่นเต้น นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมที่ชื่อว่า Pelican Walk Time วันละ 2 เวลา โดยเป็นกิจกรรมที่เจ้าหน้าที่จะพาเดินไปพร้อมกับนกกระทุงในสวนและให้ความรู้เกี่ยวกับใช้ชีวิตของพวกมัน

เวลาทำการ : 09.00-17.00 น.

ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 3,000 เยน เด็ก 1,800 เยน

การเดินทาง : ขึ้นรถไฟสาย Sotobo Line ไปลงที่สถานี Awa-Kamogawa และต่อรถบริการ Shuttle bus ใช้เวลา 10 นาที

9. วัดฮอนโดจิ (Hondoji Temple)

9. วัดฮอนโดจิ (Hondoji Temple)

https://pixta.jp

วัดฮอนโดจิหรือวัดฮอนโดะเป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียงมากในเรื่องการเป็นจุดชมดอกอาจิไซ (ไฮเดรนเยีย) ในช่วงฤดูฝน ราวๆเดือนมิถุนายน ซึ่งมีดอกอาจิไซ (ดอกไฮเดรนเยีย) ให้ชมกว่า 10,000 ต้นจนทำให้ได้รับการขนานนามว่าเป็นวัดอาจิไซ แต่ในขณะเดียวกันก็มีดอกไม้อื่นๆ ให้ได้ชมในทุกฤดูกาลด้วย เช่น ดอกซากุระในฤดูใบไม้ผลิ ดอกโรไบ (Wintersweet) ในฤดูหนาว นอกจากจะมีดอกไม้ต่างๆให้ได้ชมแล้ว ก็ยังมีสถาปัตยกรรมอันทรงคุณค่าและมีชื่อเสียงอย่างเจดีย์ห้าชั้นที่งดงามด้วย

เวลาทำการ : 08.00-17.00 น.

ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 500 เยน เด็กไม่เกินชั้นประถมเข้าชมฟรี

การเดินทาง : ขึ้นรถไฟสาย Joban Line ไปลงที่สถานี Kita-Kogane แล้วเดินอีก 10 นาที

10. ชายฝั่งคุจูคุริ (Kujukuri-hama Beach)

10. ชายฝั่งคุจูคุริ (Kujukuri-hama Beach)

https://pixta.jp

ชายฝั่งตะวันออกของคาบสมุทรโบโซ (จังหวัดชิบะ) ในมีความยาว 66 กิโลเมตร ซึ่งถือว่ายาวเป็นอันดับ2 ของญี่ปุ่น เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางทะเลยอดนิยมที่อยู่ไม่ไกลจากโตเกียวและมีกิจกรรมทางทะเลให้ทำอย่างหลากหลายตลอดทั้งปี เช่นเล่นกระดานโต้คลื่น เจ็ทสกี หรือจะเดินเล่นรับลมชมวิวท่ามกลางอากาศเย็นสบายก็ได้ สำหรับช่วงเวลาที่เหมาะกับการลงเล่นน้ำทะเลมากที่สุดคือ ปลายเดือนกรกฏาคม-ปลายเดือนสิงหาคม และยังสามารถลองชิมเมนูอาหารจากปลาซาดีนท้องถิ่นที่จับขึ้นมาจากหาดแห่งนี้โดยชาวประมง รวมถึงอาหารประเภทอื่นๆ ที่อร่อยไม่แพ้กัน

เวลาทำการ : ตลอด 24 ชั่วโมง

ค่าเข้าชม : ฟรี

การเดินทาง : ขึ้นรถไฟสาย Sobu Main Line ไปลงที่สถานี Togane จากนั้นต่อรถบัสท้องถิ่นสาย Katakai ไปลงที่ชายหาด Katakai ซึ่งเป็นจุดเที่ยวทะเลยอดนิยมจุดนึงของชายฝั่งคุจูคุริ

  • 1
  • 2
  • 1
  • 2
  • 1
  • 2
know-before-you-go