เที่ยวนางาโนะหนึ่งวัน ชมปราสาทและเมืองโบราณ
พาเที่ยวปราสาทมัตสึโมโตะและนาราอิจูกุ
วันนี้เราจะพาไปเที่ยวนากาโนะ (Nagano) เมืองที่มีฉายาว่าเป็นหลังคาของญี่ปุ่น ซึ่งในนากาโนะ ถือว่ามีสถานที่ท่องเที่ยวที่หลากหลายให้เลือกวางแผนเดินทางท่องเที่ยวได้ตามสไตล์ความชอบของนักท่องเที่ยว เช่น ปราสาทมัตสึโมโตะและนาราอิจูกุ ที่จะแนะนำกันในครั้งนี้
เริ่มต้นที่ปราสาทมัตสึโมโตะ กันก่อนเลย
ปราสาทมัตสึโมโตะ (Matsumoto Castle) หรือที่เรียกกันอีกชื่อหนึ่งว่า “ปราสาทอีกาดำ” เหตุผลก็เพราะตัวโครงสร้างอาคารหลักมีสีดำและให้ความรู้สึกคล้ายอีกาดำที่สง่างาม สุขุม และยิ่งใหญ่ วันที่เราไปเที่ยวตรงกับวันหยุดยาวเทศกาลโอบ้งของญี่ปุ่นพอดี ก็เลยเจอผู้คนที่มาเที่ยวค่อนข้างเยอะมาก เรากับเพื่อนอยากเข้าไปชมด้านในปราสาทซึ่งต้องเข้าคิวรอประมาณ 40 นาที ด้วยความอยากดูก็เลยตัดสินใจรอ แต่ระหว่างต่อคิวรอก็ไม่ได้น่าเบื่อหรือรู้สึกว่ารอนานเกินไปเพราะแถวก็เคลื่อนที่ไปเรื่อยๆ ในที่สุดก็ถึงคิวของพวกเรา
ก่อนเข้าไปในอาคารก็ต้องถอดรองเท้าใส่ถุงหิ้วที่เจ้าหน้าที่เตรียมไว้ให้ด้านหน้าทางเข้า ด้านในปราสาทสร้างจากไม้ทั้งหมด บรรยากาศค่อนข้างเก่าและขลังแต่ก็ดูเป็นโครงสร้างที่แข็งแรงโดยมีทั้งหมด 7 ชั้น เราก็ต้องขึ้นบันใดไปทีละชั้น บางช่วงก็จะเป็นบันไดไม้ที่สูงและชันมาก ต้องจับราวบันไดให้ดีเลยล่ะ
แต่ละชั้นก็มีการจัดแสดงชุดเกราะซามูไร อาวุธสมัยโบราณ ภาพถ่ายกับภาพวาดต่างๆ ที่แสดงถึงความเป็นมาของปราสาท จะมีบางชั้น บางโซนที่ห้ามถ่ายภาพ
อาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆสำหรับนักรบในสมัยโบราณที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน ได้รับการดูแลและเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี
ยิ่งขึ้นไปชั้นสูงๆเท่าไหร่ ก็จะได้ชมวิวจากหน้าต่างทั้ง 4 ทิศของปราสาทที่สามารถมองเห็นตัวเมืองมัตสึโมโตะได้ทั่วทั้งเมือง รวมทั้งบริเวณรอบๆ ปราสาทด้วย เมื่อขึ้นไปถึงชั้น 7 ที่เป็นชั้นสูงสุดแล้วก็ได้เวลากลับลงมาทางเดิม และเมื่อถึงทางออกก็จะมีจุดรับคืนถุงหิ้วที่ใส่รองเท้าพร้อมเจ้าหน้าที่คอยดูแลเพื่อความเป็นระเบียบด้วย
หลังจากนั้นพวกเราก็เดินเล่นรอบๆปราสาทกันต่ออีกเล็กน้อย ก่อนจะออกเดินทางไปยังจุดหมายต่อไป
