10 ที่เที่ยวที่ไม่ควรพลาดใน “คานาซาว่า”
1. สถานีรถไฟคานาซาว่า (Kanazawa Station)
เมืองอื่นๆในญี่ปุ่นนั้น เมื่อเราเดินทางมาถึงสถานีรถไฟหลักของเมือง อาจจำเป็นจะต้องต่อรถไฟหรือรถสาธารณะอื่นๆเพิ่มเติมเพื่อเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยว แต่สำหรับเมืองคานาซาว่า ทันทีที่เราเดินลงมาจากรถไฟและก้าวออกมาบริเวณหน้าสถานี ก็ถือว่าเราได้มาเยือนสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังแห่งแรกของคานาซาว่าแล้ว เพราะที่บริเวณด้านหน้าของสถานีนั้นเป็นที่ตั้งของแลนด์มาร์คประจำเมืองอย่าง “ซึซึมิ” (Tsuzumi) ประตูไม้ขนาดใหญ่ที่ได้แรงบันดาลใจจากรูปทรงของเครื่องดนตรีพื้นบ้านญี่ปุ่นชนิดหนึ่ง ที่มีลักษณะเป็นกลองขนาดเล็ก และเมื่อประกอบเข้ากับความรูปทรงอันเป็นเอกลักษณ์ของตัวอาคารสถานี ทำให้สถานีรถไฟคานาซาว่านั้นถือเป็นสถานีรถไฟที่มีความสวยงามมากที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศญี่ปุ่นเลย
การเดินทาง : สถานีคานาซาว่าถือเป็นจุดศูนย์กลางการเดินทางของเมือง ซึ่งสามารถเดินทางมาได้จากโตเกียวด้วยรถไฟชินกังเซ็น
เวลาเปิดทำการ : พื้นที่ด้านหน้าสถานีเปิดทำการตลอด 24 ชั่วโมง
ค่าเข้าชม : ไม่เสียค่าเข้าชม
2. สวนเค็นโรคุ สัญลักษณ์ของคานาซาว่า (Kenrokuen Garden)
สวนเค็นโรคุนั้นถือเป็นสวนของปราสาทคานาซาว่า และเป็นสวนประจำตระกูลมาเอดะที่ทำหน้าที่ปกครองพื้นที่แถบนี้เป็นเวลากว่า 2 ศตวรรษในอดีต ลักษณะการออกแบบภายในสวนที่มีการจัดสรรพื้นที่แต่ละมุมอย่างลงตัว ประกอบกับมีสระน้ำขนาดใหญ่ตรงกลางสวน และยังขุดลำคลองสายเล็กๆไหลผ่านไปทั่วทั้งบริเวณ และมีการจัดวางพรรณไม้หลากหลายชนิดที่มีความโดดเด่น ให้กระจายอยู่ในแต่ละพื้นที่อย่างลงตัว ทำให้ไม่ว่าจะเป็นช่วงฤดูกาลใดสวนเค็นโรคุก็มีความสวยงาม ดึงดูดให้ผู้คนมากมายเดินทางมาเยือนอยู่เสมอ
สวนเค็นโรคุถือเป็น 1 ใน 3 สวนที่มีความสวยงามมากที่สุดในประเทศญี่ปุ่น อีกสองแห่งคือสวนโคราคุ ในเมืองโอคายาม่า (Korakuen) และสวนไคราคุ ในเมืองมิโตะ (Kairakuen)
การเดินทาง : สวนเค็นโรคุสามารถเดินทางมาได้ด้วยรถบัสหลายสาย แต่วิธีที่เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวมากที่สุดคือขึ้นรถ Kanazawa Loop Bus ที่วิ่งวนจากสถานีคานาซาว่าผ่านจุดท่องเที่ยวต่างๆภายในเมือง มาลงที่ป้าย Kenrokuen Garden
เวลาเปิดทำการ : เดือนมีนาคม – กลางเดือนตุลาคม 07.00 – 18.00 น.
เดือนตุลาคม – กุมภาพันธ์ 08.00 – 17.00 น.
