รวมที่เที่ยวเด่นของคนไป "กิฟุ" ครั้งแรก
สำหรับทริปนี้นักท่องเที่ยวสายแบกเป้เที่ยวที่รักในธรรมชาติและประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่นควรอย่างยิ่งที่จะลองมาค้นหาประสบการณ์การท่องเที่ยวในที่จังหวัดกิฟุแห่งนี้ ซึ่งมีทั้งหมู่บ้านมรดกโลกและสถานที่ Unseen Japan ที่รอต้อนรับนักท่องเที่ยวให้เข้าไปสัมผัส พร้อมและไปลุยกันเลย
หมู่บ้านชิราคาว่าโก (Shirakawago)
หมู่บ้านชิราคาว่าโก หมู่บ้านแห่งประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นที่มีบ้านแต่ละหลังมุงจากแบบญี่ปุ่นเก่า เป็นหมู่บ้านที่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นหมู่บ้านมรดกโลกจากยูเนสโก้ ซึ่งไม่ได้อนุรักษณ์เพียงแค่สภาพบ้านเรือนเท่านั้น แต่อนุรักษ์รวมทั้งวิถีชีวิตความเป็นอยู่ด้วย อย่างครอบครัวที่ยังทำเกษตรกรรมแบบเดิม รวมถึงสภาพแวดล้อมภายในหมู่บ้านโดยรวมก็รักษาไว้ได้อย่างดี หากใครอยากมาพักผ่อนหย่อนใจรับโอโซนดีๆที่นี่เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกอันดับต้นที่ต้องมีเอาไว้ในลิสต์รายชื่อสถานที่เที่ยวที่ต้องมาที่กิฟุ เพราะสามารถมาเยี่ยมชมได้ทุกฤดูกาลเลย มีในบางจุดของหมู่บ้านจะต้องเสียค่าเข้าชม อาทิเช่นพิพิธภัณท์บ้าน Wada House คนละ 300 เยน เป็นต้น
ข้อควรระวัง อย่างที่ทราบกันดีว่าที่นี่นั้นบ้านเรือนเป็นมุงจากธรรมชาติ การเข้ามาเยี่ยมชมภายในต้องระวังเรื่องความปลอดภัยเป็นอย่างมาก การสูบบุหรี่ในบริเวณหมู่บ้านจึงต้องของดเว้น รวมถึงการรักษาความสะอาดด้วยเช่นกัน และต้องทิ้งขยะในจุดทิ้งขยะเท่านั้น
เวลาทำการ : ทุกวัน 8:00-17:00น. ยกเว้นช่วงฤดูที่มีการประดับไฟกลางคืน
วิธีการเดินทาง : จากศูนย์รถบัสสถานี Takayama นั่งรถบัสสาย Nohi Bus Takayama - Shirakawago เพื่อมาลงที่หมายโดยตรง
กระเช้าชินโฮทากะ (Shinhotaka Ropeway)
กระเช้าลอยฟ้าชินโฮทากะเป็นกระเช้าที่เปิดให้บริการสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการชมวิวธรรมชาติในทุกฤดูกาลจากมุมสูงกระทั่งยอดเขาโฮทากะดาเกะ ซึ่งเป็นที่แห่งเดียวที่ใช้กระเช้าต่อสองชั้น โดยเริ่มต้นจากกระเช้าแรกที่ Shinhotaka Onsen ข้างล่างสุด ขึ้นไปชั้นสองใช้เวลา 4 นาที จากนั้นไปเปลี่ยนเป็นกระเช้าเพื่อต่อขึ้นไปยังยอดเขาที่ป้าย Nishihotakaguchi ใช้เวลาอีก 7 นาที โดยจากด้านบนจะเป็นจุดที่ชมวิวโดยรอบได้ 360 องศา
โดยบรรยากาศที่ได้รับรวมถึงกิจกรรมเพิ่มเติมจะแตกต่างกันไปใน 4 ฤดูกาลของญี่ปุ่น อาทิช่วงใบไม้ร่วงจะเต็มไปด้วยใบไม้เปลี่ยนสีแดงส้มทั่วบริเวณ เกิดทะเลหมอกและวิวพระอาทิตย์ตกสวยงามที่สุด แถมยังมีอากาศเย็น คนยังนิยมมาเพื่อแช่ออนเซ็นรอบๆย่านโฮทากะออนเซ็น ซึ่งอยู่รอบๆบริเวณจุดขึ้นกระเช้าโฮทากะอีกด้วย ส่วนฤดูหนาวที่ปกคลุมไปด้วยหิมะก็สามารถเห็นวิวเทือกเขาแอลป์ญี่ปุ่นได้เป็นต้น
เวลาทำการ : เปิดทุกวัน แต่ใน 4 ฤดูจะแตกต่างกัน(โปรดเช็ควันเวลาประกาศเข้าฤดูกาลก่อนเข้าชม) ดังนี้
ฤดูใบไม้ผลิ
จุด Shinhotaka Onsen 08:30-16:00น.
