All About Japan

ชม 3 งานเทศกาลหิมะสุดยิ่งใหญ่ในญี่ปุ่น

หิมะ Akita Fukushima Yamagata โทโฮคุ
ชม 3 งานเทศกาลหิมะสุดยิ่งใหญ่ในญี่ปุ่น

ฤดูหนาวในญี่ปุ่นถือเป็นช่วงเวลาที่มีการจัดกิจกรรมอย่างหลากหลายไม่แพ้ฤดูกาลอื่นๆ โดยเฉพาะเทศกาลหิมะที่มักได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะชาวเมืองร้อนอย่างไทย เราจะพาไปชมเทศกาลหิมะสุดยิ่งใหญ่ทางภาคเหนือของญี่ปุ่น (โทโฮคุ) 3 เทศกาลที่ไม่อยากให้พลาด จะสวยแค่ไหนไปติดตามกันเลยค่ะ

1. เทศกาลปีศาจหิมะที่ซาโอะ จังหวัดยามากาตะ (Zao Snow Monster Festival)

1. เทศกาลปีศาจหิมะที่ซาโอะ จังหวัดยามากาตะ (Zao Snow Monster Festival)

ปีศาจหิมะ ประติมากรรมธรรมชาติซึ่งเกิดขึ้นจากหิมะที่ตกลงมาปกคลุมต้นสนทั้งต้นจนมิด ทำให้ดูมีรูปร่างคล้ายปีศาจ แม้แต่ในญี่ปุ่นเองก็มีปรากฏการณ์แบบนี้ให้ชมแค่ไม่กี่แห่งเท่านั้น และที่ภูเขาซาโอะในยามากาตะก็เป็นสถานที่ๆมีชื่อเสียงมากที่สุดที่นึงในการชมปีศาจหิมะ โดยความพิเศษของงานเทศกาลปีศาจหิมะซาโอะคือจะมีการจัดงานประดับไฟตอนกลางคืนในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ เรียกว่าเป็นช่วงที่หิมะหนาที่สุด บรรยากาศบนภูเขาและจำนวนปีศาจหิมะก็อยู่ในช่วงพีค

สิ่งหนึ่งที่ไม่ควรพลาดก็คือการชมวิวพระอาทิตย์ตกดินต่อด้วยการชมปีศาจหิมะ การเปิดไฟประดับที่สวยงาม บรรยากาศที่หนาวเหน็บแต่โรแมนติกมากๆ ยิ่งถ้าได้ชมวิวมุมสูงจากบนโรปเวย์ด้วยแล้ว เหมือนได้เห็นฝูงปีศาจหิมะมีชีวิตอยู่ท่ามกลางแสงไฟหลากสี เป็นภาพบรรยากาศเหมือนในฝันเลยก็ว่าได้นะคะ

นอกจากนี้ก็ยังมีกิจกรรมอื่นที่น่าสนใจ เช่น นั่งรถตีนตะขาบลุยหิมะเพื่อชมปีศาจหิมะตอนกลางคืน หรือไปเล่นสกีที่ซาโอะสกีรีสอร์ท ปิดท้ายด้วยการแช่ออนเซ็นกลางหิมะที่ซาโอะออนเซ็น รับรองว่าได้รับความประทับใจแบบที่หาที่อื่นไม่ได้ค่ะ

ช่วงเวลาที่จัดงาน : สามารถชมปีศาจหิมะได้คือตั้งแต่เดือนมกราคม-มีนาคม (ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ) แต่ในส่วนของงานเทศกาลประดับไฟปีศาจหิมะ จะจัดขึ้นราวๆปลายธันวาคมถึงต้นมีนาคม (ไม่ทุกวัน) ตั้งแต่ 17.00-21.00 น.

