6 ที่เที่ยวสไตล์ย้อนยุคในญี่ปุ่น
ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ขึ้นชื่อในเรื่องการอนุรักษ์วัฒนธรรมและสถานที่เก่าแก่เอาไว้เป็นอย่างดีจนถึงปัจจุบัน ทำให้ในหลายจังหวัดมีทั้งสถานที่ทางประวัติศาสตร์และย่านเมืองเก่าสวยๆเป็นจุดขาย วันนี้เราจึงรวบรวม 6 ที่เที่ยวสไตล์ย้อนยุคในญี่ปุ่นที่ทำให้คุณรู้สึกราวกับได้ย้อนเวลากลับไปสู่อดีต และยังสามารถถ่ายภาพมุมสวยๆกลับมาอย่างจุใจ
1. ย่านฮิกาชิยาม่า เมืองเกียวโต (Higashiyama, Kyoto)
เมื่อพูดถึงที่เที่ยวสไตล์ย้อนยุคในญี่ปุ่น ชื่อของเมืองเกียวโตก็คงผุดขึ้นมาเป็นอันดับแรก และย่านที่น่าจะเป็นตัวแทนของความเป็นเมืองเก่าอย่างเกียวโตได้ดีที่สุด ก็คงจะเป็นย่านฮิกาชิยาม่า ที่มีแลนด์มาร์คอย่างเจดีย์ยาซากะ (Yasaka Pagoda) เจดีย์ 5 ชั้นที่สูงตระหง่านโดดเด่นที่สุดในย่านนี้ ตลอดสองข้างทางนอกจากจะเต็มไปด้วยอาคารบ้านเรือนสไตล์ญี่ปุ่นโบราณแล้ว ก็ยังมีร้านเช่ากิโมโนหลากหลายร้านให้นักท่องเที่ยวได้ลองสวมใส่ชุดสวยๆและเดินถ่ายรูปได้อย่างเข้ากับบรรยากาศของย่านเมืองเก่าแห่งนี้ แม้กระทั่งร้านกาแฟชื่อดังอย่างสตาร์บัคก็ได้เปิดสาขาในแบบเรือนน้ำชาญี่ปุ่นโบราณจนเป็นข่าวฮือฮาในปีที่แล้ว และหากเดินเล่นในย่านนี้ไปเรื่อยๆ ก็จะไปสิ้นสุดที่วัดน้ำใส หรือวัดคิโยมิซุเดระ (Kiyomizu-dera) วัดชื่อดังของเมืองเกียวโต ซึ่งเป็นที่ๆไม่ว่าใครๆต่างก็ต้องแวะไปเยือนกันสักครั้ง
การเดินทาง : ขึ้นรถบัสสาย 100 หรือ 206 จากหน้าสถานีเกียวโต มาลงที่ป้าย Higashiyama-Yasui หรือ Kiyomizu-michi
2. คาวาโกเอะ เมืองไซตามะ (Kawagoe, Saitama)
สำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางไปในแถบโตเกียวและต้องการสัมผัสบรรยากาศสไตล์ญี่ปุ่นโบราณ จุดที่น่าสนใจและถือว่าได้รับความนิยมมากที่สุดก็คือย่านเมืองเก่าคาวาโกเอะ ในจังหวัดไซตามะ ซึ่งใช้เวลาเดินทางจากโตเกียวด้วยรถไฟเพียงครึ่งชั่วโมงเท่านั้น บรรยากาศของที่นี่จะเต็มไปด้วยกลิ่นอายของญี่ปุ่นในสมัยยุคเอโดะ ซึ่งหากใครนึกภาพไม่ออก ก็ให้ลองนึกถึงหนังย้อนยุคแนวซามูไรของญี่ปุ่น ที่อาคารบ้านเรือนจะถูกสร้างด้วยไม้ มีกระเบื้องหลังคาสวยๆ และพื้นทางเดินที่ปูด้วยหิน โดยแลนด์มาร์คหลักของคาวาโกเอะก็คือหอนาฬิกาที่มีชื่อว่า “โทคิ โนะ คาเนะ” (Toki no kane) ซึ่งเป็นสิ่งก่อสร้างเดียวที่สูงที่สุดภายในบริเวณนั้น และตัวอาคารบ้านเรือนต่างๆยังถูกดัดแปลงให้เป็นทั้งพิพิธภัณฑ์ และร้านขนมอร่อยๆให้แวะชิมระหว่างเดินชมเมือง ซึ่งใช้เวลาประมาณครึ่งวันถึงหนึ่งวันก็ถือว่าเต็มอิ่มแล้ว
