All About Japan

ทำไงดี!? ตกรถไฟเที่ยวสุดท้าย! แนะนำวิธีแก้ปัญหาสไตล์คนญี่ปุ่นหลังกลับบ้านไม่ได้

ที่พัก การเดินทาง รถไฟ ชีวิตในญี่ปุ่น
ทำไงดี!? ตกรถไฟเที่ยวสุดท้าย! แนะนำวิธีแก้ปัญหาสไตล์คนญี่ปุ่นหลังกลับบ้านไม่ได้

คนเราใช้ชีวิตเรียน ทำงาน และทำกิจกรรมต่างๆ อีกมากมาย นับวันกิจกรรมนอกบ้านก็ดูเหมือนเข้ามามีบทบาทกับเราเพิ่มขึ้น จนบางครั้งก็ล่วงเลยเวลาไปจนดึกดื่น หรือแม้แต่นักท่องเที่ยวอาจจะช็อปเพลินจนลืมเวลา แม้จะรีบมาขึ้นรถไฟเพื่อกลับบ้าน แต่ปรากฏว่าไม่ทันรถไฟเที่ยวสุดท้ายเสียแล้ว ทีนี้จะทำยังไงกันดี เราไปดูกันดีกว่าว่าคนญี่ปุ่นเค้าแก้ปัญหานี้ยังไงกัน!

ตกรถไฟเที่ยวสุดท้ายเป็นเรื่องปกติในญี่ปุ่นจริงเหรอ?

ตกรถไฟเที่ยวสุดท้ายเป็นเรื่องปกติในญี่ปุ่นจริงเหรอ?

เพื่อนๆ เคยมีประสบการณ์ตกรถไฟเที่ยวสุดท้ายกันไหมคะ เวลาไปเที่ยวญี่ปุ่นทั้งที ทุกคนก็ย่อมอยากที่จะใช้เวลาให้คุ้มค่าที่สุด ไม่ว่าจะตอนสว่างหรือตอนมืด แล้วพอเที่ยวกันตอนมืดถึงดึกก็อาจมีบ้างที่เลยเวลารถไฟเที่ยวสุดท้ายไปมาก กลายเป็นตกรถไฟ กลับที่พักไม่ทัน อ้าว! แล้วเราจะทำยังไงกันดี

แต่..เดี๋ยวก่อน เพื่อนๆ ไม่ต้องกังวลนะคะ เพราะคนญี่ปุ่นเองก็ตกรถไฟเที่ยวสุดท้ายกันบ่อยๆ ค่ะ สังคมเขามีกินเลี้ยงสังสรรค์หลังเลิกงานกันเยอะ บ่อยครั้งที่ลากยาวกันจนดึกจนดื่น คนญี่ปุ่นก็มีวิธีแก้ปัญหานี้กันหลายรูปแบบที่พอจะเป็นไกด์ไลน์ให้เราลองเอาไปเลือกใช้กัน

วันนี้เราจะมาพูดเรื่องการแก้ปัญหาในกรณีตกรถไฟเที่ยวสุดท้ายโดยอิงตามข้อมูลของคนญี่ปุ่นที่เคยประสบปัญหานี้มาก่อนแล้ว ไปดูกันเลยค่ะ

ทำไงดีถ้าตกรถไฟเที่ยวสุดท้ายในญี่ปุ่น!?

ทำไงดีถ้าตกรถไฟเที่ยวสุดท้ายในญี่ปุ่น!?

หลังจากพลาดรถไฟเที่ยวสุดท้ายก็จะมีอยู่ 2 ทางเลือก คือ
- หาหนทางกลับบ้าน/ที่พักด้วยวิธีอื่น เช่น เดินกลับ เรียกแท็กซี่ ให้คนมารับ
- หาที่นอนหรือที่อยู่แถวนั้นเพื่อรอขึ้นรถไฟเที่ยวแรก เช่น ไปอยู่ที่ร้านคาราโอเกะ มังงะหรืออินเตอร์เน็ตคาเฟ่ ร้านอิซากายะ หรือหาโรงแรมเข้าพัก เป็นต้น

หลายคนอาจสงสัยว่าทำไมคนญี่ปุ่นถึงไม่เลือกขึ้นแท็กซี่ให้มันจบๆ ขอบอกเลยค่ะว่าค่าแท็กซี่ที่ญี่ปุ่นแรงมาก โดยเฉพาะตามในเมืองใหญ่อย่างโตเกียว (Tokyo) โอซาก้า (Osaka) ยิ่งถ้าเป็นช่วงดึกราคาก็อัพเพิ่มไปอีก ดังนั้นใครที่บ้านไกลส่วนใหญ่จะตัดสินใจรอขึ้นรถไฟเที่ยวแรก ประมาณตี 5 แทนค่ะ

