ชมความงามแสนลึกลับของถ้ำสวย 10 แห่งในญี่ปุ่น
1. ถ้ำเกียวคุเซ็นโดะ เมืองนันโจะ จังหวัดโอกินาว่า
ถ้ำหินงอกหินย้อยนี้เป็นส่วนหนึ่งของธีมปาร์ค “โอกินาว่าเวิลด์” ความสวยงามของหินงอกและหินย้อยในถ้ำนี้ก่อตัวขึ้นเองตามธรรมชาติยาวนานมากว่า 300,000 ปี และเป็นถ้ำที่มีความยาวถึง 5 กิโลเมตร (แต่สำหรับในการท่องเที่ยวจะเปิดให้เข้าชมเพียง 890 เมตรเท่านั้น เพื่อความปลอดภัย)
สำหรับการเดินชมก็สะดวกสบายมาก เนื่องจากมีทางเดินเป็นสะพานเหล็กอย่างดี รับรองว่าปลอดภัยอย่างแน่นอน ภายในตัวถ้ำก็ยังได้มีการจัดไฟสวยงามไว้ตลอดทาง เดินชมกันได้เพลินทีเดียว เมื่อเดินลึกเข้าไปในตัวถ้ำเรื่อยๆ จะยิ่งได้พบกับความสวยงามมากขึ้น โดยเฉพาะธารน้ำสีฟ้าใสราวกับคริสตัลที่อยู่ท่ามกลางเหล่าหินงอกหินย้อย ที่สวยงามสะกดสายตา ความใสของน้ำใสจนขนาดมองเห็นเหล่าปลาแหวกว่ายกันได้อย่างชัดเจนทีเดียว
อากาศภายในถ้ำก็จะเย็นตลอดทั้งปี เนื่องจากธารน้ำไหลผ่านซอกหินอยู่ตลอดเวลา คุณจะได้ยินเสียงน้ำไหลตลอดเวลาที่เดินอยู่ในถ้ำนี้ด้วยนะ เพลินมากๆ และหากถ้าเดินเหนื่อยแล้ว ภายในถ้ำยังมีคาเฟ่ให้นั่งพัก ได้ดื่มกินของอร่อยท่ามกลางบรรยากาศถ้ำอันสวยงามลึกลับแห่งนี้อีกด้วย ขากลับถ้าเมื่อยล่ะก็ เขาก็มีบันไดเลื่อนไว้ให้บริการอีกด้วย ไม่ต้องเหนื่อยเดินเหมือนตอนขามา
และสำหรับขาผจญภัยตัวจริง แนะนำให้มาในช่วงหน้าร้อน ช่วงเดือนสิงหาคม–กันยายน เพราะทางโอกินาว่าเวิลด์จะมีการจัดทริปผจญภัยในพื้นที่ที่ปกติห้ามเข้า พร้อมมีไกด์คอยดูแลนำทางตลอดเวลา และยังมีอุปกรณ์เพื่อป้องกันความปลอดภัยให้กับผู้เข้าร่วมทริปอย่างครบมืออีกด้วย แต่ทริปนี้อาจจะสะดวกสำหรับคนที่ได้ภาษาญี่ปุ่นมากกว่า เนื่องจากไกด์จะใช้เพียงภาษาญี่ปุ่นในการสื่อสารเพียงเท่านั้น ลองเข้าไปดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://www.gyokusendo.co.jp/okinawaworld/okinawacave/en/ ได้เลย
ค่าเข้าชม : 1,240 เยนสำหรับผู้ใหญ่ / 620 เยนสำหรับเด็ก (ราคานี้สำหรับเข้าชมในส่วนถ้ำเกียวคุเซ็นโดะและหมู่บ้านริวคิวที่อยู่ในโอกินาว่าเวิลด์เท่านั้น แต่ถ้าหากใครตั้งใจจะเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวทุกส่วนที่อยู่ในโอกินาว่าเวิลด์ แนะนำให้ซื้อเป็นบัตรราคา 1,650 เยนสำหรับผู้ใหญ่หนึ่งคน / เด็กคนละ 830 เยน จะคุ้มค่ามากกว่า)
เวลาทำการ : ทุกวัน 9.00 – 18.00 น. (เวลาสุดท้ายที่เปิดให้เข้าชมคือ 17.00 น.)