จุดเปลี่ยนขบวน Shirakabadaira 08:45-16:15น.
จุดยอดเขา Nishihotakaguchi 08:45-16:45น.
ฤดูร้อน
จุด Shinhotaka Onsen 08:00-16:00น.
จุดเปลี่ยนขบวน Shirakabadaira 08:15-16:15น.
จุดยอดเขา Nishihotakaguchi 08:15-16:45น.
ฤดูใบไม้ร่วง
จุด Shinhotaka Onsen 08:00-16:00น.
จุดเปลี่ยนขบวน Shirakabadaira 08:15-16:15น.
จุดยอดเขา Nishihotakaguchi08:15-16:45น.
(ในฤดูใบไม้ร่วงจะเปิดแค่วันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์)
ฤดูหนาว
จุด Shinhotaka Onsen 09:00-15:30น.
จุดเปลี่ยนขบวน Shirakabadaira 09:15-15:45น.
จุดยอดเขา Nishihotakaguchi09:15-16:15น.
ค่าเข้าชม : แบ่งออกตามรูปแบบการขึ้นกระเช้าดังนี้
กระเช้าเชื่อมต่อรวมตั้งแต่ Shinhotaka Onsen-Nishihotakaguchi ทางเดียว
ผู้ใหญ่ 1,600 เยน เด็ก 800 เยน สัมภาระ 300 เยน
กระเช้าเชื่อมต่อรวมตั้งแต่ Shinhotaka Onsen-Nishihotakaguchi ไปกลับ
ผู้ใหญ่ 2,900 เยน เด็ก 1,450 เยน สัมภาระ 600 เยน
หรือสามารถคิดแยกตามชั้นที่ขึ้นได้ดังนี้
จุดกระเช้าที่1 Shinhotaka Onsen-Nabehira Kogen
ทางเดียว - ผู้ใหญ่ 400 เยน เด็ก 200 เยน สัมภาระ 100 เยน
ไปกลับ - ผู้ใหญ่ 600 เยน เด็ก 300 เยน สัมภาระ 200 เยน
จุดกระเช้าที่2 Shirakaba flat-Nishiho Takaguchi
ทางเดียว - ผู้ใหญ่ 1,500 เยน เด็ก 750เยน สัมภาระ 200 เยน
ไปกลับ - ผู้ใหญ่ 2,800 เยน เด็ก 1,400 เยน สัมภาระ 400 เยน
**ตั๋วค่าบริการโดยสารสัมภาระสมำหรับผู้ที่นำสัมภาระติดตัวมาเกิน 6 กิโลกรัมขึ้นไป**
วิธีการเดินทาง : จากสถานีTakayama โดยสารรถบัสประจำทาง(ออกทุกชั่วโมง) ลงสถานีปลายทาง Shin-Hotaka Ropeway ใช้เวลาประมาณ1ชม.30นาทีโดยประมาณ
เมืองเก่าฮิดะทาคายามะ (Hida Takayama)
ก่อนหน้าเราได้กล่าวถึงชิราคาว่าโกกันไปในฐานะหมู่บ้านอนุรักษ์เก่าแก่ ในครั้งนี้อีกหนึ่งสถานที่อนุรักษ์เช่นกันคือ เมืองเก่าฮิดะทาคายามะ เป็นเมืองที่มีมาตั้งแต่ในสมัยเอโดะตอนปลาย แล้วยังคงอนุรักษ์ลักษณะเมืองแบบเก่าเอาไว้ได้ ทั้งย่านที่เป็นตึกบ้านไม้หันหน้าเข้าหากันตั้งเรียงรายทั่วบริเวณ เต็มไปด้วยบ้านที่เปิดร้านค้าขายอาหารหรือสาเกภายในบ้างประปราย แถมมีวิวโดยรอบที่สวยงาม ตัดผ่านด้วยถนนซันมาจิที่มีมาตั้งแต่สมัยเมจิ เรียกได้ว่าบรรยากาศย้อนยุคแต่ไม่ล้าสมัย แถมดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวญี่ปุ่นเองและชาวต่างชาติให้เข้าไปชมและถ่ายรูปรอบบริเวณดังกล่าวได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ
ช่วงเวลาที่แนะนำให้เข้ามาเยี่ยมชมตัวเมืองเก่าฮิดะทาคายามะคือช่วงฤดูใบไม้ผลิ เพราะดอกไม้โดยเฉพาะดอกวิสทีเรียจะบานสะพรั่ังทั่วบริเวณได้บรรยากาศตื่นตาตื่นใจยิ่งขึ้น อาหารและเครื่องดื่มที่ควรมาลองที่นี่คือ เนื้อฮิดะของดีประจำจังหวัดกิฟุและเมืองทาคายามะ เหล้าสาเกออริจินัลเลิศรส และมิตะระชิดังโงะ
