ในบ้านเรา ปกติแล้วใครสั่งก่อนควรจะได้อาหารก่อนใช่ไหม ถ้าโต๊ะข้างๆ ได้ก่อนเราอาจจะมีหัวเสียเล็กๆ ว่า เอ๊ะ ก็ชั้นมาก่อนทำไมได้ทีหลัง แต่ที่ญี่ปุ่นลำดับการเสิร์ฟอาหารเป็นไปตามความยุ่งยากของการประกอบอาหาร บางทีอาหารที่ทำง่ายกว่าก็อาจจะทำในครัวหรือเตาที่แยกต่างหากโดยแม่ครัวต่างคนกัน ฉะนั้นนอกจากจะไม่มีลำดับแล้ว บางทีอาหารของคนในโต๊ะเดียวกันก็อาจจะมาไม่พร้อมกันอีกด้วย บางคนก็กินหมดก่อนแล้วอาหารถึงจะมา แต่ให้ท่องไว้ว่า นี่เป็นเรื่องปกติของญี่ปุ่น

อย่าให้ทิปเด็ดขาด โดยเฉพาะในร้านอาหาร นอกจากที่ญี่ปุ่นจะไม่มี service charge แบบบ้านเราแล้ว ยังไม่มีวัฒนธรรมการให้ทิปด้วย ถ้าวางทิปเอาไว้บนโต๊ะ พนักงานจะถือว่าคุณลืมเงินและจะวิ่งตาลีตาเหลือกออกมาตามหาคุณพร้อมกับคืนเงินให้ เพราะว่าที่ญี่ปุ่นเขาถือว่า คุณมาใช้บริการร้านเราก็ถือว่าเป็นพระคุณมากแล้ว (แถมยังบริการดีขนาดนี้ น้ำตาจะไหล)

Irasshaimase!!! (いらっしゃいませ) คำพูดที่พนักงานร้านพร้อมใจกันพูดใส่เราอย่างแซ่ซ้องในร้านค้าหรือร้านอาหารทุกร้าน แล้วเราก็จะรู้สึก panic มองซ้ายขวาเลิ่กลั่กว่า เฮ้ย เขาพูดว่าไรอะ แล้วต้องตอบเขารึเปล่า ขอบอกว่า อย่าพยายามหาคำตอบให้กับคำคำนี้เลย เพราะมันแปลว่า ยินดีต้อนรับ บางคนก็พยายามตอบว่า Arigatou (ขอบคุณ) ซึ่งสร้างบรรยากาศเฝื่อนๆ บอกไม่ถูกให้กับพนักงานร้านเลยทีเดียว ถ้าทำตัวไม่ถูกให้ยิ้มตอบไปงามๆ หนึ่งทีก็พอ

ขอบอกว่านี่เป็นความผิดพลาดของมือใหม่หัดเที่ยวญี่ปุ่นเลยแหละ เพราะปกติแล้ว คันต่อไปก็แน่นไม่แพ้คันนี้หรอก เคล็ดลับก็คือ ถ้าตู้ที่มาจอดหน้าเราดูแน่นมากๆ ให้เราเดินไปหาตู้ถัดไปที่ว่างพอจะเสียบเท้าและเอาตัวดันเข้าไปได้ ถ้าแน่นอีกก็ตู้ถัดไป หรือถัดไป หรือถัดไป...นี่คือสัจธรรมของญี่ปุ่น โดยเฉพาะช่วงเวลาเร่งด่วนในโตเกียว เดี๋ยวก็จะชินไปเอง แล้วรถ BTS ที่เคยคิดว่ามันแน่นในบ้านเราจะกลายเป็นเรื่องจิ๊บจ๊อยไปเลย

เข้าใจว่าญี่ปุ่นมันช่างน่าตื่นเต้น ไปไหนก็ตื่นเต้นและทุกอย่างช่างสนุกไปเสียหมด แต่อย่าลืมว่านี่ไม่ใช่บ้านเรา ให้มองคนรอบๆ และสังเกตุบรรยากาศรอบๆ ก่อนจะส่งเสียงดังไป โดยเฉพาะในรถไฟและพื้นที่สาธารณะแบบปิดอื่นๆ ถึงบางทีจะได้ยินเด็กสาวมัธยมญี่ปุ่นคุยกันเสียงดังหรือคนเมาส่งเสียงดังก็ตามที ปกติแล้วการพูดเสียงเบากำลังดีถือเป็นมารยาทที่ดีของญี่ปุ่น