การเดินทาง : นั่งรถประจำทางสาย 51, 54, 81, 82 และ 83 จากสนามบิน Naha มาลงที่ด้านหน้าของโอกินาว่าเวิลด์ได้เลย
2. ถ้ำอิชิกาคิ จังหวัดโอกินาว่า
เป็นหนึ่งในถ้ำที่รองรับนักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดีและน่าจะเดินง่ายที่สุด ความสวยงามของหินงอกหินย้อยในถ้ำแห่งนี้ก่อตัวขึ้นเองตามธรรมชาติตั้งแต่เมื่อ 200,000 ปีก่อน นับตั้งแต่พื้นที่แห่งนี้ยังอยู่ใต้ทะเล ในปัจจุบันถ้ำแห่งนี้ก็ยังคงเหมือนกับมีชีวิตอยู่ หินสวยงามต่างๆยังคงเจริญเติบโตอยู่เรื่อยๆ และถือได้ว่าเติบโตเร็วที่สุดเมื่อเทียบกับหินในถ้ำแห่งอื่นๆของญี่ปุ่น คือใช้เวลาเพียง 3 ปีเท่านั้นก็งอกยาวขึ้นมาได้ 1 มิลลิเมตรแล้ว (ซึ่งโดยปกติจะใช้เวลาประมาณ 10 – 30 ปีต่อการยาว 1 มิลลิเมตร)
เมื่อเดินเข้าไปในถ้ำจะสัมผัสได้ถึงความสงบร่มเย็นภายในตลอดระยะทางที่เปิดให้เข้าชม 660 เมตร (ระยะทางยาวทั้งหมดของถ้ำคือ 3,200 เมตร) ซึ่งก็จะรู้สึกปลอดภัยตลอดการเดินทาง เนื่องจากมีราวกั้นสำหรับให้นักท่องเที่ยวเดินเยี่ยมชมอยู่ด้วย จะใช้เวลาการเดินตั้งแต่ต้นถ้ำมายันท้ายถ้ำประมาณ 30 นาทีได้ นอกจากนี้ภายในถ้ำยังมีการจัดไฟประดับ เพิ่มความพิศวงชวนตื่นเต้นให้กับผู้มาเยือน โดยเฉพาะตรงจุดที่เป็น “ทะเลสาบอายุยืน” ที่มีการเพิ่มความลึกลับโดยการประดับไฟสีเขียวเข้าไป ยิ่งทำให้พื้นที่แห่งนั้นดูมีเวทมนตร์น่าค้นหา และเมื่อเดินถัดเข้าไปอีกเล็กน้อยจะพบกับหินที่มีลักษณะคล้ายกับแท่งน้ำแข็งที่หักลงแต่ไม่ตกลงมาข้างล่าง มีลักษณะค้างตั้งอยู่ในรูปหักๆแบบนั้น ด้วยเหตุนี้ จึงมีเหล่านักเรียนญี่ปุ่นที่ต้องสอบมาขอพรที่หินก้อนนี้กันมาก เพราะเชื่อว่าจะโชคดี ทำให้สอบผ่านฉลุย (ไม่ตก) นั่นเอง
และที่ห้ามพลาดเด็ดขาด เป็นจุดเล็กๆน่ารักที่แฝงไปด้วยจินตนาการอย่างมากมายนั่นคือ “หินโตโตโร่” เป็นหินที่มีลักษณะการงอกเหมือนตัวการ์ตูนโตโตโร่ของสตูดิโอจิบลิ และถ้าหากเดินๆแล้วหิวข้าวขึ้นมาก็ไม่ต้องไปไหนไกล ที่ถ้ำมีร้านอาหารไว้ให้บริการภายในด้วย ให้ได้ลิ้มรสความอร่อยของอาหารพร้อมดื่มด่ำเสน่ห์แสนลึกลับของตัวถ้ำไปได้ในคราวเดียวกัน
ค่าเข้าชม : 1,080 เยนสำหรับผู้ใหญ่ / 540 เยนสำหรับเด็ก
เวลาทำการ : ทุกวัน 9.00 – 18.00 น. (เวลาสุดท้ายที่เปิดให้เข้าชมคือ 17.00 น.)
