ชมความงามแสนลึกลับของถ้ำสวย 10 แห่งในญี่ปุ่น
6. ถ้ำอะคิโยชิโดะ เมืองมิเนะ จังหวัดยามะงุจิ
ถ้ำแห่งนี้ตั้งอยู่ในอุทยานอะคิโยชิได เป็นถ้ำหินปูนที่เกิดจากการทำปฏิกิริยากันระหว่างน้ำฝนที่ตกลงมาแทรกซึมอยู่ในรอยแยกของหินปูน มีความยาวรวมทั้งหมดเกือบ 9 กิโลเมตรแต่เปิดให้เข้าชมเพียง 1 กิโลเมตรแรกเท่านั้น
ด้วยความสวยงามของหินงอกหินย้อยในถ้ำ ทำให้มีจุดเที่ยวชมที่มีชื่อต่างๆตามจินตนาการของมนุษย์ และมีจุดที่ต้องไปพิสูจน์ให้ได้ว่าเหมือนจริงตามชื่อหรือเปล่า เช่น “Hyakumaisara” (จานร้อยใบ) เป็นธารหินย้อยวางลดหลั่นซ้อนกันเหมือนจาน 100 ใบเรียงอยู่ ขอแอบบอกว่าเหมือนมากอยู่ และสำหรับสายลุย ที่นี่เขาก็มีเส้นทางพิเศษให้คนรักผจญภัยเช่นเดียวกัน โดยเพิ่มเงินเพียง 300 เยนก็จะได้พบกับมุมมองในถ้ำที่สูงมากขึ้นในสุดทางเดิน สวยงามแปลกตาประทับใจมากทีเดียว และไม่ว่าจะมาที่นี่ฤดูไหนอุณหภูมิก็จะอยู่ที่ประมาณ 17 องศาตลอดปี เย็นสบายสุดๆ ถ้าขี้หนาวก็เตรียมการแต่งกายมาให้ดีๆล่ะ
ค่าเข้าชม : 1,200 เยนสำหรับผู้ใหญ่หรือนักเรียนมัธยมปลายขึ้นไป (700 เยนสำหรับคนที่มีพาสพอร์ตนักท่องเที่ยวต่างชาติ) / 950 เยนสำหรับนักเรียนมัธยมต้น / 600 เยนสำหรับนักเรียนประถม
เวลาทำการ : ทุกวัน 8.30 – 17.30 น. (8.30 – 16.30 น. ระหว่างเดือน ธ.ค.- ก.พ.)
การเดินทาง : ขึ้นรถประจำทางที่ป้ายรถสาย 2 ที่สถานีรถไฟ Shin–Yamaguchi มาลงที่ถ้ำอะคิโยชิโดะ ใช้เวลาประมาณ 45 นาที
7. ถ้ำซันดัมเบะกิ เมืองชิราฮามะ จังหวัดวะคะยามะ
เมื่อพันกว่าปีที่แล้วในยุคเฮอัน ถ้ำแห่งนี้เคยเป็นที่ซ่อนเรือของโจรสลัดคุมะโนะ นักรบผู้กล้าหาญในตำนานท้องถิ่นระหว่างที่ทำการรบในสงครามเก็มเบอิ ซึ่งเป็นสงครามกลางเมืองในช่วงราชวงศ์เก็นจิ และนำชัยชนะมาได้ เพราะฉะนั้นเมื่อลงลิฟท์ไปยังตัวถ้ำจะเห็นว่าภายในตัวถ้ำนั้นได้มีการแบ่งเป็นห้องๆ มีทางเดินชมได้รอบๆ เพื่อจำลองที่อยู่ของเหล่าโจรสลัดในอดีต พร้อมมีชุดนักรบและอาวุธจัดแสดงอยู่
นอกจากนี้จะเห็นโพรงถ้ำขนาดใหญ่ที่เป็นทางเข้าออกไปสู่ทะเลอีกด้วย ซึ่งเป็นทางเข้าของกองเรือโจรสลัดเมื่อครั้งอดีต และภายในถ้ำยังมีศาลเจ้าที่มีรูปปั้นของเทพเจ้าน้ำ “มุโระได เบนเซเท็น” พร้อมเหล่าบริวารประดิษฐานไว้ภายในให้เหล่านักท่องเที่ยวได้สักการะอีกด้วย
ค่าเข้าชม : 1,300 เยนสำหรับผู้ใหญ่ / 650 เยนสำหรับเด็ก
เวลาทำการ : 8.00 – 17.00 น. (เวลาสุดท้ายที่เปิดให้เข้าชมคือ 16.50 น.)