ค่าใช้จ่าย : ค่าโดยสารโรปเวย์ (ไป-กลับ จากตีนเขาถึงยอดเขาที่ Jizo Sancho) ผู้ใหญ่ 2,600 เยน, เด็ก 1,300 เยน
ถ้าสนใจใช้บริการนั่งรถลุยหิมะเพื่อชมปิศาจหิมะแบบใกล้ชิดในตอนกลางคืน จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม ผู้ใหญ่ 3,800 เยน, เด็ก 3,100 เยน

การเดินทาง : จากสถานีโตเกียว นั่งรถไฟ Yamagata Shinkansen ไปลงที่ สถานี Yamagata (ใช้เวลา 2 ชั่วโมง 30 นาที) จากนั้นต่อรถบัสที่ไป Zao Onsen Bus Terminal ซึ่งเป็นปลายทาง (ใช้เวลา 45 นาที) แล้วเดินต่ออีกเล็กน้อยไปที่สถานีต้นทางโรปเวย์ Zao Sanroku เพื่อขึ้นโรปเวย์ไปลงที่ Juhyo Kogen และจาก Juhyo Kogen ยังสามารถขึ้นโรปเวย์อีกต่อไปที่สถานี Jizo Sancho

ตารางเวลารถบัสจากสถานี Yamagata ถึง Zao Onsen Bus Terminal

2. เทศกาลกระท่อมหิมะคามาคุระ ที่เมืองโยโคเตะ (Yokote Kamakura Festival)

2. เทศกาลกระท่อมหิมะคามาคุระ ที่เมืองโยโคเตะ (Yokote Kamakura Festival)

เทศกาลเก่าแก่ที่จัดต่อเนื่องกันมาทุกปีนานกว่า 450 ปี ในเมืองโยโคเตะ จังหวัดอาคิตะ เป็นงานตามประเพณีตามความเชื่อดั้งเดิมที่จัดขึ้นเพื่อสักการะขอพรจากเทพเจ้าแห่งน้ำเพื่อให้พืชผลอุดมสมบูรณ์และการค้าขายรุ่งเรือง โดยคามาคุระในที่นี้ไม่ใช่ชื่อเมือง (เป็นคนละที่กัน) แต่หมายถึงกระท่อมที่ทำจากหิมะ ชาวเมืองโยโคเตะจะสร้างกระท่อมคามาคุระ และเข้าไปนั่งขอพรจากเทพเจ้าแห่งน้ำของชินโต เพื่อให้ครอบครัวแคล้วคลาดปลอดภัย พร้อมกับดื่มเหล้าสาเกหวานและทานขนมโมจิ
กระท่อมหิมะแบบที่คนเข้าไปได้นั้นจะมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 3.5 เมตร สูง 3 เมตร รูปร่างคล้ายกระท่อมของชาวเอสกิโม กระจายอยู่ทั่วเมืองราวๆ 100 หลัง ภายในมีเทียนให้แสงสว่าง ผู้ที่มาเที่ยวชมงานเข้าไปสัมผัสบรรยากาศข้างในได้จริง แล้วก็ยังมีคามาคุระขนาดจิ๋วสำหรับใส่เทียนประดับไฟ เมื่อเข้าสู่ช่วงเวลาค่ำคืน แสงเทียนในกระท่อมทุกหลังก็จะสว่างไสว แสงสีส้มตัดกับหิมะสีขาวเป็นภาพที่งดงามมาก และการจุดเทียนจัดขึ้นเพียง 2 คืนเท่านั้นในเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี อีกอย่างหนึ่งที่ไม่ควรพลาดคือการเซ่นไหว้ด้วยสาเกญี่ปุ่นกับขนมโมจิภายในกระท่อม ซึ่งนักท่องเที่ยวเองก็สามารถร่วมทานขนมโมจิและจิบสาเกหวานได้ด้วย

เมื่อดื่มสาเกหวานและรับประทานโมจิแล้ว ยังสามารถเดินไปชมวิวที่ประสาทโยโคเตะได้อีกด้วย เพียงเดินเท้าไปราวๆ 10-15 นาที เพื่อชมวิวมุมสูงของเมืองโยโคเตะ อีกทั้งใกล้ๆกันนั้นก็มีการจัดงานเทศกาลอาหารให้ได้เลือกชมและชิมกันด้วยนะคะ