การเดินทางไปปราสาท Matsumoto
จากสถานี JR Matsumoto เดินไปประมาณ 15 นาที หรือนั่งรถบัส Town Sneaker Northern Course Bus loop line ไปลงที่บริเวณปราสาทใช้เวลาประมาณ 5 นาที
ย่านเมืองเก่านาราอิ-จูกุ (Narai-Juku)
ย่านเมืองเก่านาราอิ-จูกุ ตั้งอยู่ในเมืองชิโอจิริ (Shiojiri) เป็นหนึ่งในหมู่บ้านที่เคยเป็นจุดพักกลางทางของคนที่ใช้เส้นทางสัญจรระหว่างเกียวโตกับโตเกียวในอดีต ซึ่งมีชื่อเรียกเฉพาะว่าเส้นทางสายนากะเซนโดะ (Nakasendo)
แต่ก่อนที่เราจะไปถึงนาราอิ-จูกุ ขณะกำลังเดินทางก็มีสถานที่แห่งหนึ่งที่เพื่อนๆอยากจอดรถแวะชมและถ่ายภาพ นั่นก็คือเขื่อนนากาวะโดะ (Nagawado Dam) เขื่อนขนาดใหญ่ในจังหวัดนากาโนะ
เขื่อนนากาวะโดะ สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ.1969 เพื่อใช้ในการเกษตรกรรมและป้องกันน้ำท่วม แค่แวะถ่ายรูป 10 นาทีตามที่เพื่อนบอกแล้วเราก็ออกเดินทางกันต่อ
เราไปถึงนาราอิ-จูกุ (Narai-juku) ในช่วงที่แดดร่มพอดีแต่อากาศก็ค่อนข้างร้อนอบอ้าว ดูเหมือนว่าที่นี่นักท่องเที่ยวจะไม่ค่อยเยอะมากเหมือนมัตสึโมโตะ พวกเราก็เดินถ่ายรูปได้สบายๆ
ตลอดสองข้างทางริมฝั่งถนนความยาวประมาณ 1 กิโลเมตร ที่เราได้เห็นคืออาคาคารบ้านเรือนที่สร้างขึ้นด้วยสถาปัตยกรรมสมัยเอโดะ ซึ่งได้รับการอนุรักษ์และดูแลเป็นอย่างดีมาจนถึงวันนี้
อาคารบางหลังก็เป็นที่พักอาศัย บางหลังถูกปรับปรุงให้เป็นพิพิธภัณฑ์ ตลอดจนคาเฟ่ ร้านกาแฟ ร้านขายขนมพื้นบ้าน ร้านขายของที่ระลึก และร้านอาหารญี่ปุ่นอย่างเช่นร้านโซบะและอุด้งสูตรเฉพาะของที่นี่ เรียกว่ามีเยอะจนเลือกไม่ถูกกันเลย แล้วก็มีป้ายประกาศที่มีมาตั้งแต่สมัยก่อนด้วย
เราเดินไปจนสุดสายของถนนอีกด้านก็พบกับวัดเล็กๆแห่งหนึ่ง ซึ่งจุดนี้เมื่อมองย้อนไปเส้นทางที่เดินมาก็จะเห็นวิวของหุบเขาคิโสะ (Kiso)ได้อย่างชัดเจน ถ้าใครชอบบรรยากาศแบบเมืองเก่าที่ให้ความรู้สึกเหมือนได้ย้อนยุคกลับไปในสมัยอดีต ขอแนะนำที่นาราอิ-จูกุแห่งนี้ ไว้ในแพลนด้วยเลย
มาถึงตรงนี้แล้ว เรานั่งพักกันครู่หนึ่งก็เดินย้อนกลับไปทางเดิม จบการเดินทางในนากาโนะและมัตสึโมโตะสำหรับวันนี้
การเดินทางไป Narai-Juku
นั่งรถไฟ JR สาย Chuo ไปลง สถานี Narai แล้วเดินต่ออีกประมาณ 3 นาที