10 ที่เที่ยวที่ไม่ควรพลาดในเมือง “นาโกย่า”
6. พิพิธภัณฑ์เทคโนโลยีโตโยต้า (Toyota Commemorative Museum of Industry and Technology)
เมืองนาโกย่านั้นเป็นเมืองอุตสาหกรรมสำคัญของญี่ปุ่น มีทั้งฐานผลิตเครื่องจักร ยานอวกาศ รวมไปถึงรถยนต์ ในเมืองใกล้เคียงอย่างเมืองโตโยต้า (Toyota) นั้น ก็ถือเป็นบ้านเกิดของค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่ที่ใครๆก็รู้จัก ซึ่งชื่อของเมืองนี้ได้ถูกเปลี่ยนมาจากชื่อเดิมคือ “โคโรโมะ” เป็นชื่อเดียวกับบริษัท หลังจากที่ค่ายรถยนต์โตโยต้าสร้างรายได้มหาศาลและเกิดการจ้างงานจำนวนมากขึ้นในประเทศญี่ปุ่น
ที่พิพิธภัณฑ์โตโยต้านั้นเปรียบเสมือนสถานที่จัดแสดงวิทยาการหลากหลายรูปแบบ ซึ่งไม่เพียงแต่มีการโชว์รถยนต์รุ่นต่างๆของโตโยต้าตั้งแต่ในอดีตถึงปัจจุบันเท่านั้น แต่ยังมีการนำเสนอหุ่นยนต์ ยานยนต์แห่งอนาคตรูปแบบต่างๆ รวมถึงการจัดแสดงนิทรรศการเทคโนโลยีจากอดีตถึงอนาคต พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เหมาะสำหรับคนทั่วไปที่ชื่นชอบเทคโนโลยี ไม่ใช่แค่คนที่ชอบรถยนต์เท่านั้น เป็นสถานที่ๆเราสามารถสัมผัสความล้ำหน้าของประเทศญี่ปุ่น หนึ่งในประเทศที่มีความก้าวล้ำทางเทคโนโลยีที่สุดในปัจจุบัน
หมายเหตุ! : ที่นี่พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ที่มีเนื้อหาหลากหลาย และเป็นคนละสถานที่กับ Toyota Kaikan พิพิธภัณฑ์ซึ่งเกี่ยวข้องกับรถยนต์ของโตโยต้าเป็นหลัก
การเดินทาง : ขึ้นรถไฟสาย Meitetsu Nagoya มาลงที่สถานี Sako
เวลาเปิดทำการ : 09.30 – 17.00 น.
ค่าเข้าชม : 500 เยน
7. พิพิธภัณฑ์รถไฟนาโกย่า (SCMAGLEV and Railway Park)
นอกจากพิพิธภัณฑ์รถยนต์หลากหลายแห่งในนาโกย่าแล้ว พิพิธภัณฑ์รถไฟในเมืองนี้ก็มีความน่าสนใจไม่แพ้กัน โดยพิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็นของบริษัทรถไฟ JR Central จัดแสดงขบวนรถไฟรูปแบบต่างๆ จำนวน 39 ขบวน มีตั้งแต่ขบวนรถจักรไอน้ำ ไปจนถึงรถไฟชินคันเซ็นหลากหลายซีรี่ส์ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ไฮไลท์สำคัญของพิพิธภัณฑ์รถไฟแห่งนี้คือการจัดแสดงหนึ่งในรถไฟพลังแม่เหล็ก SCMAGLEV รถไฟที่วิ่งเร็วที่สุดในโลก ซึ่งสามารถทำความเร็วได้สูงสุด 500 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และอยู่ระหว่างการเตรียมนำไปใช้งานจริงในอนาคต
พื้นที่ต่างๆภายในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ มีทั้งโซนให้ความรู้เกี่ยวกับประวัติของขบวนรถไฟสายต่างๆ เมืองรถไฟจำลอง โซนจัดแสดงระบบการเดินรถ และโซนจำลองการขับรถไฟที่เปิดโอกาสให้ทุกคนได้ลองเล่นเป็นคนขับรถไฟขบวนต่างๆ ถือเป็นอีกหนึ่งสถานที่ในเมืองนาโกย่าที่นักท่องเที่ยวทุกเพศทุกวัยสามารถมาเพลิดเพลินไปกับความรู้และกิจกรรมต่างๆ รวมถึงการทำความเข้าใจระบบคมนาคมทางรถไฟที่เปรียบเสมือนเส้นเลือดหลักของประเทศญี่ปุ่นได้เป็นอย่างดี
การเดินทาง : ขึ้นรถไฟสาย Aonami มาลงที่สถานี Kinjo-futo
เวลาเปิดทำการ : 10.00 – 17.30 น.