ค่าเข้าชม : 310 เยน
3. ปราสาทคานาซาว่า (Kanazawa Castle)
เพียงแค่เดินข้ามมายังฝั่งตรงข้ามของสวนเค็นโรคุ ก็จะพบกับสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญอีกแห่งหนึ่ง นั่นก็คือปราสาทคานาซาว่า แม้ว่าในปัจจุบัน ตัวปราสาทหลักจะถูกทำลายลงไปแล้ว แต่ก็ยังคงหลงเหลือพื้นที่สำคัญบางส่วนที่เป็นของดั้งเดิม อย่างเช่นประตูอิชิคาว่า (Ishikawa-mon Gate) และกลุ่มอาคารอีก 3 หลังที่ได้รับการบูรณะขึ้นมาใหม่อย่างสวยงาม ช่วงเวลาที่ปราสาทคานาซาว่าจะมีความงดงามเป็นพิเศษก็คือในฤดูใบไม้ผลิ ซึ่งต้นซากุระที่เรียงรายอยู่ตลอดแนวกำแพงของปราสาทคานาซาว่าจะผลิบานพร้อมกัน จนถือเป็นหนึ่งในจุดชมซากุระที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของภูมิภาคโฮคุริคุ
การเดินทาง : ขึ้นรถ Kanazawa Loop Bus ที่วิ่งวนจากสถานีคานาซาว่าผ่านจุดท่องเที่ยวต่างๆภายในเมือง มาลงที่ป้าย Kenrokuen Garden เดินต่ออีกประมาณ 5 นาที
เวลาเปิดทำการ :
เดือนมีนาคม – กลางเดือนตุลาคม 07.00 – 18.00 น.
เดือนตุลาคม – กุมภาพันธ์ 08.00 – 17.00 น.
ค่าเข้าชม : ไม่เสียค่าเข้าชม
4. พิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งศตวรรษที่ 21 (21st Century Museum of Contemporary Art)
ไม่ไกลจากปราสาทคานาซาว่าและสวนเค็นโรคุ ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญอีกแห่งหนึ่งในเมืองคานาซาว่าที่ได้รับความนิยมไม่แพ้กัน และถือเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศจากประวัติศาสตร์และธรรมชาติ มาเป็นการชมความงามของงานศิลปะร่วมสมัย ที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งศตวรรษที่ 21
พิพิธภัณฑ์แห่งนี้มีรูปแบบทางสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นจากตัวอาคารที่เป็นทรงกลม และใช้กระจกเป็นผนังทั้งหมด นอกจากจะมีการจัดแสดงผลงานศิลปะร่วมสมัยของศิลปินทั้งในญี่ปุ่นและต่างชาติแล้ว ยังมีห้องสมุด และคาเฟ่สำหรับเอาไว้นั่งพักผ่อนในบรรยากาศสบายๆอีกด้วย
การเดินทาง : ขึ้นรถ Kanazawa Loop Bus ที่วิ่งวนจากสถานีคานาซาว่าผ่านจุดท่องเที่ยวต่างๆภายในเมือง มาลงที่ป้าย Hirosaka-21st Century Museum
เวลาเปิดทำการ : ภายในอาคาร 10.00 – 18.00 น. พื้นที่ด้านนอก 09.00 – 22.00 น.
