ช่วงเวลาที่บาน: ต้นเดือนเมษายน
ซากุระพันธุ์โซเม-โยชิโนะ น่าจะเป็นพันธุ์ที่มีมากที่สุดในญี่ปุ่น และก็เป็นพันธุ์ที่มีเอกลักษณ์ที่สุดด้วย กับดอกสีชมพูอ่อนๆเกือบขาวฟูฟ่องเต็มต้น มี 5 กลีบตามแบบฉบับดั้งเดิมของดอกซากุระที่เรารู้จักกัน และใบสีเขียวสดที่จะยังไม่ผลิจนกว่าดอกซากุระจะบานเต็มที่ เราจึงจะสามารถเห็นต้นซากุระสีชมพูสวยทั้งต้นได้จากซากุระพันธุ์นี้นานจนกว่าจะเริ่มผลิใบ

ถ้าถามว่าทำไมถึงเป็นที่สุดของญี่ปุ่น ก็เพราะเวลาที่เรานึกถึงภาพซากุระที่สีชมพูอ่อน สีเกือบขาว ดอกเยอะๆ ฟูๆ เต็มต้น ซากุระที่เราคิดถึงก็คือซากุระพันธุ์โซเม-โยชิโนะ นี่แหละ เป็นซากุระที่มีปลูกเยอะที่สุด หาดูได้ตามจุดชมซากุระดังๆ ทั่วญี่ปุ่น ที่เราเห็นกันบ่อยๆในภาพถ่ายดังของฟูจิกับวัดแดง สวนอุเอโนะ หรือแม้แต่ปราสาทฮิเมจิ ก็เป็นซากุระพันธุ์นี้แหละ สวนสาธารณะทั่วไปก็นิยมปลูกนะ

นอกจากนี้ ซากุระพันธุ์โซเม-โยชิโนะ ยังเป็นซากุระพันธุ์เลี้ยงที่ไม่มีในธรรมชาติ ถูกมนุษย์ผสมขึ้นมาเมื่อประมาณปี 1900 ทำให้ต้นซากุระพันธุ์นี้ทุกต้นในโลกมีที่มาจากต้นเดียวกัน!

ช่วงเวลาที่บาน: ต้นเดือนเมษายน
Yamazakura หรือซากุระภูเขา ก็เป็นอีกพันธุ์หนึ่งที่มีมากที่สุดในญี่ปุ่น โดยมักจะขึ้นเองตามธรรมชาติบนภูเขาหรือในป่า ต่างกับซากุระพันธุ์เลี้ยงอย่าง Somei Yoshino โดยดอกจะมีห้ากลีบ และเกสรเล็ก ใบสีเขียวจะผลิออกพร้อมๆ กับการบานของดอก จึงบางทีก็ทำให้ไม่ฟูๆ อลังการทั้งต้นเหมือนกับ Somei Yoshino (ซึ่งเป็นพันธุ์ที่มนุษย์ผสมขึ้นมาและถูกออกแบบให้ฟูสวยกว่าซากุระในธรรมชาติ) แต่ซากุระภูเขาจะมีกลิ่นอายของความเป็นธรรมชาติมากกว่า

ยามะซากุระ เป็นพันธ์ธรรมชาติที่พบเห็นได้ง่ายมาก ในป่าหรือแหล่งท่องเที่ยวแนวๆธรรมชาติ เช่นน้ำตกหรือภูเขา แต่ว่าซากุระที่มนุษย์ปลูกตามสวนสาธารณะ ในเมือง หรือตามบ้าน จะเป็นโซเม-โยชิโนะซะมากกว่า

ช่วงเวลาที่บาน: ปลายเดือนกุมภาพันธ์ถึงกลางเดือนมีนาคม
Kanzakura เป็นดอกซากุระพันธุ์แรกๆ ที่จะบานก่อนเพื่อน ใครที่ไปญี่ปุ่นก่อนช่วงพีคก็ยังมีโอกาสได้ชมซากุระจากพันธุ์นี้ นิยมปลูกไม่น้อยเลย สามารถไปหาชมได้ตามสวนสาธารณะใหญ่ๆ หลายแห่ง เรียกว่าเป็นดอกซากุระที่บานเอาใจนักท่องเที่ยวที่มานอกฤดูซากุระเลยล่ะ

