ด้วยประวัติศาสตร์สมัยสงครามโลกที้ได้ฝากบทเรียนอันใหญ่หลวงเอาไว้ให้กับคนรุ่นหลังและศาลเจ้ากลางน้ำอันเลื่องชื่อ จึงมีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่ต้องการเดินทางมาเยือนเมืองนี้สักครั้ง และในแง่ของการเดินทางท่องเที่ยวภายในเมือง ฮิโรชิม่าถือเป็นเมืองซึ่งคนที่มี JR Pass หรือ JR West Rail Pass สามารถเดินทางไปยังจุดต่างๆ ได้อย่างสะดวกสบายและครอบคลุมมากที่สุด เนื่องจากสามารถขึ้นลูปบัส (รถบัสที่วิ่งเป็นวงกลมรอบเมือง) ได้โดยไม่จำเป็นต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเลย

ลูปบัส Meipuru~pu ของฮิโรชิม่านั้นมีทั้งหมด 3 สาย คือสายสีส้ม สายสีเขียว และสายสีเหลือง โดยทั้ง 3 สายนี้จะวิ่งผ่านแลนด์มาร์คของเมืองอย่างอาคาร Atomic Bomb Dome และสวนสันติภาพฮิโรชิม่าเหมือนกันทุกสาย (ลงป้าย Atomic Bomb Dome) สายสีส้มยังวิ่งผ่านสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ที่น่าสนใจอย่างปราสาทฮิโรชิม่า (ลงป้าย Hiroshima-Jo) และสวนชุกเคเอน สวนญี่ปุ่นประจำเมืองที่มีความเก่าแก่กว่า 400 ปี (ลงป้าย Shukkeien-Mae)

ซัปโปโรถือเป็นเมืองท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมอย่างมากปัจจุบัน จากความโดดเด่นของทุ่งดอกไม้หลากสีสันในฤดูร้อน รวมถึงหิมะหนาท่วมสุดลูกหูลูกตาในฤดูหนาว และนอกจากการเดินทางอันสะดวกสบายในตัวเมืองด้วยรถไฟใต้ดินสายต่างๆ แล้ว ก็ยังมีรถบัส JR Hokkaido City Bus อีกหลายสายที่สามารถโดยสารได้ฟรีสำหรับผู้ที่ถือ JR Pass และ JR Hokkaido Pass

โดยรถบัส 2 สายที่วิ่งผ่านสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจในซัปโปโร ก็คือรถบัส JR Hokkaido City Bus สาย 22 ที่วิ่งจากสถานี Shin-Sapporo ไปยังหมู่บ้านประวัติศาสตร์ฮอกไกโด (ลงป้าย Kaitaku no Mura) หมู่บ้านที่เต็มไปด้วยอาคารเก่าแก่ที่บอกเล่าเรื่องราวในอดีตของฮอกไกโดได้เป็นอย่างดี และรถบัสสาย 14 ที่วิ่งจากสถานีรถไฟใต้ดิน Maruyama Koen ไปยังโอคุระยาม่า (ลงป้าย Okurayama Kyogijo Iriguchi) สถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นทั้งลานสกีและจุดมุมชมวิวที่สามารถมองเห็นภาพของเมืองซัปโปโรในมุมสูงได้อย่างงดงาม

คานาซาว่าเป็นอีกหนึ่งเมืองที่เดินทางมาได้อย่างสะดวกสบายจากโตเกียวด้วยรถไฟชินคันเซน และภายในเมืองยังมี Loop bus ซึ่งเป็นตัวเลือกหลักในการเที่ยวชมสถานที่ต่างๆ ภายในเมืองได้อย่างง่ายดาย แต่สำหรับใครที่มี JR Pass อยู่แล้ว ในเมืองคานาซาว่านั้นยังมีรถบัสของบริษัท JR Bus ให้บริการอยู่ถึง 6 สายที่สามารถโดยสารได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม

เนื่องจากรถบัสทั้ง 6 สายนี้มีเส้นทางการวิ่งในตัวเมืองเป็นเส้นทางเดียวกันทั้งหมด ก่อนจะแยกย้ายกันไปคนละทิศทางเมื่อออกนอกเมือง จึงสามารถรอรถขึ้นบัสสายต่างๆ บริเวณหน้าสถานีคานาซาว่า เพื่อเดินทางไปยังสถานที่ชื่อดังได้แทบทุกแห่ง ไม่ว่าจะเป็นสวนเคนโรคุ ปราสาทคานาซาว่า (ลงป้าย Kenrokuen-shita Kanazawa-jo) พิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่แห่งศตวรรษที่ 21 (ลงป้าย Hirosaka 21 Seki Bijutsukan) และย่านเมืองเก่าฮิกาชิชายะ (ลงป้าย Hashibacho)

สำหรับใครที่มีแผนเดินทางมาเยือนจ.อาโอโมริ เมืองทางตอนเหนือของภูมิภาคโทโฮคุที่อุดมไปด้วยความสวยงามของธรรมชาติและพืชผลทางการเกษตรแสนอร่อย ถ้าหากพก JR Pass หรือ JR East Pass มาด้วย ก็สามารถโดยสารรถบัส 2 สายหลักของ JR Bus ในเมืองได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเช่นกัน

โดยสายแรกคือเส้นทางรับส่งระหว่างสถานีรถไฟ Aomori และสนามบิน Aomori ซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกสำหรับคนที่มีแผนเดินทางด้วยเครื่องบินได้เป็นอย่างดี และอีกสายหนึ่งก็คือเส้นทางการวิ่งระหว่างสถานีรถไฟ Aomori ไปยังสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงอย่างทะเลสาบโทวาดะ (ลงป้าย Towadako) ทะเลสาบที่มีความสวยงามในทุกฤดู และเป็นหนึ่งในจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่มีชื่อเสียงที่สุดในภูมิภาคโทโฮคุอีกด้วย

คนที่เคยไปเที่ยวหรือเคยหาข้อมูลการเดินทางในเมืองเกียวโต จะพบว่าในเมืองนี้มีเส้นทางรถไฟอยู่เพียงไม่กี่สายทั้งใต้ดินและบนดิน ทำให้การเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังต่างๆ ยังคงต้องพึ่งพารถบัสควบคู่ไปด้วย และนอกจากรถบัสประจำเมืองที่มีให้บริการหลากหลายสายแล้ว ในเกียวโตก็ยังมีรถบัสของบริษัท JR Bus อยู่สายหนึ่งที่ให้บริการตั้งแต่หน้าสถานี Kyoto ที่จุดขึ้นลงรถบัส JR3 โดยจะวิ่งผ่านสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญสองแห่งคือวัดเรียวอันจิ (ลงป้าย Ryoanji-mae) วัดที่มีสวนหินอันขึ้นชื่อ และภูเขาทาคาโอะ (ลงป้าย Yamashiro Takao) ภูเขาที่สามารถชมใบไม้เปลี่ยนสีได้อย่างสวยงามและยังมีวัดเก่าแก่ที่น่าสนใจอีก 3 แห่งอยู่ในบริเวณใกล้เคียง

นอกจากการใช้ JR Pass แล้ว สำหรับคนที่มี JR Kansai Area Pass หรือ JR Kansai Wide Area Pass ก็สามารถโดยสารรถบัสสายนี้ได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเช่นกัน