ค่าเข้าชม : เข้าอาคารฟรีในหลายๆโซน (เช่นลานกว้าง) แต่หากต้องการเข้าโซนนิทรรศการถาวรมีค่าบริการ 1,000 เยน และหากต้องการชมนิทรรศการชั่วคราวจัดอยู่ ณ เวลานั้นๆ ต้องเสียค่าตั๋วเพิ่มอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งอาจเปลี่ยนแปลงได้แล้วแต่ผู้จัดนิทรรศการ
5. ย่านฮิกาชิชายะ เมืองโบราณประจำคานาซาว่า (Higashi Chaya District)
หากใครที่เคยไปเยือนย่านกิออน (Gion) ในเกียวโต จนประทับใจกับบรรยากาศและกลิ่นอายของความเป็นเมืองเก่ามาแล้ว เชื่อว่าหากได้ลองแวะมาที่ย่านฮิกาชิชายะในคานาซาว่าดูบ้าง ก็คงจะประทับใจไม่แพ้กัน เพราะตลอดสองข้างทางในย่านนี้เต็มไปด้วยบ้านเรือนสไตล์ญี่ปุ่นโบราณที่มีอายุมากกว่า 200 ปี และอยู่ในสภาาพดี ซึ่งในยุคเอโดะนั้นบริเวณนี้เป็นย่านโรงน้ำชาอันมีชื่อเสียง และในปัจจุบันก็ยังคงมีโรงน้ำชาเปิดทำการอยู่
สถานที่ๆน่าเจาะจงไปเยี่ยมชมก็มีหลายที่ อย่างเช่นโรงน้ำชาชิมะ (Shima Teahouse) ซึ่งปัจจุบันเป็นพิพิธภัณท์ และโรงน้ำชาคาอิคาโระ (Kaikaro Teahouse) ซึ่งยังคงเปิดเป็นโรงน้ำชา (แต่มีค่าเข้า) และรักษาเอกลักษณ์และบรรยากาศแบบดั้งเดิมเอาไว้ได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้ยังมีร้านทองคำเปลวฮาคุซะ (Hakuza) สินค้าขึ้นชื่ออย่างหนึ่งของเมืองคานาซาว่า โดยในอดีตนั้นทองคำเปลวจากเมืองนี้จะถูกนำไปตกแต่งวัดและศาลเจ้ามากมายหลายแห่ง แต่ในปัจจุบันได้มีการนำมาประยุกต์เข้ากับสินค้าต่างๆมากมายเช่นจานชามหรือเครื่องประดับเป็นต้น
*สำหรับคนที่อยากลองไอศครีมที่ห่อด้วยทองคำเปลวนั้น มีขายอยู่ที่ร้านชื่อ Haku-ichi ซึ่งอยู่ในย่านฮิกาชิชายะเช่นเดียวกัน
การเดินทาง : ขึ้นรถ Kanazawa Loop Bus ที่วิ่งวนจากสถานีคานาซาว่าผ่านจุดท่องเที่ยวต่างๆภายในเมือง มาลงที่ป้าย Hashibacho(Koban-mae)
เวลาเปิดทำการ : โรงน้ำชาชิมะ 09.00 – 18.00 น. โรงน้ำชาคาอิคาโระ 09.00 – 17.00 น. ร้านทองคำเปลวฮาคุซะ 09.30 – 18.00 น.
ค่าเข้าชม : โรงน้ำชาชิมะ 400 เยน โรงน้ำชาอิคาโระ 750 เยน
6. ย่านนากามาชิ อีกหนึ่งย่านโบราณของคานาซาว่า (Nagamachi District)
ต่อจากย่านโรงน้ำชาฮิกาชิ ชายะ คราวนี้เราเปลี่ยนบรรยากาศมาที่ย่านโบราณอีกย่านหนึ่งที่มีเสน่ห์และเอกลักษณ์ไม่แพ้กัน ก็คือย่านนากามาชิ โดยในอดีต ย่านแห่งนี้คือย่านที่พักอาศัยของนักรบซามูไรซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้ติดตามของตระกูลมาเอดะ เจ้าเมืองคานาซาว่าในอดีต และอาคารบ้านเรือนเหล่านี้ก็ยังถูกอนุรักษ์เอาไว้อย่างดีจนถึงในปัจจุบัน
