ความแตกต่างของ 4 ยักษ์ใหญ่ร้านร้อยเยน
ร้านร้อยเยนของญี่ปุ่นนั้นมีหลากหลายสาขามากมาย นอกจากร้านเล็กๆ ที่เป็น minor แล้ว เราก็จะเห็นได้บ่ายที่สุดก็จะเป็นของ 4 บริษัทยักษ์ใหญ่นี้คือ Daiso, Seria, Can★Do และ Watts ซึ่งแน่นอนว่าทั้งสี่ไม่ได้แข่งกันเพียงอย่างเดียว แต่แต่ละบริษัทก็หาช่องว่างที่บริษัทอื่นไม่มีมาเป็นจุดขายของร้านตัวเองด้วยเช่นกัน
1. DAISO
Daiso เป็นร้านร้อยเยนที่ก่อตั้งขึ้นเมือปี 1977 ที่จังหวัด Hiroshima ในปัจจุบันมีสาขาทั่วญี่ปุ่นกว่า 2,700 สาขา และมีในต่างประเทศอีก 25 ประเทศทั่วโลกรวมทั้งไทยด้วยอีกรวมกว่า 700 สาขา เรียกว่าเป็นตัวแทนของร้านร้อยเยนของญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้ โดยส่วนใหญ่แล้วลูกค้าจะเป็นคนต่างชาติ เพราะว่าที่ Daiso มีของแนวญีปุ่นๆ ขายอยู่มากมาย และราคาก็ถูก ทำให้ซื้อไปเป็นของฝากได้ง่าย แถมมีสาขามากมาย
ทราบไหมว่าโลโก้ของ Daiso นั้นแตกต่างกันไปตามแต่ละสาขา อย่างที่ Shinsaibashi ที่ Osaka นั้น โลโก้เป็นสีชมพู ในขณะที่ที่ Odaiba ท่ี Tokyo นั้นเป็นสีฟ้า และที่ Aeon Mall กลับเป็นสีดำ นั่นเป็นเพราะปรับให้เข้ากับบรรยากาศของบริเวณรอบๆ นั่นเอง
Daiso อาจจะมีภาพพจน์ของร้านที่มักจะอยู่ในห้างใหญ่หรือตามแหล่งช้อปปิ้ง แต่ตอนนี้ได้กระจายไปถึงบริเวณในสนามบินต่างๆ แล้วเช่นกัน อย่างที่บอกว่าเน้นทาร์เก็ตเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติที่หาซื้อของฝากกลับไปที่ประเทศนั่นเอง
2. Seria
Seria เป้นร้านร้อยเยนที่มีถิ่นกำเนิดอยู่ที่จังหวัด Gifu ก่อตั้งตั้งแต่ปี 1985 โดยที่มียอดขายเป็นอันดับสองรองแค่ Daiso เท่านั้น Seria นี้มีทาร์เก็ตเป็นเหล่าสาวๆ เพราะว่าของในร้านจะเป็นของที่มีดีไซน์แบบ natural และเรียบง่าย แถมน่ารักสีสันสดใสแบบที่สาวๆ ชอบ รวมถึงบรรยากาศร้านที่เก๋ไก๋น่าเข้า ทำให้ปัจจุบันกลายเป็นร้านในดวงใจสตรีทุกวัยไปแล้ว
Seria เป็นร้านนี้ผลักดันให้คนหันมา D.I.Y. กันมากขึ้น เพราะ D.I.Y. ไม่ได้เป็นงานอดิเรกของผู้ชายเท่านั้น แต่สาวๆ ก็สามารถทำได้ง่ายๆ ด้วยอุปกรณ์ต่างๆ จาก Seria กลับกัน Seria จะไม่ค่อยมีขายขนมหรือของกิน ซึ่งทำให้ที่นี่ต่างจากร้านร้อยเยนทั่วๆ ไปนั่นเอง
3. Can★Do
Can★Do มีจุดกำเนิดอยู่ที่แถวๆ Shinjuku ในกรุง Tokyo นี่เอง เป็นร้านที่มีรายได้อันดับ 3 รองจาก Daiso และ Seria มีสาขาทั้งหมด 800 กว่าสาขา โดยสังเกตุง่ายจากรูปดาวบนโลโก้ร้านนั่นเอง โดยตัวร้านมีจุดมุ่งหมายเพื่อเป็นร้านที่ใช้บริการได้ง่าย มีของขายหลากหลายประเภท แต่ก็จัดร้านให้กว้างขวางเลือกของง่าย และนิยมแต่งร้านให้สว่างสดใส ทำให้เลือกของง่ายและคนซื้อก็อยากจะซื้อเยอะขึ้น เรียกว่าเป็นร้านที่เน้นการลงทุนไปที่การจัดร้านให้ดูดี เก๋ เพื่อเรียกลูกค้าวัยรุ่นเป็นหลัก
แน่นอนว่าไหนๆ ก็จะเรียกลูกค้าวัยรุ่นแล้ว Can★Do ก็จะต้องมี charactor ประจำร้านไว้เรียกแขก นั่นก็คือเจ้าหมา Hakken Wando สุดน่ารักที่ใส่หมวกนักสืบ เรียกว่ามีแฟนๆ เลือกเข้าร้านนี้เพราะเจ้า Wando นี้เลยทีเดียว
4. Watts
เราอาจจะไม่คุ้นชื่อร้านร้อยเยนที่ชื่อ Watts เท่าไหร่ แต่จริงๆ แล้ว Watts เป็นชื่อบริษัทใหญ่ โดยแบ่งออกเป็นร้านร้อยเยนอีกหลากหลายชื่ออย่าง Silk หรือ meets. เป็นต้น รวมๆ แล้วมีร้านอยู่ประมาณ 900 กว่าร้านซึ่งเยอะกว่า Can★Do เสียอีก จุดเด่นของร้านน้อยเยนของ Watts ก็คือ Low-cost หรือการตัดต้นทุนเพื่อให้ได้ของราคาถูกที่สุด เน้นธุรกิจเล็กๆ ร้านเล็กๆ และลงทุนน้อยๆ เราจึงจะเห็นร้านร้อเยนของ Watts อยู่ตามซอกหลืบต่างๆ ในซูเปอร์มาร์เก็ตหรือไม่ก็ร้านเล็กๆ ในย่านการค้าที่มองเข้าไปในร้านแล้วแน่นไปด้วยของราคาถูกเชื้อเชิญให้เข้าไปเลือกซื้อ
ของในร้านของ Watts จะไม่ได้มีหลากหลายประเภทที่ทั้งใหญ่เล็กเหมือนกับที่ Daiso แต่จะเน้นที่ของที่มีขนาดเล็กๆ รวมถึงเครื่องเขียนต่างๆ รวมทั้งของเกี่ยวกับโต๊ะทำงานเป็นหลัก ฉะนั้นกลุ่มเป้าหมายของร้านในเครือ Watts จึงจะเป็นกลุ่มคนในวัยทำงาน เรียกว่าเป็นร้านที่อุดช่องว่างทางการค้าที่ Daiso ทำตกหล่นได้เป็นอย่างดี
- iemo.jp (ภาษาญี่ปุ่น)
สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับร้านร้อยเยนทั้งสี่เป็นภาษาญี่ปุ่นได้ที่ลิงค์ด้านล่าง
- iemo.jp (ภาษาญี่ปุ่น)