ค่าเข้าชม : 1,000 เยน เครื่องเล่นจำลองการขับรถไฟมีค่าเล่น 500 เยนต่อครั้ง
8. พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์นาโกย่า (Nagoya City Science Museum)
พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์นาโกย่าเป็นอีกหนึ่งที่เที่ยวที่มีความโดดเด่นตั้งแต่เมื่อได้เห็นรูปลักษณ์ภายนอกของตัวอาคาร ซึ่งมีลักษณะเป็นลูกโลกยักษ์สีเงิน ภายในพิพิธภัณฑ์นั้นมีทั้งหมด 6 ชั้น ไล่ตั้งแต่เรื่องพื้นฐานเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ในชั้นแรกๆ และเพิ่มความซับซ้อนขึ้นไปเรื่อยๆตามระดับชั้น ซึ่งจะได้สัมผัสกับแขนงต่างๆของวิทยาศาสตร์อย่างจุใจ ทั้งเรื่องของอวกาศ ธรรมชาติ ไปจนถึงเทคโนโลยีต่างๆ ผ่านรูปแบบนิทรรศการถาวรและนิทรรศการชั่วคราวซึ่งเปลี่ยนหัวข้อที่น่าสนใจต่างๆไปตามแต่ละช่วงเวลา
หนึ่งในสิ่งที่น่าสนใจของพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์นาโกย่าคือท้องฟ้าจำลองที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก มีเส้นผ่าศูนย์กลางถึง 35 เมตร สามารถรับชมความงามและเรื่องราวของดวงดาวและห้วงอวกาศได้อย่างจุใจ นอกจากนั้นยังมีห้องจำลองการเกิดฟ้าผ่าด้วยการปล่อยกระแสไฟฟ้าแรงสูง ห้องจำลองแสงออโรร่าแห่งแรกในประเทศญี่ปุ่น และการสร้างพายุทอร์นาโดจำลองที่มีความสูงถึง 9 เมตรให้ได้รับชมกันอย่างใกล้ชิด ทั้งหมดนี้ไม่เพียงดูน่าตื่นตาตื่นใจสำหรับเด็กๆเท่านั้น แต่ผู้ใหญ่อย่างเราก็สามารถสนุกสนานไปด้วยเช่นกัน
การเดินทาง : ขึ้นรถไฟใต้ดินสาย Higashiyama หรือ Tsurumai มาลงที่สถานี Fushimi ออกที่ทางออกหมายเลข 5
เวลาเปิดทำการ : 09.30 – 17.00 น.
ค่าเข้าชม : 800 เยน (สำหรับพื้นที่จัดแสดงและท้องฟ้าจำลอง) หรือ 400 เยน (สำหรับพื้นที่จัดแสดงอย่างเดียว)
9. หุบเขาโครังเค (Korankei Valley)
นาโกย่านั้นไม่ได้มีเพียงสถานที่ทางประวัติศาสตร์และแหล่งความรู้ทางวิทยาการเท่านั้น แต่ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่มีความงดงามไม่แพ้ที่อื่นๆในประเทศญี่ปุ่น สถานที่แห่งนั้นก็คือหุบเขาโครังเค ซึ่งเป็นหุบเขาติดกับภูเขาอีโมริ (Mount Iimori) มีวัดเล็กๆตั้งอยู่ชื่อว่าวัดโคจาคุจิ (Kojakuji) รายล้อมไปด้วยต้นไม้นานาพรรณ รวมไปถึงต้นเมเปิ้ลจำนวนมาก นอกจากนี้ยังมีแม่น้ำโทโมเอะไหลผ่าน และมีสะพานไม้ไทเกทสึเคียว (Taigetsukyo Bridge) ซึ่งเป็นจุดถ่ายรูปที่สวยงามในหุบเขาแห่งนี้
หุบเขาโครังเคมีชื่อเสียงอย่างมากในฐานะจุดชมวิวใบไม้เปลี่ยนสีที่มีความสวยงามเป็นอันดับต้นๆของประเทศญี่ปุ่น ทั้งหุบเขาจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองและแดงในช่วงฤดูใบไม้ร่วง และยังมีการจัดแสดงแสงไฟรวมถึงการแสดงวัฒนธรรมท้องถิ่นควบคู่กันไปด้วย แต่ถึงแม้จะมาเยือนในช่วงเวลาอื่นที่ไม่ใช่ฤดูใบไม้เปลี่ยนสี ที่นี่ก็ยังคงมีความงามตามธรรมชาติที่คุ้มค่ากับการมาเยือนเช่นกัน
การเดินทาง : นั่งรถไฟสาย Meitetsu Nagoya มาลงที่สถานี Higashi Okazaki จากนั้นต่อรถบัส Meitetsu มาลงที่ป้าย Korankei (800เยน)
เวลาเปิดทำการ : เปิดทำการตลอด 24 ชั่วโมง
ค่าเข้าชม : ไม่เสียค่าเข้าชม
10. วัดโอสุคันนอน (Osu Kannon Temple)
วัดโอสุคันนอน เป็นวัดสำคัญที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองนาโกย่า และเป็นสถานที่บูชาเจ้าแม่กวนอิม (เทพคันนอน)
ภายในวัดเป็นที่ประดิษฐานของรูปสลักไม้เจ้าแม่กวนอิม ซึ่งถูกแกะสลักโดยพระสงฆ์ที่มีชื่อว่า โคโบ ไดชิ (Kobo Daishi) และยังมีสถานที่สำคัญอีกแห่งคือห้องสมุดชินปูคุจิ (Shinpukuji Library) ซึ่งเก็บรวบรวมหนังสือสำคัญที่เป็นสมบัติของชาติและมรดกทางวัฒนธรรมของประเทศญี่ปุ่นกว่า 15,000 เล่ม
ตัววัดเดิมนั้นถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1333 ที่จังหวัดกิฟุ แต่เนื่องจากถูกน้ำท่วมบ่อยครั้ง โชกุนโทคุงาว่า อิเอยาสึจึงได้ทำการย้ายวัดมาตั้งอยู่ในสถานที่ปัจจุบันในปี 1612 ซึ่งอยู่ใกล้กับย่านโอสุ (Osu District) ย่านช้อปปิ้งสำคัญอีกแห่งหนึ่งของเมืองนาโกย่า ซึ่งประกอบไปด้วยร้านค้าและร้านอาหารรวมกันกว่า 1,200 ร้าน และยังเป็นย่านจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าและสินค้าเกี่ยวกับอนิเมะอันขึ้นชื่ออีกด้วย
การเดินทาง : นั่งรถไฟสาย Tsurumai มาลงที่สถานี Osu Kannon
เวลาเปิดทำการ : เปิดทำการตลอด 24 ชั่วโมง
ค่าเข้าชม : ไม่เสียค่าเข้าชม