1. กรณียังไงคืนนี้ต้องกลับบ้านหรือโรงแรมให้ได้

1. กรณียังไงคืนนี้ต้องกลับบ้านหรือโรงแรมให้ได้

ขอพูดถึงกรณีหาทางกลับบ้านวิธีอื่นก่อน บางคนมีความจำเป็นต้องกลับบ้านจริงๆ อาจจะที่บ้านเป็นห่วง มีสัตว์เลี้ยงต้องดูแล หรือเป็นคนนอนผิดที่ไม่ได้ และกลัวการอยู่ในที่ไม่คุ้นเคย เหล่านี้ก็มาพิจารณาวิธีกลับกันดูค่ะ ดังต่อไปนี้เลย

1.เดินกลับ
วิธีนี้ใช้ได้เฉพาะกับคนที่บ้านอยู่ระยะใกล้พอที่จะเดินกลับได้ วันรุ่งขึ้นไม่มีกำหนดการอะไรยุ่งมาก อาจใช้เวลาแค่สักหนึ่งชั่วโมงหรือสองชั่งโมงก็ถึง แต่ถ้าอยู่ไกลก็ไม่แนะนำ

2. ให้คนมารับ
ในกรณีมาพักบ้านญาติพี่น้อง หรือคนสนิท แล้วโทรติดต่อไป พวกเขายังไม่เข้านอน ก็อาจจะรบกวนให้มารับ เพราะญาติๆ ก็อาจเป็นห่วงเราไม่ใช่น้อยเหมือนกัน

3. เรียกแท็กซี่
ทางออกที่สะดวกที่สุดสำหรับคนที่อยากกลับที่พักก็คือแท็กซี่ แต่อย่างที่ได้กล่าวไปข้างต้นว่าราคาค่อนข้างแพง ราคาเริ่มต้นของแท็กซี่ในแต่ละพื้นที่ก็ไม่เท่ากัน แต่ส่วนใหญ่จะเริ่มต้นที่ 400 - 500 เยน ในโตเกียวจะเริ่มต้นที่ 500 เยน สำหรับ 1,096 เมตรแรก หลังจากนั้นก็เพิ่มขึ้น100 เยนในทุกๆ 255 เมตร แต่มีความปลอดภัยสูง และสามารถจ่ายด้วยบัตรเครดิตได้

2. กรณีที่ตัดสินใจรอขึ้นรถไฟเที่ยวแรก

ส่วนคนที่มองหาที่สำหรับฆ่าเวลาหรือพักผ่อนในช่วงเวลาสั้นๆ เพื่อรอขึ้นรถไฟเที่ยวแรก ก็มีตัวเลือกมากมายทีเดียว หลายคนที่เป็นนักท่องเที่ยวอาจจะยังไม่รู้ว่าคนญี่ปุ่นส่วนใหญ่ที่ตกรถไฟเค้าทำอะไรกัน ครั้งนี้เราได้รวบรวมข้อมูลมาฝากกันแล้ว ลองไปดูกันดีกว่าค่ะว่ามีอะไรบ้าง

2.1 ไปสนุกกันต่อที่คาราโอเกะ (Karaoke)

2.1 ไปสนุกกันต่อที่คาราโอเกะ (Karaoke)

การเลือกเข้าไปใช้เวลาในคาราโอเกะก็เป็นไอเดียที่ดี ร้านคาราโอเกะหลายแห่งมักเปิดตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากได้ร้องเพลง (หรือร้องระบายความอัดอั้นที่พลาดท่าตกรถไฟ) ได้อย่างเต็มอารมณ์แล้ว คาราโอเกะยังมีเซ็ตอาหารและเครื่องดื่มไว้คอยบริการ นอกจากนี้พอร้องเพลงเต็มอิ่มก็ยังสามารถงีบหลับรอให้พนักงานมาปลุกก็ได้ด้วย

คาราโอเกะนั้นเป็นอีกหนึ่งสถานที่ยอดฮิตที่คนญี่ปุ่นและคนต่างชาตินิยมเป็นจุดหมายปลายทางหากตกรถไฟเที่ยวสุดท้าย หรือกลุ่มที่เที่ยวผับยันดึก ซึ่งคาราโอเกะบางที่มีราคาเหมาจนถึงเช้าเลยด้วยนะ

