รวมที่เที่ยวเด่นของคนไป “ชิมาเนะ” ครั้งแรก
1. ศาลเจ้าอิซุโมะไทฉะ (Izumo-Taisha Grand Shrine)
ศาลเจ้าชินโตเก่าแก่และศักดิ์สิทธิ์ที่ตั้งอยู่เมืองอิซุโมะ สร้างขึ้นเพื่อบูชาเทพเจ้าแห่งความสุขและการสมรส (Okuninushi-no-mikoto) จึงทำให้มีชื่อเสียงเกี่ยวกับการขอพรเรื่องความรักและขอเนื้อคู่ มีความเชื่อว่าถ้าโยนเหรียญให้เข้าไปติดในเชือกถักชิเมนาวะ (Shimenawa) หรือเชือกขนาดใหญ่ความยาวกว่า 13 เมตร ที่มีน้ำหนัก 5 ตัน ที่เป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของศาลเจ้าแห่งนี้ได้สำเร็จ สิ่งที่อธิษฐานต่อศาลเจ้าจะเป็นจริงได้ อีกทั้งยังมีเครื่องรางเกี่ยวกับความรักให้ได้ซื้อกันด้วย และที่สำคัญอีกอย่างคือ สถาปัตยกรรมการก่อสร้างอันเก่าแก่ทรงคุณค่าของศาลเจ้าแห่งนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นสมบัติทางวัฒนธรรมแห่งชาติตั้งแต่ปี ค.ศ. 1952
เวลาทำการ :
เดือนมีนาคม-ตุลาคม 06.00-20.00 น.
เดือนพฤศจิกายน-กุมภาพันธ์ 06.30-20.00 น.
ค่าเข้าชม : ฟรี
วิธีการเดินทาง : จากสถานี Izumoshi ขึ้นรถบัสไปลงที่ Izumo Taisha-mae bus Stop ใช้เวลาประมาณ 25 นาที
2. ทะเลสาบชินจิ (Lake Shinji)
ทะเลสาบที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 7 ในญี่ปุ่นและสถานที่จัดเทศกาลดอกไม้ไฟมัตสึเอะซุยโกไซโคโจ (Matsue Suigo-sai Festival) เป็นจุดชมวิวธรรมชาติที่ได้รับความนิยมมาก และใกล้ๆกันก็มีสวนสาธารณะทะเลสาบชินจิกรีนพาร์ค (Lake Shinji Green Park) จึงทำให้มีผู้คนนิยมมาเดินเล่นพักผ่อนหย่อนใจจำนวนมาก โดยเฉพาะในตอนเช้าเพื่อการรอชมวิวพระอาทิตย์ขึ้น และตอนเย็นกับวิวพระอาทิตย์ตกดินที่ได้บรรยากาศสวยงามต่างกันในสองช่วงเวลา นอกจากนี้ในทะเลสาบยังเป็นแหล่งหอยชิจิมิ (Shijimi) อาหารทะเลชื่อดัง ซึ่งนักท่องเที่ยวจะได้เห็นภาพชาวประมงกำลังจับหอยในช่วงเช้า เป็นภาพวิถีชีวิตดั้งเดิมแบบท้องถิ่นที่ได้รับความสนใจมากเช่นกัน
เวลาทำการ : ตลอด 24 ชั่วโมง
ค่าเข้าชม : ฟรี
วิธีการเดินทาง : จากสถานี Izumoshi ให้เดินไปที่สถานี Dentetsuizumoshi เพื่อต่อรถไฟ Ichibata Electric Railway สาย Kita-matsue Line ไปลงที่สถานี Matsue Shinjiko-Onsen แล้วเดินอีก 3 นาที
3. ประภาคารอิซุโมะ ฮิโนะมิซากิ (Izumo Hinomisaki Lighthouse)
เป็นประภาคารที่สูงที่สุดในญี่ปุ่นตั้งอยู่อย่างโดดเด่นบนแหลมฮิโนะมิซากิ มีสถาปัตยกรรมที่งดงามจนได้รับเลือกเป็น 1 ใน 100 ประภาคารสำคัญของโลก (The IALA list of 100 lighthouses as historic and architectural monuments) เปิดใช้งานตั้งแต่ปี ค.ศ. 1903 ความสูงจากฐาน 43.7 เมตร ในวันที่อากาศดีสามารถมองเห็นเป็นระยะทางไกลถึง 40 กิโลเมตร แบบพาโนรามา 360 องศา ผู้คนที่มาเที่ยวที่นี่นิยมขึ้นไปชมวิวพระอาทิตย์ตกดินตอนใกล้ค่ำซึ่งเป็นบรรยากาศที่โรแมนติกมาก อีกทั้งในช่วงปลายเดือนมีนาคม-กรกฎาคม ก็จะมีนกนางนวลหางดำ (Black-tailed Gull) และนกทะเลสีขาวบินไปมาบนท้องฟ้าให้ได้เห็นกันด้วย
เวลาทำการ : 09.00-16.30 น.