หากวันไหนอากาศค่อนข้างแย่จะมีการปิดถ้ำ สามารถโทรสอบถามที่เบอร์โทรศัพท์ 0739-42-4495
การเดินทาง : ขึ้นรถประจำทางสู่ Sandanbeki จากสถานีรถไฟ JR Shirahama ไปลงที่ป้าย Sandanbeki โดยจะใช้เวลาประมาณ 30 นาที
8. ถ้ำอะบุคุมะ เมืองทะมามุระ จังหวัดฟุกุชิมะ
ถ้ำแห่งนี้ได้รับการค้นพบจากนักสำรวจเมื่อปี ค.ศ.1969 แต่ค่อนข้างได้รับความสนใจเป็นอย่างสูงในระยะหลัง เนื่องจากที่นี่มีหินงอกหินย้อยปริมาณมากที่สุดในเอเชีย และที่สำคัญยังมีหินงอกหินย้อยภายในถ้ำที่สูงถึง 2 เมตรอีกด้วย เรียกได้ว่าสูงสุดในทวีปเอเชียของเราเลยทีเดียว
ความสวยงามต่างๆของหินงอกหินย้อยภายในถ้ำแห่งนี้เกิดจากการทับถมกันของเหล่าซากพืชซากสัตว์ที่อยู่ใต้ท้องทะเลรวมกับสารแคลเซียมคาร์บอเนตจากเปลือกหอยและปะการังที่สั่งสมกันเป็นเวลานานกว่า 80 ล้านปี ความยาวทั้งหมดภายในตัวถ้ำจะอยู่ที่ 3,300 เมตร แต่มีการเปิดสำหรับการท่องเที่ยวอยู่ที่ประมาณ 600 เมตรเท่านั้น
สำหรับขาลุยที่รักการสำรวจ ก็มีเส้นทางสายสำรวจเปิดให้อีกเส้นทางหนึ่งระยะทางประมาณ 120 เมตรซึ่งยาวขนานไปกับเส้นทางหลัก ทางเดินเส้นนี้จะค่อนข้างแคบและเดินลำบากมากกว่าเส้นทางหลัก
อุณหภูมิภายในถ้ำอะบุคุมะแห่งนี้จะอยู่ที่ประมาณ 10 องศา ภายในจะมีการประดับประดาไฟสวยงามอย่างยิ่งโดยเฉพาะในห้องโถงหลัก “ทาคิเนะ โกะเท็น” จะอลังการมากกว่าจุดอื่นๆ
ค่าเข้าชม : 1,200 เยนสำหรับผู้ใหญ่ / 800 เยนสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา / 600 เยนสำหรับนักเรียนประถมศึกษา (หากจะเข้าชมในเส้นทางสำรวจ 120 เมตรต้องจ่ายเพิ่มอีก 200 เยน)
เวลาทำการ : ทุกวัน 8.30 – 17.00 น. (8.30 – 16.30 น. ระหว่างเดือน ธ.ค.- ก.พ.) เข้าชมก่อนเวลาปิด 40 นาที
การเดินทาง : ให้ขึ้นรถแท็กซี่จากสถานีรถไฟ Kanmata สาย Ban-etsu East Line โดยจะใช้เวลาประมาณ 10 นาที
9. ถ้ำริวกุคุสึ เมืองชิโมดะ จังหวัดชิซุโอกะ
ถ้ำแบบเปิดที่บางส่วนไม่มีหลังคา ที่แห่งนี้นับได้ว่าเป็น Power Spot แหล่งพลังด้านความรักชื่อดังอีกแห่งในประเทศญี่ปุ่น ที่จะทำให้ผู้ที่มาเยี่ยมชมได้รับพลังแห่งความรักจากธรรมชาติที่สวยงามและแสนสงบภายในถ้ำนี้