เวลาทำการ : ทุกวัน 08:30 – 18:00น. ในฤดูหนาวจะเปิดให้เข้าชมเวลา 08:30 – 17:00 น. เวลาทำการของแต่ละร้านค้าเปลี่ยนแปลงได้
วันหยุด : ร้านค้าส่วนใหญ่หยุดทุกวันจันทร์ วันหยุดปีใหม่ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ของญี่ปุ่น
วิธีการเดินทาง : จากสถานี Takayama เดินเท้าต่อประมาณ 10 นาทีถึงที่หมาย
เกโระออนเซน(Gero Onsen)
เกโระออนเซนเป็นรีสอร์ทที่ให้บริการออนเซนด้วยน้ำร้อนจากภูเขาที่อยู่ใกล้ๆกับทาคายามะ ตัดผ่านเข้ามาบริเวณเกโระ โดยมักจะถือว่าเป็นหนึ่งในออนเซนที่ดีที่สุดของประเทศญี่ปุ่น หากมีแผนการท่องเที่ยวที่ทาคายามะ เกโระออนเซนเป็นอีกหนึ่งในสถานที่ๆคุณควรจัดไว้ด้วยกัน แถมยังสะดวกสำหรับสายแบกเป้เที่ยวในการไปกลับใน 1 วันอีกด้วย หรือจะค้างคืนเลยก็เหมาะมาก
โดยช่วงที่แนะนำให้มาแช่น้ำร้อนที่เกโระออนเซนจะเป็นช่วงเดือนมีนาคมที่ดอกไม้กำลังบานสีชมพูสะพรั่งในฤดูใบไม้ผลิ ซึ่งทำให้บรรยากาศโรแมนติกมากๆ หรือจะเข้ามาพักในช่วงฤดูหนาวเติมความอบอุ่นและความผ่อนคลายให้กับร่างกายก็ดีไม่น้อยเลยทีเดียว
วิธีการเดินทาง : จากสถานี Gero เดินเท้าต่อมาประมาณ 10 นาทีถึงเกโระออนเซน
ปราสาทกิฟุ (Gifu castle)
มาถึงปราสาทกิฟุ สัญลักษณ์ของจังหวัดกิฟุและที่พักของยอดขุนพล โอดะ โนบุนากะ ซึ่งเป็นเจ้าเมืองหรือไดเมียวที่มีชื่อเสียงที่สุดคนหนึ่งในสมัยสงครามกลางเมืองของญี่ปุ่น ปราสาทได้รับการบูรณะใหม่ และหลังที่เห็นอยู่นี้ถูกสร้างขึ้นเมื่อปี 1950 ไม่ใช่ของแท้แต่มีนิทรรศการที่น่าสนใจให้ดูภายในมากมาย โดยนอกจากจัดแสดงอาวุธในสมัยก่อนไว้ภายในปราสาทแล้วนั้น บรรยากาศโดยรอบยังมีธรรมชาติที่สวยงาม และความขลังแบบซามูไรในอดีต ทำให้เกิดวิวที่แปลกตากว่าที่แห่งอื่นๆ เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ยังคงมีเสน่ห์แบบซามุไรเอาไว้กระทั่งปัจจุบัน
เวลาทำการ : ทุกวัน 9:30 น. - 17:30 น. (แต่ละฤดูกาลเวลาทำการแตกต่างกันไป โปรดเช็คข้อมูลก่อนเข้าชม)
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 200 เยน เด็ก 100เยน ต่ำกว่า4ปีไม่เสียค่าใช้จ่าย
วิธีการเดินทาง : จากสถานี Gifu นั่งรถบัสไปลงที่ป้าย Gifukoen-mae
บ่อน้ำของโมเน่ต์ (Monet's Pond)
บ่อน้ำสีฟ้าเทอร์ควอยซ์เหมือนภาพวาดนี้คือหนึ่งใน Unseen Japan ที่ไม่ควรพลาด ด้วยน้ำใสเห็นตัวปลาคาร์ปที่มีบรรยากาศที่สวยงามเหมือนกับภาพวาดของโมเน่ต์ ซึ่งแต่ก่อนบ่อน้ำแห่งนี้ไม่ได้สวยงามดั่งที่เราเห็น แต่เกิดจากการรวมมือการของคนในเมืองช่วยกันนำหญ้ารกร้างในบ่อออก แล้วนำบัวมาปลูก นำปลามาปล่อยเลี้ยงไว้ แล้วมีต้นน้ำจากภูเขาที่มีหินไรโอไลต์ที่ยับยั้งจุลินทรีย์ในน้ำ ทำให้น้ำในบ่อน้ำแห่งนี้ใสและสวยงาม ซึ่งสีที่ได้ก็จะแตกต่างกันตามแสงอาทิตย์ที่สะท้อนในน้ำอีกด้วย ทำให้ผู้คนเริ่มหันมาท่องเที่ยวที่บ่อน้ำแห่งนี้จนกระทั่งกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวท้องถิ่นในที่สุด
เวลาทำการ: เปิดฟรีตลอด24ชม.