การเดินทาง : ขึ้นรถไฟด่วนของสาย Tobu Tojo จากสถานี Ikebukuro ไปลงที่สถานี Kawagoe ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที
หรือสำหรับคนที่มี JR Pass ขึ้นรถไฟสาย JR Saikyo จากสถานี Ikebukuro ไปลงที่สถานี Kawagoe ใช้เวลาเดินทางประมาณ 50 นาที
3. เมืองทาคายาม่า จ.กิฟุ (Takayama, Gifu)
เมืองทาคายาม่าสำหรับนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่นั้นเปรียบเสมือนจุดหมายรองของการแวะต่อรถบัสไปยังหมู่บ้านโบราณชิราคาวาโกะ แต่ที่จริงแล้วเมืองแห่งนี้ก็มีความน่าสนใจและมีบรรยากาศย้อนยุคที่โดดเด่นไม่แพ้เมืองอื่นๆในญี่ปุ่น เนื่องจากในอดีตนั้นเมืองทาคายาม่าเป็นเมืองที่มีช่างไม้ฝีมือเก่งกาจเป็นจำนวนมาก และเชื่อกันว่าช่างไม้ที่นี่ได้ไปร่วมสร้างวัดและพระราชวังต่างๆในเกียวโตเมื่อครั้งเป็นเมืองหลวง ทำให้อาคารบ้านเรือนในเมืองทาคายาม่านั้นถูกสร้างขึ้นอย่างประณีตงดงาม โดดเด่นด้วยการใช้ไม้โทนสีน้ำตาลดำที่ดูขรึมขลัง เขตเมืองเก่าอย่างซันมาชิซุจิ (Sanmachisuji) นั้นยังได้รับการขนานนามว่าเป็น “ลิตเติ้ลเกียวโต” จากเสน่ห์และกลิ่นอายที่น่าประทับใจไม่ต่างจากเมืองเกียวโตเลย
การเดินทาง : ขึ้นรถไฟจากเมืองใหญ่ใกล้เคียงอย่าง Toyama หรือ Nagoya มาลงที่สถานี Takayama
4. ย่านฮิกาชิชายะ เมืองคานาซาว่า (Higashi Chaya, Kanazawa)
ย่านฮิกาชิชายะ ถือเป็นหนึ่งในไม่กี่ย่านในประเทศญี่ปุ่นที่ยังสามารถพบเห็นบรรดาเกอิชาที่ทำงานและใช้ชีวิตอยู่จริงๆ เช่นเดียวกับย่านกิออน (Gion) ในเมืองเกียวโต โดยความเป็นมาของย่านนี้เริ่มมาจากการเป็นย่านโรงน้ำชาขึ้นชื่อในสมัยยุคเอโดะ ซึ่งปัจจุบันก็ยังคงมีโรงน้ำชา 2 แห่งคือโรงน้ำชาชิมะ (Shima Teahouse) และโรงน้ำชาไคคาโระ (Kaikaro Teahouse) ที่ยังเปิดให้บริการอยู่ อาคารบ้านเรือนที่มีอายุกว่า 180 ปีในบริเวณรอบๆ ก็ยังได้รับการอนุรักษ์เอาไว้อย่างดี ซึ่งหากใครต้องการสัมผัสมนต์เสน่ห์ที่แท้จริงของย่านนี้ ขอแนะนำให้เดินทางมาในช่วงพลบค่ำ ในช่วงเวลานี้ร้านรวงต่างๆจะเริ่มจุดโคมไฟที่หน้าร้าน ซึ่งช่วยสร้างบรรยากาศและกลิ่นอายของความเป็นย่านบันเทิงยามค่ำคืนในอดีตได้อย่างสมบูรณ์แบบ
