ค้างคืนใน 6 สถานที่สุดแปลกของญี่ปุ่น
1. หมู่บ้านโบราณชิราคาวาโกะ (Shirakawago Village)
ถ้าพูดถึงสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตของญี่ปุ่นในหมู่นักท่องเที่ยวชาวไทยแล้ว ชื่อของหมู่บ้านชิราคาวาโกะน่าจะติดอันดับต้นๆ ที่ไม่ว่าจะไปกับทัวร์หรือเที่ยวด้วยตัวเอง หลายๆคนต่างก็ใส่ชื่อหมู่บ้านแห่งนี้ไว้ในแผนการเดินทาง เนื่องจากความเก่าแก่และสถาปัตยกรรมที่มีเอกลักษณ์ และยังมีความสวยงามที่แตกต่างกันไปในแต่ละฤดูอีกด้วย
แม้ว่าจะขึ้นชื่อว่าเป็นหมู่บ้านโบราณอายุหลายร้อยปีและยังได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลก แต่บ้านแต่ละหลังภายในหมู่บ้านชิราคาวาโกะนั้นเป็นบ้านธรรมดาที่มีคนทั่วไปอยู่อาศัยกันจริงๆ และยังมีบ้านหลายสิบหลังที่เปิดให้คนทั่วไปพักค้างคืนได้ แถมราคาต่อคืนก็ไม่ได้แพงอย่างที่คิด เพราะราคาเริ่มต้นเพียงคืนละประมาณ 3,000 เยนเท่านั้น ใครที่อยากสัมผัสบรรยากาศการพักค้างคืนสไตล์ญี่ปุ่นโบราณหรือต้องการเที่ยวชมหมู่บ้านในช่วงเวลาที่เงียบสงบทั้งในตอนเช้าและเย็น จึงควรหาโอกาสมาลองพักค้างคืนที่นี่เป็นอย่างยิ่ง
ราคาต่อคืน : 3,800 – 19,800 เยน
เว็บไซต์ : http://ml.shirakawa-go.org/en/accommodation/
2. วัดบนภูเขาโคยะ จ.วาคายาม่า (Koyasan, Wakayama)
นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่เดินทางไปท่องเที่ยวในญี่ปุ่นนั้นมักจะแวะเที่ยววัดชื่อดังตามเมืองต่างๆ กันอยู่แล้ว แต่หลายคนอาจไม่รู้มาก่อนว่าวัดบางแห่งในญี่ปุ่นนั้นเปิดให้คนทั่วไปสามารถพักค้างคืนได้เช่นกัน โดยรูปแบบที่พักนั้นจะให้บรรยากาศคล้ายกับการพักในเรียวกัง ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นห้องสไตล์ญี่ปุ่นพร้อมที่นอนแบบฟูกปูนอนกับพื้น
วัดบางแห่งยังมีเมนูมังสวิรัติหรือเมนูเต้าหู้อร่อยๆให้ทาน และอาจมีการเชิญไปเข้าร่วมพิธีทางศาสนาเล็กๆ น้อยๆ เช่นการทำสมาธิ หรือการเดินภาวนาในตอนเช้า ซึ่งต่อให้เป็นคนที่ไม่ได้ธรรมะธรรมโมอะไรมากนักก็สามารถเพลิดเพลินและประทับใจไปกับความสงบ เรียบง่าย และบรรยากาศอันแปลกใหม่ที่หาไม่ได้จากที่พักแบบอื่น
โดยจุดที่น่าสนใจและมีชื่อเสียงมากที่สุดในการพักค้างคืนในวัดที่ญี่ปุ่น คือวัดต่างๆ จำนวนกว่า 50 แห่งบนภูเขาโคยะ ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ในจ.วากายาม่า (Wakayama) ที่มีชื่อเสียงจากเส้นทางแสวงบุญมากมาย ซึ่งการเปิดให้พักค้างคืนในยุคแรกนั้นก็เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่บรรดาผู้ที่มาเดินแสวงบุญบนภูเขานั่นเอง แต่ในปัจจุบันภูเขาโคยะกลายเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังที่มีนักท่องเที่ยวมาเยือนเป็นจำนวนมาก ทำให้ปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวบางส่วนนิยมพักค้างคืนในวัดต่างๆ ที่เปิดให้เข้าพัก เพื่อสัมผัสความเรียบง่ายและธรรมชาติอันสวยงามของภูเขาโคยะได้อย่างเต็มที่