คันซากุระนั้นพบเห็นได้ทั่วไปพอๆกับโซเม-โยชิโนะ สังเกตได้ว่าจะฟูฟ่องน้อยกว่านิดหน่อย และกิ่งก้านจะหน้าตาแข็งๆแบบในภาพ

ช่วงเวลาที่บาน: ต้นเดือนเมษายน
Shidarezakura เป็นอีกพันธุ์ของซากุระที่พบเห็นได้ทั่วไป และเป็นที่รักของคนญี่ปุ่น มีลักษณะเด่นกว่าใครคือจะมีกิ่งที่โน้มต่ำและดอกที่ไหลคล้อยลงมาตามกิ่ง สวยงามราวกับน้ำตก โดยจะมีสองแบบคือดอกที่มี 5 กลีบและดอกที่มีมากกว่า 5 กลีบ โดยอย่างหลังจะบานช้ากว่าอย่างแรกประมาณหนึ่งอาทิตย์ และมีชื่อเรียกอีกอย่างว่า Yaebeni Shidarezakura

ชิดาเระซากุระนั้นเป็นพันธุ์โบราณต่างกับโซเมโยชิโนะที่เพิ่งถูกผสมโดยมนุษย์มาไม่กี่ร้อยปี หากไปเดินหาตามเมืองเก่าๆที่ถูกอนุรักษ์และมีอายุหลายร้อยปี เป็นไปได้ว่าจะเจอกับซากุระแบบห้อยระยางมากกว่า โดยเมืองดังๆในญี่ปุ่นที่ขึ้นชื่อก็อย่างเช่นย่านบ้านพักซามูไรโบราณ ที่เมืองคาคุโนะดาเตะ จังหวัดอากิตะ

ช่วงเวลาที่บาน: กลางเดือนกุมภาพันธ์ (ชิซุโอกะ)
Kawazu-sakura ถูกตั้งชื่อตามชื่อเมือง Kawazu ที่จังหวัดชิซุโอกะ ที่มีการปลูกซากุระพันธุ์นี้อยู่ทั่วเมือง โดย Kawazu-sakura เป็นพันธุ์ที่บานก่อนใครในญี่ปุ่น เทศกาลชมซากุระที่เมือง Kawazu จังหวัดชิซุโอกะ จึงจัดเร็วกว่าที่อื่น คือตั้งแต่ช่วงกลางเดือนกุมภาพันธุ์จนถึงต้นมีนาคมนั่นเอง

แน่นอนว่าใครที่อยากชมนั้น สถานที่แนะนำอันดับหนึ่งคือเมือง Kawazu บนความสมุทรอิซึ จังหวัดชิซุโอกะนั่นเอง

ช่วงเวลาที่บาน: ต้น-กลางเดือนมีนาคม (โตเกียว)
ซากุระพันธุ์นี้มีสีชมพูเข้มกว่าพันธุ์อื่น และมีดอกที่มีลักษณะเป็นรูปทรงกระดิ่ง โดยดั้งเดิมเป็นซากุระที่บานในแถบเกาะแดนใต้จองญี่ปุ่นที่เรารู้จักกันในนามโอกินาว่านั่นเอง และเนื่องจากเป็นเขตอบอุ่น จึงทำให้บานเร็วกว่าที่อื่นพอสมควร คือจะบานในช่วงเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์เลยทีเดียว (เฉพาะที่โอกินาว่า) หากเป็นแถวๆเมืองหลักทางเหนืออย่างโตเกียวโอซาก้าจะไม่บานจนกว่าจะเข้ากลางมีนาคม แต่ก็ยังนับว่าบานเร็วกว่าพันธุ์อื่นๆ อยู่ดี

ช่วงเวลาที่บาน: กลางเดือนเมษายน
Ichiyo เป็นซากุระที่มีกลีบฟูฟ่องมาก คือมีกลีบประมาณ 20 กลีบต่อ 1 ดอก เทียบกับทั่วๆ ไปที่มี 5 ดอก ตัวดอกจึงซ้อนกันเป็นชั้นๆ สวยงามอ่อนหวาน เป็นอีกพันธุ์ของซากุระที่พบเห็นได้ทั่วไปในญี่ปุ่น เพียงแต่ลักษณะดอกแตกต่างจากซากุระทั่วๆไปเท่านั้น หลายคนจึงไม่แน่ใจว่าใช่ซากุระหรือเปล่า ฉะนั้นต่อไปนี้ถ้าได้เห็นที่ไหนขอให้มั่นใจได้เลยว่า ใช่ซากุระจริงๆ!

