10 ที่เที่ยวไม่ควรพลาดเมื่อไปเยือนคุมาโมโตะ
1. ภูเขาไฟอะโสะ (Mt. Aso)
เป็นส่วนหนึ่งของแนวภูเขาไฟที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง และเป็นภูเขาไฟที่ยังไม่ดับ รอบๆพื้นที่มีเมืองชนบทเล็กๆและนาข้าว รวมทั้งจุดชมวิวยอดนิยมนั่นคือปากปล่องภูเขาไฟนาคาดาเกะ (Nakadake) ที่ยังคงคุกรุ่นอยู่ตลอดเวลา สามารถเขาถึงได้ง่ายด้วยโรปเวย์หรือทางถนน ซึ่งสองข้างทางจะได้พบกับวิวเทือกเขาสลับทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ให้ความรู้สึกผ่อนคลายและเพลิดเพลิน เหมาะกับการเดินทางมาท่องเที่ยวในทุกฤดูกาล
เวลาทำการ : ตลอดทั้งวัน
ค่าเข้าชม : ค่าบริการโรปเวย์ราคาไปกลับ 1,200 เยน
การเดินทาง : นั่งรถไฟ JR สาย Hohi Main Line ไปลงที่สถานี Aso แล้วต่อรถบัส Sanko Bus Aso Volcano Line ไปลงที่ป้าย Mt. Aso West Station ใช้เวลา 35 นาที หากจะขึ้นโรปเวย์ ให้ต่อรถบัสจากสถานี Aso ไปลงที่สถานี Asosan Nishi (Mt. Aso) แล้วนั่งโรปเวย์ขึ้นไปบนจุดชมวิวปากปล่องภูเขาไฟ Nakadake ก็ได้เช่นกัน
2. ทุ่งหญ้าคุซาเซ็นริ (Kusasenri Ga Hama Grassland)
อยู่ไม่ไกลจากปากปล่องภูเขาไฟนาคาดาเกะ บริเวณทั่วทั้งพื้นที่นอกจากเป็นทุ่งหญ้าเขียวชอุ่มที่กว้างใหญ่แล้วยังมีทะเลสาบ 2 แห่ง ธรรมชาติที่สวยงามจะแตกต่างกันไปในแต่ละฤดูกาล เช่น ฤดูร้อนก็จะได้พบกับทุ่งหญ้าสีเขียวขจี อาจมีฝูงม้าและวัวที่มาเดินเล็มหญ้าอยู่ด้วย ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถใช้บริการขี่ม้าโดยมีเจ้าหน้าที่คอยจูงพาเดินได้ด้วย สำหรับผู้ที่สนใจ
เวลาทำการ : ตลอดทั้งวัน
ค่าเข้าชม : ฟรี
การเดินทาง : นั่งรถไฟ JR สาย Hohi Main Line ไปลงที่สถานี Aso แล้วต่อรถบัส Sanko Bus Aso Volcano Line ไปลงที่ป้าย Kusasenri Aso Kazan Hakubutsukan-mae ใช้เวลาประมาณ 30 นาที
3. คุโรคาวะ ออนเซ็น (Kurokawa Onsen)
เป็นแหล่งน้ำพุร้อนเก่าแก่อายุกว่า 300 ปีที่มีเสน่ห์อยู่ตรงบรรยากาศท่ามกลางธรรมชาติอันเงียบสงบแบบญี่ปุ่นแท้ๆ อีกทั้งยังมีออนเซ็นถึง 6 ประเภทรวมกันอยู่ในเมืองนี้ ในส่วนของบริการก็จะมีบ่อน้ำพุร้อนแบบสาธารณะให้เลือกใช้หลากหลายรูปแบบซึ่งหากเลือกพักค้างคืนตามโรงแรมหรือเรียวกังพอถึงช่วงกลางคืนก็ผู้คนส่วนใหญ่ก็จะสวมชุดยูกาตะออกมาเดินเล่นหรือแวะชิมอาหาร ดื่มเครื่องดื่มแบบท้องถิ่นกันด้วย
เวลาทำการ : ขึ้นอยู่กับเรียวกังและโรงแรมแต่ละแห่ง
ค่าใช้จ่าย : ขึ้นอยู่กับการใช้บริการแต่ละแห่ง
การเดินทาง : สามารถตรวจสอบได้ที่นี่
4. ปราสาทคุมาโมโตะ (Kumamoto Castle)
ปราสาทเก่าแก่ที่มีโครงสร้างทางสถาปัตยกรรมที่สวยงามมากที่สุดแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น ถึงแม้จะได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวเมื่อปี 2016 แต่ปัจจุบันก็ยังสามารถไปเที่ยวชมรอบๆบริเวณปราสาทได้ ซึ่งมีพื้นที่กว้างขวาง ร่มรื่น มีทางเดินไปถึงสถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียงอย่างสะดวกสบาย และที่สำคัญคือมีต้นซากุระราวๆ 800 ต้น เมื่อถึงฤดูใบไม้ผลิที่นี่จึงเป็นจุดชมดอกซากุระที่ได้รับความนิยมมากอีกแห่งในญี่ปุ่น
เวลาทำการ : 08.30-18.00 น. ช่วงเดือนพฤศจิกายน-มีนาคม ปิด 17.00 น. และปิดทำการในช่วงวันหยุดปีใหม่ 29-31 ธันวาคม
ค่าเข้าชม : ภายในสวนฟรี แต่มีค่าเข้าตัวปราสาท ผู้ใหญ่ 500 เยน, เด็ก 200 เยน (ตัวปราสาทคาดว่าจะซ่อมแซมจนกว่าจะถึงปี 2021)
การเดินทาง : จากสถานีรถไฟ JR Kumamoto ขึ้นรถราง Kumamoto City Tram ได้ทั้งสาย A หรือ B ไปลงที่ป้าย Kumamoto Castle / City Hall แล้วเดินต่อเล็กน้อย
5. ย่านการค้าโจไซเอ็น (Sakura No Baba Josaien)
เป็นพื้นที่ร้านขายของในสไตล์ย้อนยุคมารวมกันอยู่ในย่านนี้ มีการตกแต่งบรรยากาศให้คล้ายกับเมืองเก่าในสมัยก่อนของญี่ปุ่น ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขาทางขึ้นปราสาทคุมะโมโตะ ส่วนใหญ่เป็นร้านจำหน่ายของที่ระลึก ของฝาก ขนมขึ้นชื่อ ซึ่งถูกจัดโซนอย่างเป็นระเบียบอีกทั้งยังเต็มไปด้วยร้านอาหารพื้นเมืองของจังหวัดคุมาโมโตะตั้งอยู่เรียงรายให้เลือกเข้าไปแวะชิมกัน
เวลาทำการ : 09.00-19.00 น. (ร้านอาหารส่วนใหญ่เปิดเวลา 11.00 น.)
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 300 เยน , เด็กนักเรียนมัธยมต้นและเด็กประถม 100 เยน
การเดินทาง : จากสถานีรถไฟ JR Kumamoto ขึ้นรถราง Kumamoto City Tram ได้ทั้งสาย A หรือ B ไปลงที่ป้าย Kumamoto Castle / City Hall แล้วเดินต่อเล็กน้อย (เหมือนกับวิธีไปปราสาทคุมาโมโตะ)