การเดินทาง : ขับรถยนต์ใช้เวลา 30 นาทีจาก New Ishigaki Airport หรือ 10 นาทีจากท่าเรือ Rito Terminal โดยใช้เส้นทาง Yoshiwara-West Cord Line
3. ถ้ำนิปปาระ เมืองโอคุทะมะ โตเกียว
ถ้ำหินปูนแห่งนี้เกิดจากการกัดกร่อนของถ่านหินตั้งแต่ในยุดพาลีโอโซอิกตั้งแต่เมื่อ 230 – 600 ล้านปีก่อน มีระยะทางยาวทั้งหมด 800 เมตร ใช้เวลาเดินหนึ่งรอบประมาณ 40 นาทีและได้เป็นที่ยอมรับกันว่าเป็นถ้ำที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในแถบคันโต
เมื่อเดินเข้าไปจะพบกับหินงอกหินย้อยขนาดใหญ่สวยงามตระการตาอยู่ภายใน ประดับประดาด้วยไฟสีสันต่างๆที่ช่วยขับให้ถ้ำดูน่าสวยงามมากยิ่งขึ้น และมีขั้นบันไดนำทางไปสู่รูปปั้นพระโพธิสัตว์สีขาวที่ประดิษฐานอยู่ภายในถ้ำด้วย ระหว่างที่เดินในถ้ำก็แสนชิลล์ เนื่องจากเขามีการเปิดเพลงขับกล่อมให้รู้สึกผ่อนคลายเดินเพลินกันได้ตลอดทาง และด้วยความสวยงามและเก่าแก่ของถ้ำนิปปาระนี้เอง จึงได้รับการกำหนดให้เป็น “อนุสรณ์ทางธรรมชาติของโตเกียว”
อุณหภูมิภายในของที่นี่จะเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 11 องศาเซลเซียส จึงทำให้มีอากาศเย็นในช่วงหน้าร้อนและอบอุ่นในช่วงหน้าหนาว นับว่าเป็นแหล่งเที่ยวที่ใช้หลบทั้งลมร้อนและลมหนาวได้อย่างดี
ค่าเข้าชม : 700 เยนสำหรับผู้ใหญ่ (อายุ 16 ปีขึ้นไป) / 500 เยนสำหรับนักเรียนมัธยมต้น (อายุ 13 – 15 ปี) / 400 เยนสำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษา (อายุ 12 ปีหรือต่ำกว่า)
เวลาทำการ : ทุกวัน 8.00 – 17.00 น. ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. – 30 พ.ย. / 8.30 – 16.30 น. ตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค. – 31 มี.ค. (ถ้ำปิดวันที่ 30 ธ.ค. – 3 ม.ค. )
การเดินทาง : ให้ขึ้นรถประจำทางสาย Nishitokyo จากสถานีรถไฟ JR Okutama ในวันธรรมดาให้มาลงที่ป้าย Nippara Shonyudo แล้วเดินต่อประมาณ 5 นาที หากเป็นวันหยุดให้มาลงที่ป้าย Higashi Nippara แล้วเดินต่อประมาณ 25 นาที
4. ถ้ำริวเซ็นโดะ เมืองอิวาอิซุมิ จังหวัดอิวาเตะ
ถ้ำหินปูนแห่งนี้ยาวถึงเกือบ 5 กิโลเมตร และเพิ่งสำรวจไปประมาณ 3.5 กิโลเมตรเท่านั้น ที่นี่เป็นถ้ำหินปูนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดติดอันดับ 1 ใน 3 ของญี่ปุ่น และได้ตั้งครอบทะเลสาบถึง 4 แห่งด้วยกัน
ปัจจุบันเปิดให้เข้าชมได้เพียง 700 เมตรเท่านั้น ตลอดระยะทางคุณจะได้พบกับหินในถ้ำสวยงามที่มีรูปร่างคล้ายน้ำตกที่เกิดจากการที่หินปูนทั้งหลายถูกละลายด้วยน้ำจนเกิดเป็นชั้นๆและก่อเป็นรูปร่างขึ้นมา ในส่วนของทะเลสาบใต้ดินของที่นี่ก็มีความสะอาดใสเป็นอย่างมาก มีการประดับไฟใต้น้ำทำให้สะท้อนแสงสีน้ำเงินสวยงามออกมา เรียกกันว่า “ดราก้อนบลู” ซึ่งมีไม่กี่แห่งบนโลกที่จะได้เห็น ทำเอานักท่องเที่ยวที่มาหลงใหลกันเป็นอย่างมาก