2.2. เข้าร้านฟาสต์ฟู้ด หรือร้านอาหารสำหรับครอบครัว (Family Restaurant)

2.2. เข้าร้านฟาสต์ฟู้ด หรือร้านอาหารสำหรับครอบครัว (Family Restaurant)

พวกร้านฟาสต์ฟู้ดอย่าง McDonald's หรือร้านอาหารสำหรับครอบครัวที่เรียกย่อๆ สไตล์ญี่ปุ่นว่า "ฟามิเรส" (Fami Res) เป็นร้านอาหารกึ่งคาเฟ่ที่มักจะมี Drink Bar และเมนูอาหารอันหลากหลายให้บริการ นอกจากผู้ใหญ่แล้วยังเหมาะสำหรับเด็กๆ ด้วยเช่นกัน

ฟามิเรสหลายเฟรนไชส์ก็มักจะเปิด 24 ชั่วโมง เราสามารถสั่งอาหารที่ใช้งบไม่มากมารับประทาน จิบเครื่องดื่มรอรถไฟเที่ยวแรกของวันรุ่งขึ้นได้ แถมบางที่มี Wifi ให้บริการอีกด้วยนะ แม้บรรยากาศของร้านอาหารสไตล์ฟามิเรสจะค่อนข้างสงบกว่าที่อื่น แต่ถ้าจะงีบหลับอาจไม่ปลอดภัยเพราะคนเข้าออกตลอดเวลา และอาจมีมิจฉาชีพแฝงตัวเข้ามาด้วย

2.3. แวะไปร้านเช่ามังงะหรืออินเทอร์เน็ตคาเฟ่ (Internet Cafe)

2.3. แวะไปร้านเช่ามังงะหรืออินเทอร์เน็ตคาเฟ่ (Internet Cafe)

คาเฟ่แบบนี้เป็นที่แพร่หลายอย่างมากในญี่ปุ่น เราหาเจอได้ไม่ยากเลย ใช้เป็นสถานที่พักผ่อนที่สะดวกสบาย มีทั้งอินเทอร์เน็ตให้เล่น มังงะ (หนังสือการ์ตูนญี่ปุ่น) ให้อ่าน ดูหนังฟังเพลง และขนมกับเครื่องดื่มก็มี ส่วนใหญ่แล้วจะแบ่งเป็นโซนๆ ห้องๆ มีความส่วนตัวสูง และบางแห่งมีห้องอาบน้ำบริการด้วย ถ้าเลือกห้องส่วนตัวก็สามารถงีบหลับได้แม้ไม่ใช่เตียงหรือที่นอนสบายอย่างดี เป็นเพียงเก้าอี้นอนธรรมดาเท่านั้น

นอกจากนี้ เน็ตคาเฟ่บางแห่งยังมีแยกโซนชายหญิงอย่างชัดเจน ทำให้ผู้หญิงที่ตกรถไฟก็สามารถแวะเวียนไปใช้บริการได้อย่างหายห่วง

2.4. ไปเมากันต่อที่ร้านอิซากายะ (Izagaya) หรือเข้าร้านปิ้งย่าง (Yakiniku)

2.4. ไปเมากันต่อที่ร้านอิซากายะ (Izagaya) หรือเข้าร้านปิ้งย่าง (Yakiniku)

ไหนๆ ก็อยู่กันจนดึกแล้ว ดื่มกันยันเช้าก็ไม่มีใครว่าอะไร มีร้านอิซากายะหลายแห่งที่เปิด 24 ชั่วโมง เช่น ร้านอิโซมารุ ซุยซัง (Isomaru Suisan) อันเลื่องชื่อในหมู่นักท่องเที่ยวชาวไทย เป็นต้น นอกจากนี้ปัจจุบันร้านปิ้งย่างบางแห่งที่สไตล์ Local หน่อยยังเปิดให้บริการช่วงดึกเช่นเดียวกัน

ลองสั่งอะไรมากินดื่มเรื่อยๆ จนกว่าจะเช้า บรรยากาศครึกครื้นไม่มีเหงาแน่นอน อิ่มสบายแล้วก็ไปรอรถไฟเที่ยวแรกของวัน ยิ่งช่วงดึกโดยเฉพาะวันศุกร์เสาร์ คนยิ่งเยอะ ใครที่อยากสัมผัสบรรยากาศชีวิต Salary Man สไตล์ญี่ปุ่นล่ะก็ต้องเลือกอันนี้เลยค่ะ