ราคาต่อคืน : 9,000 – 15,000 เยน
เว็บไซต์ : https://www.japaneseguesthouses.com/ryokan-search-results/?area=Mt+Koya
3. หอศิลป์บนเกาะนาโอชิม่า (Benesse House, Naoshima)
เกาะนาโอชิม่าในจ.คากาวะ (Kagawa) กลายเป็นอีกจุดหมายยอดนิยมของนักท่องเที่ยวชาวไทยในปัจจุบัน จากฉายาของเกาะแห่งนี้ที่ถูกขนานนามว่าเป็น “เกาะแห่งศิลปะ” เนื่องจากบนเกาะแห่งนี้เต็มไปด้วยหอศิลป์และพิพิธภัณฑ์ทางศิลปะอยู่เป็นจำนวนมาก และยังมีงานศิลปะกลางแจ้งวางอยู่ตามจุดต่างๆอีกมากมาย หนึ่งในนั้นก็คือผลงานรูปปั้นฟักทองลายจุดของ Yayoi Kusama ที่เปรียบเสมือนแลนด์มาร์คของเกาะแห่งนี้ไปแล้ว
อันที่จริงบนเกาะนาโอชิม่านั้นก็มีที่พักหลากหลายรูปแบบให้เลือก แต่ในเมื่อแวะมาเยือนเกาะแห่งศิลปะทั้งทีก็น่าจะลองพักค้างคืนในหอศิลป์ดูสักคืน โดยที่พักแห่งนี้ก็คือ Benesse House ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของหอศิลป์ Chichu Art Musuem หอศิลป์ซึ่งเป็นเสมือนจุดหมายหลักของคนมาเที่ยวกาะแห่งนี้ แม้ว่าราคาในการพักค้างคืนอาจจะแพงสักนิด โดยเริ่มต้นที่ประมาณคืนละ 26,000 เยน แต่ก็แลกมาด้วยการได้พักค้างคืนในอาคารที่ออกแบบโดย Tadao Ando สถาปนิกระดับโลกชาวญี่ปุ่น และได้นอนใกล้ๆกับ “Water Lilies” ผลงานของศิลปินเลื่องชื่ออย่าง Claude Monet เรียกได้ว่าได้ซึมซับบรรยากาศแห่งศิลปะได้ทั้งยามหลับและยามตื่นเลย
ราคาต่อคืน : 26,000 – 100,000 เยน
เว็บไซต์ : http://benesse-artsite.jp/en/stay/benessehouse/
4. โรงแรมน้ำแข็ง Hoshino Tomaru Resort, Hokkaido
ฮอกไกโดนั้นเป็นจุดหมายยอดฮิตของการเยือนญี่ปุ่นในฤดูหนาว และเปรียบเสมือนดินแดนสวรรค์สำหรับคนชอบหิมะเนื่องจากเต็มไปด้วยลานสกีระดับโลกมากมาย และยังมีภูมิประเทศรวมถึงธรรมชาติหลากหลายรูปแบบ แต่สำหรับใครที่ยังไม่หนำใจจากการเล่นหิมะหรือการสัมผัสความหนาวเย็นให้ลืมความร้อนของประเทศไทย โรงแรมพิเศษของ Hoshino Tomaru Resort ที่เราจะแนะนำต่อไปนี้ต้องถูกใจคุณอย่างแน่นอน
ในทุกๆ ฤดูหนาว ที่ Hoshino Tomaru Resort แห่งนี้จะจัดโซนพิเศษขึ้นมาในชื่อ Ice Village หรือหมู่บ้านน้ำแข็ง โดยอาคารทั้งหมดในบริเวณนี้จะถูกสร้างขึ้นจากน้ำแข็งจริงๆ ทั้งหมด โดยมีทั้งร้านอาหารน้ำแข็ง โบสถ์น้ำแข็งที่ใช้จัดงานแต่งงานหรือพิธีต่างๆ ได้จริง และที่เป็นไฮไลท์มากที่สุดก็คือโรงแรมน้ำแข็ง หรือ Ice Hotel ที่ให้เราสามารถนอนค้างคืนในอาคารที่สร้างขึ้นจากน้ำแข็งทั้งหมด โดยโรงแรมแห่งนี้จะเปิดให้บริการเพียงระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้น ซึ่งกำหนดการในช่วงที่จะถึงนี้ก็คือตั้งแต่ 19 มกราคม 2019 ไปจนถึง 28 กุมภาพันธ์ 2019 ใครที่สนใจอาจต้องรีบหน่อยเพราะจากกระแสความนิยมและความสนใจในวงกว้าง ทำให้โรงแรมน้ำแข็งแห่งนี้ถูกจองเต็มเร็วมาก