ภาพแรกที่เราจะได้เห็นเมื่อเดินเข้าสู่ย่านนากามาชิ คือกำแพงดินของแต่ละบ้านที่มีความสูงใหญ่ ดูมั่นคง แข็งแรง แม้ว่าบ้านบางส่วนในย่านนี้ยังมีผู้อยู่อาศัยจริงๆ และถือเป็นพื้นที่ส่วนบุคคล แต่สำหรับผู้ที่สนใจศึกษาเรื่องราวในอดีต ภายในย่านนี้ก็ยังมีพิพิธภัณฑ์เพื่อบอกเล่าความเป็นมา จัดแสดงข้าวของเครื่องใช้และเครื่องมือต่างๆอยู่ถึง 4 แห่ง อย่างเช่น พิพิธภัณฑ์บ้านซามูไรโนมูระ (Nomura-ke) พิพิธภัณฑ์ที่ดัดแปลงมาจากบ้านของตระกูลโนมูระ ซามูไรระดับสูงในอดีตที่เป็นผู้ติดตามของตระกูลมาเอดะนั่นเอง
การเดินทาง : ขึ้นรถ Kanazawa Loop Bus ที่วิ่งวนจากสถานีคานาซาว่าผ่านจุดท่องเที่ยวต่างๆภายในเมือง มาลงที่ป้าย Minami-cho Oyama Jinja Shrine หรือ Korinbo
เวลาเปิดทำการ : ภายนอกไม่มีเวลาปิดทำการ
ค่าเข้าชม : พื้นที่ภายนอกไม่เสียค่าเข้าชม พิพิธภัณฑ์ภายในย่านมีค่าเข้าชมที่ต่างกันไปแล้วแต่สถานที่
7. วัดนินจา (Ninjadera)
วัดนินจา หรือในชื่อเดิมว่าวัดเมียวริวจิ (Myoryuji) เป็นวัดญี่ปุ่นที่เชื่อว่าหลายๆคนอาจไม่เคยพบกับวัดในรูปแบบนี้มาก่อน เพราะวัดแห่งนี้หากดูเผินๆภายนอกก็เป็นวัดในศาสนาพุทธโดยทั่วไป แต่อันที่จริงโครงสร้างด้านในของตัวอาคารวัดนั้นมีความสลับซับซ้อน และมีกลไกอันน่าตื่นตามากมายสมกับชื่อ “วัดนินจา” อย่างแท้จริง
เริ่มจากที่เรามองเห็นจากภายนอกว่าอาคารหลักของวัดนั้นมีเพียง 2 ชั้น แต่เมื่อเข้าไปดูด้านในจริงๆ จะพบว่ามีทั้งหมด 4 ชั้น และยังแบ่งได้เป็น 7 ชั้นย่อย นอกจากนี้ยังมีกับดักต่างๆ รวม 29 จุด เช่นบันไดลับ ห้องลับ ประตูและผนังที่พลิกกลับด้านได้ และมีทางลี้ภัยสำหรับหลบหนีศัตรู ซึ่งตัวอาคารแห่งนี้มีอายุมากกว่า 350 ปี ในอดีตเคยทำหน้าที่ป้องกันศัตรู และคอยแจ้งเหตุต่างๆไปยังปราสาทคานาซาว่ามาแล้วมากมายหลายครั้ง
การเดินทาง : ขึ้นรถ Kanazawa Loop Bus ที่วิ่งวนจากสถานีคานาซาว่าผ่านจุดท่องเที่ยวต่างๆภายในเมือง มาลงที่ป้าย Hirokoji
เวลาเปิดทำการ : 09.00 – 16.30 น.
ค่าเข้าชม : 1,000 เยน
8. ตลาดสดโอมิโช อาหารทะเลสดๆ ไม่ไกลจากสถานีคานาซาว่า (Omicho Market)
ตลาดโอมิโช เป็นตลาดประจำเมืองคานาซาว่าที่เปิดทำการมาตั้งแต่ปี 1721 หรือเกือบ 300 ปีมาแล้ว โดยในอดีตตลาดแห่งนี้เป็นตลาดที่จำกัดการค้าขายสำหรับชนชั้นสูงและชนชั้นปกครองภายในเมืองเท่านั้น แต่เมื่อยุคศักดินาสิ้นสุดลง ก็ได้กลายมาเป็นตลาดที่เปิดขายสินค้ากับคนทั่วไป ปัจจุบันภายในตลาดโอมิโชมีร้านค้ามากกว่า 150 ร้าน ซึ่งมีตั้งแต่อาหารทะเล พืชผักผลไม้ อาหารแห้ง ผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น ขนม และยังเป็นศูนย์รวมของร้านอาหารอร่อยๆมากมาย ที่เปิดขายตั้งแต่ช่วงสายๆไปจนถึงตอนกลางคืน ถือเป็นทั้งที่กินและที่เที่ยวที่เราสามารถสัมผัสความมีชีวิตชีวาของเมืองได้อย่างเต็มที่ และอาจจะได้ของฝากดีๆติดมือกลับบ้านอีกด้วย