การเดินทาง : ขึ้นรถบัส Loop Bus จากหน้าสถานี Kanazawa มาลงที่ป้าย Hashibacho
5. คุราชิกิ เมืองโอคายาม่า (Kurashiki, Okayama)
นอกจากเมืองโอคายาม่าจะเป็นบ้านเกิดของตำนานพื้นบ้านญี่ปุ่นชื่อดังอย่าง “โมโมทาโร่” แล้ว ก็ยังมีโซนเมืองเก่าคุราชิกิ ที่มีความสวยงามและมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร ซึ่งในอดีตนั้นพื้นที่ตรงนี้ถือเป็นจุดขนส่งสินค้าสำคัญ เนื่องจากมีพื้นที่ตั้งอยู่ติดกับชายฝั่งทะเล และคลองสายใหญ่ที่ไหลผ่านตลอดทั้งย่านนี้ก็ถูกสร้างขึ้นคู่กับถนนเพื่อให้ขนถ่ายสินค้าไปยังเมืองอื่นๆได้อย่างสะดวก ซึ่งในปัจจุบันได้กลายมาเป็นจุดเด่นที่นักท่องเที่ยวสามารถล่องเรือชมความสวยงามของบรรยากาศสองฟากฝั่งที่มีต้นหลิวปลูกเรียงราย สิ่งปลูกสร้างในย่านนี้ยังไม่ได้มีแค่อาคารบ้านเรือนเก่าแก่ แต่ยังมีโกดังขนาดใหญ่หลายแห่งที่ในอดีตถูกใช้เพื่อเก็บสินค้า และในปัจจุบันถูกดัดแปลงมาเป็นทั้งพิพิธภัณฑ์ ร้านขายของที่ระลึก และร้านขนมที่มีบรรยากาศน่านั่ง นอกจากนี้ยังมีสะพานหินโค้งข้ามแม่น้ำที่ถือเป็นมุมถ่ายภาพสุดสวยที่ไม่ควรพลาดเมื่อได้มาเยือน
การเดินทาง : เริ่มจากสถานี Okayama (มีชินคันเซ็น) ขึ้นรถไฟสาย JR Sanyo หรือ JR Hakubi มาลงที่สถานี Kurashiki
6. นาราอิ จ.นากาโน่ (Narai, Nagano)
เมืองนาราอินั้นในอดีตมีความสำคัญในฐานะเมืองจุดพักของนักเดินทาง เนื่องจากตั้งอยู่ตรงกลางถนนเส้นสำคัญที่ลากยาวจากโตเกียวไปยังเกียวโต จึงได้รับการพัฒนาและมีความเจริญรุ่งเรืองอย่างมากในยุคเอโดะ โดยลักษณะของเมืองเก่าแห่งนี้จะเป็นบ้านไม้โบราณที่สร้างขึ้นตลอดสองฝั่งถนนที่ทอดยาวกว่า 1 กิโลเมตร ท่ามกลางหุบเขาที่มีธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ของจังหวัดนากาโน่ นอกจากนี้ยังมีแลนด์มาร์คสำคัญคือสะพานคิโสะโอฮาชิ (Kiso Ohashi) สะพานไม้ความยาว 30 เมตรที่ทอดตัวโค้งข้ามแม่น้ำนาราอิ ซึ่งทั้งหมดนี้สามารถใช้เวลาเดินเที่ยวประมาณครึ่งวันก็สามารถเก็บบรรยากาศอันน่าประทับใจได้อย่างครบถ้วน
การเดินทาง : จากสถานี Matsumoto ขึ้นรถไฟสาย JR Chuo มาลงที่สถานี Narai