ค่าเข้าชม : มีค่าใช้จ่ายในการขึ้นไปด้านบนประภาคาร นักเรียนมัธยมต้น-ผู้ใหญ่ 200 เยน, เด็กเล็กฟรี
วิธีการเดินทาง : จากสถานี Izumoshi ขึ้นรถบัส Ichibata Bus Hinomisaki Line ไปลงที่ป้าย Hinomisaki Todai (Hinomisaki Lighthouse) และเดินอีก 5 นาที
4. พิพิธภัณฑ์ศิลปะอาดาจิ (Adachi Museum of Art)
ตั้งอยู่ในเมืองยาสุกิ (Yasugi) ก่อตั้งโดย เซนโกะ อาดาจิ (Zenko Adachi) ที่นี่เป็นทั้งพิพิธภัณฑ์ศิลปะที่รวบรวมงานศิลป์และมีพื้นที่สวนสไตล์ญี่ปุ่นไว้ในที่เดียวกัน ในส่วนของพิพิธภัณฑ์ได้มีการรวบรวมงานแสดงศิลปะประเภทต่างๆไว้มากมาย เช่นเครื่องเคลือบเซรามิกและภาพเขียนสไตล์ญี่ปุ่นอันทรงคุณค่ากว่า 1,300 ชิ้น และก็มีส่วนของนิทรรศการศิลปะชั่วคราวที่หมุนเวียนกันไปในแต่ช่วงเวลาของปี
สำหรับโซนสวนญี่ปุ่น ก็เป็นสวนที่ตกแต่งสวยงามแบบญี่ปุ่นแท้ๆ จนได้รับการคัดเลือกจากนิตยสารระดับโลกให้เป็นสวนอันดับหนึ่งในญี่ปุ่นโดย The Journal of Japanese Gardening ติดต่อกันถึง 13 ปี และยังได้รับ 3 ดาวจากหนังสือมิชลิน กรีน ไกด์ (Michelin Green Gude) โดยในแต่ละฤดูกาลก็จะได้พบกับบรรยากาศของสวนที่แตกต่างกันไปซึ่งในช่วงต้นฤดูหนาวประมาณเดือนธันวาคมก็ยังมีใบไม้เปลี่ยนสีให้ชม แต่พอถึงช่วงกลางฤดูหนาวตั้งแต่เดือนมกราคมก็จะพบกับหิมะสีขาวปกคลุมทั่วทั้งสวน
เวลาทำการ :
เดือนเมษายน-กันยายน 09.00-17.30 น.
เดือนตุลาคม-มีนาคม 09.00-17.00 น.