ช่วงเวลาที่จัดงาน : จุดเทียนในวันที่ 15-16 กุมภาพันธ์ของทุกปี (แต่กระท่อมหิมะจะสร้างเสร็จและไปชมได้ตั้งแต่ปลายมกรา)

ค่าใช้จ่าย : ไม่มี

การเดินทาง : จากสถานีโตเกียว เส้นทางที่เร็วที่สุดคือนั่งรถไฟ Akita Shinkansen ไปลงที่สถานี Omagari (ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง) จากนั้นเปลี่ยนสายไปขึ้นรถไฟ JR Ou Main Line ไปลงที่สถานี Yokote (ใช้เวลาประมาณ 20 นาที) แล้วนั่งบัสเฉพาะกิจไปยังที่จัดงานหรือเดินไป

3. เทศกาลหิมะหมู่บ้านโออุจิจูกุ (Ouchijuku Snow Festival)

3. เทศกาลหิมะหมู่บ้านโออุจิจูกุ (Ouchijuku Snow Festival)

ไปสัมผัสบรรยากาศหิมะแบบย้อนยุคเอโดะกันบ้าง ที่หมู่บ้านโออุจิจูกุ หมู่บ้านชาวนาแบบโบราณในฟุคุชิมะที่มีเอกลักษณ์คือการมุงหลังคาด้วยหญ้าหนาๆ ได้ขึ้นทะเบียนเป็นเขตอนุรักษ์โบราณสถานอันทรงคุณค่า และมีเทศกาลเก่าแก่ที่น่าสนใจในฤดูหนาวอย่างเทศกาลหิมะตามความเชื่อแบบดั้งเดิม งานเทศกาลนี้เดิมจัดขึ้นเพื่อจุดโคมไฟหิมะถวายเทพเจ้า เป็นเวลา 2 วัน 2 คืนในเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี

เริ่มตั้งแต่ช่วงเย็นของงานวันแรก ชายฉกรรจ์ในหมู่บ้านจะเปลือยท่อนบนเดินฝ่าความหนาวมารับไฟถวายเทพเจ้าจากแท่นทำพิธี แล้วตระเวนจุดโคมไฟหิมะที่อยู่ในหมู่บ้านทีละดวงเพื่อแสดงถึงความกล้าหาญ รวมทั้งบรรดาชาวบ้านก็จะนำโคมที่ทำขึ้นเองมาประดับไว้หน้าบ้านอีกด้วย ตอนกลางคืนก็จะมีบรรยากาศสวยงาม

ที่สำคัญคืองานนี้ไม่ได้มีเพียงหิมะกับการประดับไฟเท่านั้น แต่ยังมีการจุดพลุปิดท้ายงานอย่างยิ่งใหญ่ตระการตาด้วยค่ะ เรียกว่ามาเที่ยวงานนี้งานเดียวได้สัมผัสทั้งบ้านโบราณ หิมะ งานประดับไฟ และได้ดูพลุอีกด้วย คุ้มค่าและหาชมที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว นอกจากได้สัมผัสวัฒนธรรมกับวิถีชีวิตชาวบ้านอย่างใกล้ชิดเมื่อมาเยือนงานเทศกาล ยังสามารถแวะไปค้างคืนและแช่ออนเซ็นกลางหิมะที่ยุโนะคามิออนเซ็น (Yunokami –Onsen) หรือคินุกาวะออนเซ็น (Kinugawa-Onsen) ที่อยู่ไม่ไกลค่ะ

ช่วงเวลาที่จัดงาน : สัปดาห์ที่สองในเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี

ค่าใช้จ่าย : ไม่มี

การเดินทาง : จากสถานีอาซาคุสะ (ส่วนของบริษัท Tobu) นั่งรถไฟด่วน Limited Express ที่ชื่อว่า Nikko, Kinu, Kegon หรือ Revaty ไปลงที่สถานี Kinugawa Onsen (ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง) จากนั้นเปลี่ยนไปต่อรถไฟท้องถิ่นเพื่อไปลงที่สถานี Yunokami –Onsen แล้วนั่งแท็กซี่ต่อไปยังหมู่บ้านอีกเล็กน้อย

know-before-you-go