วิธีการเดินทาง : จากสถานีเซกิ ต่อรถบัสสาธารณะGifu Bus มาลงป้าย Ajisai-en Mae ถึงที่หมาย
หุบเขาเอนะ (Ena Valley)
หุบเขาเอนะหรือเอนะเคียว เป็นหุบเขากลางป่าดอกไม้และต้นไม้อันสวยงามตัดกลางด้วยแม่น้ำ Kiso สีเขียวมรกตจากเขื่อนซึ่งมีความสวยงามตลอด4ฤดูกาลในญี่ปุ่น ที่แห่งนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่นิยมในชาวญี่ปุ่นมากกว่าต่างชาติจึงไม่ค่อยพบรีวิวการท่องเที่ยวเป็นภาษาต่างชาติมากนัก
ช่วงเวลาที่ชาวญี่ปุ่นนิยมมาท่องเที่ยวนั้นจะเป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วงในการล่องเรือชมวิวทิวทัศน์โดยรอบเพราะที่นี่มีทั้งต้นซากุระและดอกไม้นานาชนิดรวมไปถึงต้นเมเปิ้ลที่เปลี่ยนเป็นสีแดงในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ซึ่งค่าใช้จ่ายในการนั่งเรือชมวิวก็จะแตกต่างกันขึ้นอยู่กับบริษัทหรือทัวร์ที่เราไปนั่งเรือชมวิว เรียกได้ว่าชอบฤดูกาลใดช่วงใดสามารถเข้ามาชมได้อย่างเต็มอิ่ม
วิธีการเดินทาง : จากสถานี Ena นั่งแท็กซี่หรือรถบัสประจำทางต่อมาลงที่ป้าย Enakyo
ลานศิลปะโยโระเท็งเมฮังเทนจิ ที่สวนโยโระ (Site of Reversible Destiny - Yoro Park)
สวนโยโระปาร์คเป็นสวนสาธารณะแบบผสมที่มีพื้นที่กว้างขวาง ไม่ได้มีกำแพงหรือเขตแดนชัดเจน และมีที่เที่ยวธรรมชาติที่สวยงามมากมายอยู่ในบริเวณ ทั้งน้ำตกโยโระ ป่าไม้ สวนสาธารณะ สนามเด็กเล่น สนามกอล์ฟเล็กๆ ศาลเจ้าโยโระ วัด ออนเซ็นธรรมชาติ รวมทั้งสวนจัดแสดงศิลปะที่เราอยากแนะนำให้รู้จักในคราวนี้
ส่วนที่แสดงศิลปะนี้เรียกว่าโยโระเท็งเมฮังเทนจิ (Site of Reversible Destiny) เป็นสวนที่รวมผลงานสถาปัตยกรรมที่ออกแบบโดย Arakawa Shusaku เป็นศิลปินจากเมืองนาโกย่าที่จัดแสดงสถาปัตยกรรมแหวกแนวเอาไว้มากมาย เหมาะสำหรับใครที่ต้องการสถานที่ถ่ายรูปเก๋ๆ ชิคๆแบบสมัยใหม่ไม่จำเจ และแปลกตากว่าที่อื่น และสวนเองก็เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจที่อากาศดี สามารถเข้ามารับประสบการณ์สวนสาธารณะคุณภาพได้ทุกเทศทุกวัย
เวลาทำการ : ทุกวัน 9: 00-17: 00 น.(เข้าประตูเวลาสุดท้ายคือ16:30น.)
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 750 เยน เด็กมัธยม 500 เยน เด็กประถม-มัธยมต้น 300 เยน อายุน้อยกว่าดังกล่าวฟรี
วิธีการเดินทาง : จากสถานีYoro เดินประมาณ 10 นาทีถึงที่หมาย