เนื่องจากถ้ำแห่งนี้ไม่มีหลังคาปิดอยู่เหมือนถ้ำส่วนใหญ่ หากเรามองจากถ้ำขึ้นบนฟ้า หรือมองจากมุมสูงลงมา เราจะเห็นถ้ำนี้เป็น “รูปหัวใจ” ช่างสวยงามน่าประทับใจมากๆ และเมื่อได้เข้ามาในถ้ำก็จะยิ่งเพิ่มความประทับใจมากยิ่งขึ้น เนื่องจากจะได้พบกับน้ำทะเลสีมรกตที่แสนใสสะอาด พร้อมกับเสียงคลื่นกระทบฝั่งที่สร้างความสงบสู่จิตใจ บรรยากาศช่างดึงดูดให้ไม่อยากออกจากถ้ำเป็นอย่างยิ่ง และหากลองเงยหน้าบนท้องฟ้าก็จะเห็นสีฟ้าครามของท้องฟ้าได้ชัดเจน
ค่าเข้าชม : ไม่มีค่าใช้จ่าย
การเดินทาง : จากสถานีรถไฟ Izukyu-Shimoda ขึ้นรถประจำทางสายที่มุ่งหน้าไปยัง Toji ไปลงที่ป้าย Mae no Hama โดยจะใช้เวลาประมาณ 18 นาที
10. ถ้ำน้ำแข็งนารุซาวะ จังหวัดยามะนะชิ
ที่นี่ตั้งอยู่ใกล้ภูเขาไฟฟูจิในเขตป่าอาโอกิงาฮาระ เป็นถ้ำน้ำแข็งเกิดจากการปะทุของลาวาจากภูเขาไฟฟูจิเมื่อ 1,500 ปีก่อนจนก่อตัวขึ้นมาเป็นถ้ำสวยงาม โดยถ้ำที่นี่มีทรงเป็นกระโจม ภายในมีเสาน้ำแข็งที่เกิดจากน้ำที่หยดลงมาจากเพดานถ้ำกระทบกับความเย็นจนก่อตัวเป็นน้ำแข็งมากมายเรียงรายอยู่ภายใน โดยกระบวนการก่อตัวนี้จะเริ่มต้นในฤดูหนาว และสะสมกันจนสูงมากที่สุดในช่วงเดือนเมษายน เป็นเวลาที่เหมาะกับการเยี่ยมชม
ในบางครั้งเสาน้ำแข็งขนาดใหญ่ได้ถึงกว่า 3 เมตรเลยทีเดียว เสาน้ำแข็งในถ้ำเหล่านี้จะมีอยู่ตลอดปี ทำให้มีอุณหภูมิเฉลี่ยภายในถ้ำนี้อยู่ที่ประมาณ 3 องศา อีกทั้งยังมีการประดับประดาไฟเพิ่มความสวยงามอีกด้วย เรียกได้ว่าบรรยากาศโรแมนติกมาก ถ้ามากันเป็นคู่คงจะฟินน่าดู
ด้วยความเย็นจัดของถ้ำแห่งนี้ ในอดีตที่นี่เคยถูกใช้แทนตู้เย็น ถ้ำน้ำแข็งนารุซาวะแห่งนี้ยาวประมาณ 150 เมตร มีทางเดินคดเคี้ยวเหมือนวงแหวน ยิ่งเดินเข้าไปลึกมากเท่าไรจะพบว่าทางเดินจะแคบและมืดลงเรื่อยๆ มีจุดที่เพดานค่อนข้างต่ำเป็นอย่างมากจึงจำเป็นต้องย่อตัวเพื่อลอดผ่านด้วย และพื้นก็ค่อนข้างลื่นเพราะน้ำที่หยดลงมาจากเพดานถ้ำ เพราะฉะนั้นควรเดินอย่างระมัดระวัง
ค่าเข้าชม : 350 เยนสำหรับผู้ใหญ่ / 200 เยนสำหรับเด็ก
เวลาทำการ : ขึ้นอยู่กับฤดูกาลและสภาพภายในถ้ำ แนะนำให้โทรสอบถามก่อนตามเบอร์โทรศัพท์นี้ 0555-85-2301
การเดินทาง : ขึ้นรถประจำทางจากสถานีรถไฟของทะเลสาบคาวากุจิโกะ ไปลงที่ป้าย Wind Cave หรือ Ice Cave