2.5. แวะไปดูหนังที่โรงภาพยนตร์สักเรื่อง

2.5. แวะไปดูหนังที่โรงภาพยนตร์สักเรื่อง

หลายคนอาจยังไม่ทราบว่าโรงภาพยนตร์ในญี่ปุ่น บางที่เปิดให้บริการรอบดึกด้วย! นี่เป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจในการฆ่าเวลาก่อนที่จะไปรอรถไฟเที่ยวแรกของวัน เลือกดูหนังรอบดึกสักเรื่อง ใช้เวลา 2-3 ชั่วโมงเพลิดเพลินกับภาพยนตร์บนที่นั่งสบายๆ ราคาตั๋วก็อาจได้ถูกกว่ารอบกลางวัน อาจจะซื้อข้าวโพดคั่ว ขนมของกินต่างๆ น้ำสักแก้วเผื่อรับประทานควบคู่ไปกับการดูหนัง

2.6. แวะไปพักที่โรงแรมแคปซูลหรือโรงแรมม่านรูด

2.6. แวะไปพักที่โรงแรมแคปซูลหรือโรงแรมม่านรูด

สำหรับคนที่เที่ยวมาทั้งวันจนดึกก็คงเหนื่อยเพลียเยอะแล้ว อยากพักผ่อน ทางเลือกที่ดีคือหาที่นอนหลับสักตื่น ซึ่งการเช่าโรงแรมแคปซูลก็เหมาะดี โรงแรมแคปซูลมีลักษณะเป็นช่องเล็กๆ ที่มีที่นอน หมอนและผ้าห่มบริการ รวมถึงมีอินเทอร์เน็ตให้ใช้ฟรี มีปลั๊กไฟ บางแห่งอาจมีทีวีจอเล็กให้ด้วย ห้องน้ำมีให้แต่จะเป็นห้องน้ำรวม ราคาก็ไม่แพงเกินไป

หรือใครที่อยากลองประสบการณ์แปลกใหม่ในญี่ปุ่น การไปนอนโรงแรมม่านรูดเองก็ไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด (แต่อาจจะต้องมีคู่ไปด้วยนะ) ข้อดีของโรงแรมม่านรูดคือส่วนใหญ่เตียงใหญ่นอนสบาย มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน บางทียังมีอ่างน้ำใหญ่ๆ ให้อีกด้วย โดยโรงแรมประเภทนี้มีทั้งแบบคิดชั่วคราวเป็นรายชั่วโมงและคิดรายวันเลย ข้อเสียคือยิ่งดึกยิ่งหาห้องยากเพราะเต็มไวสุดๆ!

2.7. แวะไปโรงอาบน้ำสาธารณะหรือซาวน่า สปา

2.7. แวะไปโรงอาบน้ำสาธารณะหรือซาวน่า สปา

ถ้าใครรู้สึกเหนื่อย เหนียวเหนอะหนะตัวหลังจากตะลอนมาทั้งวันแล้วยังมาพลาดรถไฟอีก อยากผ่อนคลายแบบแช่น้ำ อบซาวน่า ทำสปา ก็มีโรงอาบน้ำบางแห่งที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมง บางแห่งที่ราคาสูงหน่อยก็มีร้านอาหาร บาร์ ไว้บริการด้วยให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในโรงแรมเลยล่ะ

เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งจุดหมายปลายทางได้ทั้งผ่อนคลายและได้อาบน้ำสบายๆ ไม่ต้องกลับบ้านไปสภาพเหมือนซอมบี้ตอนเช้า ที่สำคัญช่วงนี้ซาวน่ายังเป็นกิจกรรมที่ได้รับความนิยมในหมู่คนญี่ปุ่นสุดๆ ไปเลยนะ

บทส่งท้าย

เป็นอย่างไรกันบ้างคะสำหรับตัวเลือกที่เราแนะนำเมื่อเกิดตกรถไฟเที่ยวสุดท้าย น่าสนใจหลายอย่างเลยใช่ไหม เพื่อนๆ สามารถเก็บไว้เป็นข้อมูลได้เลยนะคะ เผื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินจะได้ไม่รู้สึกแพนิคและหาทางออกได้...แต่ถ้าจะให้ดีอย่าเที่ยวหรือช็อปเพลิน และขอให้ทันรถไฟเที่ยวสุดท้ายกันนะคะทุกคน

know-before-you-go