ทะเลสาบภายในถ้ำนี้เกิดจากน้ำพุทางธรรมชาติไหลมารวมตัวกันจนเกิดเป็นทะเลสาบถึง 4 แห่ง แต่ละบ่อมีความลึก 35, 38, 98 และทัเลสาบ 120 เมตรที่ได้รับการบันทึกให้เป็นทะเลสาบใต้ดินที่ลึกสุดในญี่ปุ่น แต่เป็นที่น่าเสียดายที่ตรงส่วนทะเลสาบแห่งสุดท้ายนี้ยังไม่ได้รับการเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชม
ถัดมาหน่อยจากจุดชมทะเลสาบจะมีบันไดไปสู่ห้องที่อยู่ใต้พื้นดิน ที่นี่มีค้างคาวประมาณ 5 สายพันธุ์อาศัยอยู่ พวกมันจะเกาะและห้อยลงมาจากเพดานถ้ำมากมายละลานตา และจุดที่ต้องไปเยือนให้ได้ภายถ้ำแห่งนี้คือ “โชเมโนะอิซุมิ” ซึ่งเป็นน้ำแร่ที่เชื่อกันว่าหากใครได้ลองจิบแล้วจะมีอายุยืนยาวเพิ่มขึ้นไปอีก 3 ปี ด้วยความสวยงามที่มีมากมายของถ้ำริวเซ็นโดะแห่งนี้จึงได้รับการขึ้นทะเบียนเป็น “อนุสรณ์ทางธรรมชาติ” ของญี่ปุ่นอีกแห่งหนึ่ง และถึงแม้ในถ้ำแห่งนี้จะมีทางที่มีช่วงหน้าผาบีบชิดอย่างมากจนเกิดเป็นช่องแคบก็ไม่ต้องกลัว เพราะเขาได้ทำทางเดินเอาไว้เป็นอย่างดี เดินได้ปลอดภัยหายห่วง
ค่าเข้าชม : 1,000 เยนสำหรับผู้ใหญ่ / 500 เยนสำหรับนักเรียน
เวลาทำการ : ทุกวัน 8.30 – 17.00 น. (เดือน พ.ค. ถึง ก.ย. จะเปิดถึง 18.00 น.)
การเดินทาง : ให้ขึ้นรถประจำทางของ JR Tohoku Bus จากสถานีรถไฟ Morioka มาลงที่ป้ายถ้ำริวเซ็นโดะ ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง
5. ถ้ำคิวเซ็นโดะ เมืองฮิโตะโยชิ จังหวัดคุมาโมโตะ
ถ้ำหินปูนแห่งนี้ยาวเป็นอันดับสามของญี่ปุ่นและยาวที่สุดในคิวชู คือมีความยาวถึง 4.8 กิโลเมตร หินปูนในถ้ำนี้เกิดจากการก่อตัวทางธรรมชาติที่ขึ้นมาจากใต้ทะเล ใช้เวลาสะสมกันกว่า 3 ล้านกว่าปี
โดยเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้ภายในระยะทางแค่ 800 เมตรเท่านั้น ระยะทางการเดินทั้งหมดจะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ก่อนการเข้าไปควรสวมหมวกกันกระแทกและรองเท้าบู๊ทยางกันลื่นให้เรียบร้อยด้วยเพื่อความปลอดภัย เมื่อเข้าไปในถ้ำจะได้พบกับทั้งน้ำตกและแม่น้ำที่อยู่ภายใน ช่างเป็นความงามที่ดูลี้ลับเป็นอันมาก อีกทั้งยังมีเหล่าค้างคาวมากมายให้เห็นเพิ่มความลึกลับของถ้ำแห่งนี้เข้าไปอีก
หากใครจะมาถ้ำแห่งนี้ มาหน้าร้อนได้จะดีเป็นอย่างยิ่ง เพราะอุณหภูมิภายในถ้ำในช่วงหน้าร้อนนี้จะเพียง 15 – 16 องศาเท่านั้น หลบลมร้อนจากภายนอกถ้ำได้สบายๆกันเลย นอกจากนี้สำหรับขาผจญภัย แนะนำให้ลองสอบถามคอร์สทัวร์แบบผจญภัยที่ทางเจ้าหน้าที่ขายตั๋วดู เพราะเขาจะมีบริการการทัวร์อย่างปลอดภัยสำหรับคนชอบสำรวจถ้ำในเส้นทางที่พิเศษกว่าปกติอีกด้วย
ค่าเข้าชม : 1,050 เยนสำหรับผู้ใหญ่ (นักเรียนมัธยมปลายขึ้นไป) / 735 เยนสำหรับนักเรียนมัธยมต้น / 630 เยนสำหรับนักเรียนประถม / 525 เยนสำหรับเด็กอายุ 3 ปีขึ้นไป
เวลาทำการ : ทุกวัน 8.30 – 17.30 น. (เวลาสุดท้ายที่เปิดให้เข้าชมคือ 17.00 น.)
การเดินทาง : ลงที่สถานีรถไฟ Kyusendo ของสาย JR Hisatsu Line
และเดินต่อประมาณ 5 นาที