ราคาต่อคืน : 23,000 เยน
เว็บไซต์ : https://www.snowtomamu.jp/winter/en/topics/1806/
5. โรงแรมและร้านหนังสือ Book and Bed
ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีวัฒนธรรมการอ่านที่ค่อนข้างแข็งแรงและเต็มไปด้วยร้านหนังสือหลากหลายขนาดในแต่ละเมือง โดยร้านหนังสือเครือใหญ่ๆ ของญี่ปุ่นหลายแห่งนั้นกินพื้นที่ของอาคารขนาดใหญ่เท่าห้างสรรพสินค้าทั้งอาคาร และด้วยความละลานตาของจำนวนหนังสือมากมายนับไม่ถ้วนจนบางทีใช้เวลาทั้งวันก็อาจไม่เพียงพอ ทำให้หลายคนแอบฝันว่าถ้าได้มีโอกาสนอนค้างคืนในร้านหนังสือได้ก็คงจะเป็นเรื่องที่ดีไม่น้อย
ในที่สุดก็มีคนที่นำแนวคิดนี้มาเปิดเป็นโรงแรมและร้านหนังสือขึ้นมาจริงๆในชื่อว่า Book and Bed โดยมีลักษณะเป็นที่พักคล้ายๆ กับโรงแรมแคปซูลซึ่งออกแบบให้ที่นอนนั้นแฝงตัวอยู่ในชั้นวางหนังสือ ซึ่งสามารถเอื้อมมือมาหยิบหนังสือที่อยู่บนชั้นไปอ่านได้ตลอดเวลา และปัจจุบัน Book and Bed นั้นได้รับความนิยมมากจนขยายสาขาออกไปถึง 5 สาขาในเวลาเพียงไม่กี่ปี คือสาขา Ikebukuro, Asakusa, Shinjuku, Kyoto และ Fukuoka โดยนอกจากจะได้นอนขลุกอยู่ในร้านหนังสืออย่างที่ใฝ่ฝันแล้ว ยังมีโอกาสได้พบปะเพื่อนใหม่ๆ ที่รักหนังสือเช่นเดียวกันอีกด้วย
ราคาต่อคืน : 4,770 – 7,420 เยน
เว็บไซต์ : http://bookandbedtokyo.com/en/
6. โรงแรมคุกในนารา Nara Juvenile Prison Hotel (เปิดปี 2020)
ภาพจำของเมืองนาราสำหรับหลายๆคน คงเป็นภาพฝูงกวางน่ารักๆที่ใช้ชีวิตอยู่อย่างอิสระภายในเมืองจนกลายเป็นจุดขายหลักที่ใครหลายคนอยากลองแวะไปเยือนสักครั้ง แต่สำหรับใครที่กำลังมองหาที่พักแปลกใหม่ในญี่ปุ่น นารายังมีสถานที่ๆน่าสนใจในการพักค้างคืนที่ไม่เหมือนใครอย่างแน่นอน เพราะกำลังจะเปิดโรงแรมที่ดัดแปลงจากคุกซึ่งตอนนี้อยู่ในระหว่างการปรับปรุง และมีกำหนดจะเปิดให้บริการจริงในปี 2020
คุกแห่งนี้มีชื่อว่า Nara Juvenile Prison สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1908 และใช้เป็นสถานที่จองจำนักโทษจากทั่วทั้งประเทศญี่ปุ่นมาจนถึงปี 2016 หรือเป็นเวลายาวนานกว่าร้อยปี โดยจุดเด่นของคุกแห่งนี้คือรูปลักษณ์ของอาคารที่สร้างขึ้นด้วยอิฐแดงสไตล์ยุโรป ที่เมื่อมองผ่านๆแทบดูไม่ออกว่าเป็นคุก และไม่มีบรรยากาศที่น่ากลัวแฝงอยู่เลย ซึ่งแผนการก่อสร้างที่ออกมานั้นระบุว่าจะมีการดัดแปลงเป็นโรงแรมขนาด 150 ห้อง มีทั้งส่วนที่สร้างขึ้นมาใหม่และส่วนที่ดัดแปลงจากห้องขังเดิมมาเป็นห้องพัก เช่นการทุบห้องขังเดี่ยวมาทำเป็นห้องสวีทอันกว้างขวาง ใครที่สนใจก็สามารเตรียมหยอดกระปุกและนับถอยหลังรออีกสองปีได้เลย
ราคาต่อคืน : 12,000 – 20,000 เยน (ราคาคาดการณ์)