ช่วงเวลาที่บาน: กลางเดือนเมษายน
Ukon ก็เป็นอีกพันธุ์ของซากุระที่มีลักษณะเด่นต่างจากซากุระสายพันธุ์อื่นๆทั่วๆไป โดยไม่ได้มีกลีบดอกแค่ 5 กลีบ แต่มีกลีบดอกเยอะมากๆเหมือนกันกับ Ichiyo คือประมาณ 10-20 กลีบต่อดอก คือตัวดอกจะมีสีขาวๆออกเหลืองเล็กน้อย และมีใบสีออกแดงส้ม

ช่วงเวลาที่บาน: กลาง-ปลายเดือนเมษายน
Kanzan เป็นอีกพันธุ์หนึ่งที่หาดูได้ไม่ยากนักตามสวมสาธารณะต่างๆ แต่หลายคนอาจจะงงเพราะดูไม่เหมือนซากุระทั่วๆไปเท่าไหร่ โดยพันธ์นี้จะมีกลีบดอกมากมายมหาศาลกว่า 20-30 กลีบต่อ 1 ดอก ตัวดอกจึงบานกลมฟูฟ่องสวยงามตระการตา จุดเด่นของ Kanzan คือมีดอกสีชมพูค่อนไปทางเข้มมากๆ และมีใบสีออกแดงแม้ในฤดูใบไม้ผลิ

ช่วงเวลาที่บาน: กลาง-ปลายเดือนเมษายน
Fugenzo เป็นอีกพันธุ์ที่มีกลีบดอกเยอะมากๆ คือ 30-40 กลีบต่อ 1 ดอก โดยจุดเด่นของพันธุ์นี้คือ จำนวนดอกต่อช่อเยอะมากๆ และตอนบานใหม่ๆจะมีสีชมพูอ่อนๆ ที่จะค่อยๆเปลี่ยนเป็นชมพูเข้มขึ้นเรื่อยๆ ตามเวลาที่ผ่านไป ส่วนใบจะเป็นสีออกน้ำตาลแดง ไม่เขียวชอุ่มเหมือนซากุระทั่วไป

ช่วงเวลาที่บาน: ปลายเดือนเมษายน-ต้นเดือนพฤษภาคม
Kikuzakura (Chrysanthemum Cherry) มีคำว่า Kiku ในชื่อ ซึ่งในภาษาญี่ปุ่นคำว่า คิคุ นี้หมายถึงดอกเก๊กฮวยนั่นเอง แต่หน้าตาจะคล้ายจริงหรือไม่ลองชมกันเองนะ

คิคุซากุระมีกลีบดอกมากขนาดบางดอกที่มีเยอะๆ จะมีกว่าร้อยกลีบเลยทีเดียว Kikuzakura บานช้ากว่าพันธุ์อื่นๆ แต่อย่างไรก็ตาม ใบของมันจะผลิออกมาแทบๆ จะพร้อมๆ การบานของดอก และดอกมักจะโดนใบบังจนมองไม่ค่อยเห็น คนเลยไม่ค่อยนิยมชมกันเท่าไหร่

ช่วงเวลาที่บาน: ตุลาคม - มกราคม รวมถึงช่วงฤดูใบไม้ผลิ
คำว่า Jugatsu แปลว่าเดือนตุลาคม ฉะนั้นซากุระนี้จึงแปลตรงตัวได้ว่าเป็นซากุระเดือนตุลาคม เป็นซากุระที่บานในช่วงแวลาที่ต่างจากพันธุ์อื่น คือจะบานในช่วงฤดูใบไม้ร่วงไปจนถึงฤดูหนาว ถึงดอกจะเล็กและกระจัดกระจาย แต่ก็ให้ทิวทัศน์ที่สวยงามมากๆ เมื่อมันบานพร้อมๆ กับช่วงที่หิมะตกพอดี