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 2,300 เยน, นักศึกษามหาวิทยาลัย 1,800 เยน, นักเรียนมัธยมปลาย 1,000 เยน, นักเรียนประถมและมัธยมต้น 500 เยน
วิธีการเดินทาง : จากสถานี Matsue ขึ้นรถไฟสาย LTD. EXP Yakumo ไปลงที่สถานี Yasugi แล้วขึ้นรถ shuttle bus ไปลงที่พิพิธภัณฑ์ ใช้เวลาประมาณ 20 นาที
5. สวนนกมัตสึเอะ (Matsue Vogel Park)
ตั้งอยู่ทางริมฝั่งตะวันตกของทะเลสาบชินจิ เป็นธีมพาร์คขนาดใหญ่ที่ภายในมีทั้งสวนนกและสวนดอกไม้เรือนกระจก ซึ่งสามารถไปเที่ยวชมดอกไม้และนกสายพันธุ์แปลกๆที่หาดูได้ไม่กี่แห่งในโลก มีนกหลายชนิดตั้งแต่ นกกระยาง นกแก้ว ไปจนถึงนกอีมู นกเพนกวิน และยังให้อาหารนกได้ด้วย
นอกจากนี้ยังมีส่วนของบึงที่จะได้พบกับ หงส์ เป็ด รวมถึงนกน้ำนานาชนิด ที่ไม่ควรพลาดเลยก็คือการแสดงโชว์กลางแจ้งอย่างการฝึกเหยี่ยวกับนกฮูกที่น่าสนใจ สำหรับโซนเรือนกระจกก็เต็มไปด้วยดอกไม้ที่ตกแต่งอย่างสวยงามหลากหลายสายพันธุ์ให้ได้ชมตลอดปี เช่น ดอกบีโกเนีย (Begonia), ดอกฟูเชีย (Fuchsia) หรือดอกโคมญี่ปุ่น เป็นต้น
เวลาทำการ :
เดือนเมษายน-กันยายน 09.00-17.30 น.
เดือนตุลาคม-มีนาคม 09.00-17.00 น.
ค่าเข้าชม : ชาวญี่ปุ่น 1,500 เยน ชาวต่างชาติผู้ใหญ่ 1,080 เยน, เด็ก 540 เยน, ต่ำกว่าชั้นประถมเข้าชมฟรี
วิธีการเดินทาง : จากสถานี Izumoshi เดินไปที่สถานี Dentetsu Izumoshi ที่อยู่ติดกันเพื่อต่อรถไฟ Ichibata Electric Railway ไปลงที่สถานี Matsue Vogel Park แล้วเดินอีกประมาณ 5 นาที
6. ปราสาทมัตสึเอะ (Matsue Castle)
ได้รับสมญานามว่า “ ปราสาทดำ” เพราะโทนสีของปราสาททาสีดำทั้งหมด และเป็น 1 ใน 12 ปราสาทที่มีหอคอยปราสาทหลงเหลืออยู่ในญี่ปุ่น จึงได้รับเลือกให้เป็นสมบัติสำคัญทางวัฒนธรรมของประเทศ สร้างขึ้นแล้วเสร็จในปี ค.ศ. 1611 ลักษณะเป็นปราสาท 6 ชั้น มีหอบัญชาการที่เรียกว่า หอคอยยอดปราสาทเท็นชุคาคุ (Tenshukaku) หากขึ้นไปชมถึงชั้นบนสุดก็จะมีจุดชมวิวจากมุมสูงที่มองเห็นทิวทัศน์สวยงาม นอกจากนี้คูน้ำรอบๆ ปราสาทก็มีบริการล่องเรือท่องเที่ยวชมความงามสำหรับนักท่องเที่ยวที่สนใจด้วย
เวลาทำการ : เดือนเมษายน-กันยายน 07.00-19.30 น.
เดือนตุลาคม-มีนาคม 08.30-17.00 น.
ค่าเข้าชม : คนญี่ปุ่น 560 เยน คนต่างชาติผู้ใหญ่ 280 เยน, เด็ก 140 เยน
วิธีการเดินทาง : จากสถานี Matsue ขึ้นรถบัส Ichibata ไปลงที่ป้าย Kencho-mae และเดินอีก 5 นาที