การเดินทาง : เดินจากสถานี Kanazawa ประมาณ 15 นาที หรือนั่งรถ Loop Bus ไปลงที่ป้าย Musashigatsuji Omi-cho Market
เวลาเปิดทำการ : แล้วแต่ร้านค้า
ค่าเข้าชม : ไม่เสียค่าเข้าชม
9. คากะออนเซน (Kaga Onsen)
แม้คากะออนเซนไม่ได้อยู่ในคานาซาว่า แต่อยู่ในจังหวัดอิชิคาว่าเหมือนกัน และสามารถนั่งรถไฟไปได้ไม่ไกลมากนัก
ที่นี่เป็นหมู่บ้านออนเซนชื่อดังประจำจังหวัดอิชิคาว่า ซึ่งมีประวัติศาสตร์อันยาวนานจากการค้นพบแหล่งน้ำพุร้อนมาตั้งแต่ปี 1300 และยังตั้งอยู่ไม่ไกลจากฮาคุซาน (Hakusan) 1 ในภูเขาศักดิ์สิทธิ์ของประเทศญี่ปุ่น บรรยากาศรอบหมู่บ้านแห่งนี้มีความเงียบสงบและร่มรื่น แร่ธาตุในน้ำพุร้อนของที่นี่มีคุณสมบัติช่วยผ่อนคลายความเมื่อยล้า รักษาโรคข้อเข่าและโรคผิวหนังต่างๆ ซึ่งจากสถานี Kanazawa นั้น สามารถนั่งรถไฟมาที่คากะออนเซนโดยใช้เวลาเพียง 30 นาที จึงสะดวกสบายทั้งการจัดทริปแบบไปเช้าเย็นกลับ หรือจะพักค้างคืนในหมู่บ้านก็ได้หากต้องการแช่น้ำร้อนให้เต็มที่
การเดินทาง : ขึ้นรถไฟจากสถานี Kanazawa มาลงที่สถานี Kagaonsen
เวลาเปิดทำการ : ขึ้นอยู่กับแต่ละสถานที่
ค่าเข้าชม : ค่าเข้าไปแช่ออนเซนในที่พักแต่ละแห่ง อยู่ที่ครั้งละประมาณ 400 – 700 เยน
10. หมู่บ้านโกคายาม่า มรดกโลกพี่น้องของชิราคาวาโกะ (Gokayama)
เชื่อว่าคนที่ค้นหาข้อมูลการท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่นคงคุ้นเคยกันดีกับชื่อและภาพถ่ายของหมู่บ้านชิราคาวาโกะ (Shirakawago) หมู่บ้านโบราณที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นจากหลังคาสามเหลี่ยมทรงสูง แต่คราวนี้เราอยากแนะนำให้ลองเดินทางไปยังหมู่บ้านโกคายาม่า หมู่บ้านโบราณในหุบเขาอีกแห่งหนึ่งที่มีความคล้ายคลึงกับหมู่บ้านชิราคาวาโกะ ซึ่งได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกคู่กัน
แต่ยังมียังมีบรรยากาศที่เงียบสงบกว่า มีนักท่องเที่ยวน้อยกว่า และใช้เวลาเดินทางจากคานาซาว่าแค่ชั่วโมงเดียวเท่านั้น แม้ไม่ได้อยู่ในคานาซาว่า แต่ใกล้พอที่จะไปแบบเช้าไปเย็นกลับได้ง่ายๆ ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งหนึ่งที่มักถูกมองข้าม แต่หากได้ลองไปสัมผัสบรรยากาศด้วยตัวเองแล้ว อาจได้ทั้งความประทับใจ และภาพสวยๆที่ไม่ซ้ำกับคนอื่นที่ไปชิราคาวาโกะแน่นอน
การเดินทาง : ขึ้นรถบัสของ Hokutetsu Bus จากหน้าสถานี Kanazawa ใช้เวลาเดินทางประมาณไม่เกิน 1 ชั่วโมง
เวลาเปิดทำการ : เปิดทำการ 24 ชั่วโมง
ค่าเข้าชม : ตัวหมู่บ้านไม่เสียค่าเข้าชม แต่อาจมีค่าเข้าชมพิพิธภัณฑ์ต่างๆเพิ่มเติม