รถไฟญี่ปุ่น
ตอบทุกคำถามเรื่องรถไฟญี่ปุ่น ทั้งประเภทรถ ประเภทตั๋วเช่น JR Pass และ Tokyo Metro วิธีขึ้นลง แผนที่รถไฟ ตารางเวลา เที่ยวสุดท้ายเมื่อไหร่ ชั่วโมงเร่งด่วนคือกี่โมง มีAppอะไรที่ควรโหลดไว้ ไม่ว่าเรื่องอะไรบทความนี้ก็มีคำตอบ!
By Ando Natsuki (อันโด นัทสึกิ)หน้า1
แผนที่รถไฟญี่ปุ่น
Appค้นหารถไฟญี่ปุ่น
ตารางเวลาของรถไฟญี่ปุ่น
ชั่วโมงเร่งด่วนของรถไฟญี่ปุ่นคือกี่โมง
รถไฟญี่ปุ่นหมดกี่โมง
หน้า2
รถไฟญี่ปุ่นมีกี่ประเภท
หน้า3
รวมพาสของรถไฟญี่ปุ่นเช่น JR Pass
JR Pass และตั๋วอื่นๆที่ใช้ได้เป็นบริเวณกว้าง
ตั๋ว 1-day ในแต่ละเมือง
รถไฟญี่ปุ่นมีกี่ประเภท
หากพูดถึง"ประเภท"ละก็ มันมีได้หลายความหมายเหลือเกิน ไม่ว่าจะเป็นประเภทเครื่องยนต์ (ดีเซล ไฟฟ้า) หรือประเภทการใช้งาน (ขนส่งสินค้า ขนส่งผู้โดยสาร) เป็นต้น แต่เรื่องที่ทุกคนควรรู้อันดับแรกคงหนีไม่พ้นการแบ่งประเภทของรถไฟตามความเร็ว เพราะเป็นตัวแปรสำคัญในการตัดสินว่าราคาจะถูกหรือแพงและใช้เวลามากหรือน้อย
จริงๆแล้ว การแบ่งคลาสความเร็วของรถไฟนั้นมีหลายแบบ และชื่อเรียกก็มักจะต่างกันไปแล้วแต่บริษัทที่ทำการเดินรถด้วย เราจึงจะขอสรุปสั้นๆ ให้เข้าใจกันง่ายๆโดยพูดถึง JR เจอาร์ เป็นหลัก โดยหลักการง่ายๆก็คือ รถยิ่งจอดน้อยสถานีก็จะยิ่งเร็ว เพราะฉะนั้นรถคลาสที่เร็วที่สุดจะจอดเฉพาะสถานที่สำคัญจริงๆเท่านั้น
รถไฟธรรมดา Local
รถไฟที่ช้าที่สุด จอดทุกสถานีที่วิ่งผ่าน และขึ้นง่ายที่สุดเพราะโดยปกติแล้วจะไม่มีการกำหนดหมายเลขที่นั่งและไม่ต้องจองล่วงหน้าใดๆทั้งสิ้น แค่เพียงซื้อตั๋วพื้นฐานก็สามารถขึ้นได้ทันที
ราคา:
ถูกที่สุด เก็บเฉพาะค่าตั๋วพื้นฐาน
ความเร็ว:
ช้าที่สุด เพราะต้องจอดทุกสถานีที่วิ่งผ่าน
ที่นั่ง:
ไม่ต้องจอง
รถเร็ว Rapid (หรือ Semi-Express)
เร็วกว่ารถธรรมดาหรือ Local ที่วิ่งบนเส้นทางสายเดียวกัน เมื่อนับจำนวนสถานีที่จอดแล้ว จะจอดน้อยสถานีกว่า เฉพาะสถานีที่มีความสำคัญมากกว่า มีประชากรเยอะกว่า หรือมีรถไฟสายอื่นให้เปลี่ยนเป็นต้น โดยหลักๆแล้วเป็นรถที่เหมือนกับ Local ในแง่ราคาและความง่าย เพราะคิดราคาเท่า Local และขึ้นได้เลยโดยไม่ต้องจอง
ราคา:
ถูกที่สุด เก็บเฉพาะค่าตั๋วพื้นฐานเหมือนกับ Local
ความเร็ว:
เร็วกว่า Local เพราะจอดน้อยป้ายกว่า
ที่นั่ง:
ไม่ต้องจอง
รถด่วน Express
(ในทางทฤษฏี นี่เป็นคลาสที่เร็วขึ้นมาอีกขั้น แต่ปัจจุบัน JR แทบไม่มีรถคลาส Express เหลือแล้ว โดยจะเรียกว่า Limited Express แทน)
สถานีที่จอดให้ขึ้นลงได้น้อยลงไปอีกเมื่อเทียบกับคลาสที่ต่ำกว่าสองคลาสก่อนหน้านี้ โดยรถไฟ Express ของหลายบริษัทรวมถึง JR นั้นจะมีการเริ่มเก็บค่าบริการที่เรียกว่า Express Fee เพิ่มเติมจากค่าตั๋วพื้นฐาน แต่บางบริษัทนั้นก็ไม่ได้เก็บค่าบริการ Express Fee เพิ่มแต่อย่างใด ตัวอย่างเช่นรถไฟระดับ Express ของสาย Tobu Tojo Line เป็นต้น
ราคา:
ค่าตั๋วพื้นฐาน บวกกับบางบริษัทจะเรียกเก็บค่าบริการ Express Fee เพิ่มเติม
ความเร็ว:
เร็วขึ้นกว่า Local และ Semi-Express เพราะจอดน้อยป้ายยิ่งกว่า
ที่นั่ง:
มีทั้งแบบที่ต้องจองและไม่ต้องจอง
รถด่วนพิเศษ Limited Express
รถ Limited Express เป็นคลาสที่เร็วที่สุดที่ไม่นับชินกังเซ็น ส่วนใหญ่จะใช้วิ่งในระยะไกลมากๆระดับระหว่างเมืองหรือระหว่างจังหวัดและจะจอดเฉพาะสถานีที่สำคัญจริงๆเท่านั้น แต่ก็มีหลายคันที่เป็นข้อยกเว้น ไม่ได้วิ่งเพื่อทำความเร็ว แต่ใช้ในการชมวิวหรือท่องเที่ยวเป็นหลัก
โดยนอกจากราคาตั๋วพื้นฐานแล้ว ก็ยังจะเรียกเก็บเงินค่า Limited Express Fee เพิ่มเติมอีกด้วย และสิ่งสำคัญที่ลืมไม่ได้ก็คือรถประเภทนี้แทบทั้งหมดมักจะต้องทำการจองล่วงหน้าและจะกำหนดจำนวนที่นั่งต่อคัน ทำให้คนที่ไม่ได้จองไว้ล่วงหน้าจะอดขึ้นแทบจะแน่นอนหากที่นั่งเต็ม (มีบางคันที่สามารถขึ้นได้ในรูปแบบของ "ตั๋วยืน" แต่ก็น้อยคัน)
ราคา:
ราคาพื้นฐานบวกกับ Limited Express Fee
ความเร็ว:
เร็วที่สุดหากไม่นับชินกังเซ็น
ที่นั่ง:
รถ Limited Express ส่วนใหญ่ต้องจองที่นั่ง แต่ก็มีคันที่สามารถนั่งได้เลยโดยไม่ต้องจองเช่นกัน
ชินคันเซ็น Shinkansen
ชินคันเซ็นหรือชินกังเซ็น หรือรถไฟหัวกระสุน ไม่ว่าจะเรียกว่าอะไรก็ตามนี่คือรถคลาสที่เร็วที่สุดในบรรดารถไฟทั้งหมดของญี่ปุ่น ชินกังเซ็นทุกสายบริหารงานโดย JR เท่านั้น เร็วและมีราคาแพงแต่มักจะใช้ร่วมกับ Pass ขึ้นลงฟรีหลายๆตัวได้ เช่น JR Pass เป็นต้น
ชินกังเซ็นยังเป็นหนึ่งในเหตุผลทีใครๆก็ชื่นชมระบบขนส่งมวลชนของประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย ซึ่งไม่ใช่เพราะความเร็วเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีเรื่องของความตรงต่อเวลาสุดๆอีกด้วย โดยเมื่อปี 2014 ทาง JR ได้รายงานว่าชินกังเซ็นนั้นมีเวลาดีเลย์เฉลี่ยเพียง 54 วินาทีเท่านั้น
สถานีชินกังเซ็นนั้นมีน้อยมากและจะอยู่ค่อนข้างห่างกันพอสมควร บางจังหวัดมีสถานีชินกังเซ็นแค่หนึ่งหรือสองสถานีเท่านั้น นอกจากนี้ ชินกังเซ็นคันที่เร็วที่สุดก็ยังจอดน้อยมากๆ บางคันไม่จอดเลยหลายร้อยกิโล ตัวอย่างเช่น ชินกังเซ็น "โนโซมิ" บนสาย Tokaido มีระยะห่างระหว่างการจอดสองป้ายมากที่สุดที่ระหว่างสถานี Shin-Yokohama ในเมืองโยโกฮาม่า และสถานี Nagoya ในเมืองนาโกย่า โดยวิ่งแบบไม่จอดเลยมากกว่า 300กม.
ราคา:
แพงกว่ารถไฟอื่นๆทุกชนิดในญี่ปุ่น แต่เกือบทุกคันฟรีสำหรับนักท่องเที่ยวที่ใช้ JR Pass
ความเร็ว:
เร็วที่สุด ความเร็วทำการสูงสุดอยู่ที่ 240-320 กม.ต่อชม. (ยกเว้นบางส่วนของ Yamagata Shinkansen Akita Shinkansen ที่มีความเร็วทำการสูงสุดที่ 130กม.ต่อชม.)
ที่นั่ง:
มีทั้งรถที่ต้องจองที่นั่งเท่านั้น และรถที่ไม่ต้องจอง แต่เนื่องจากปกติแล้วชินกังเซ็นใช้เดินทางระยะไกล หากที่นั่งเต็มขึ้นมาก็อาจต้องยืนนานมากๆ จึงแนะนำให้เลือกแบบจองที่นั่งล่วงหน้าอยู่ดี