เดินเล่นโทคามาจิ (Tokamachi) ชมวิถีเมืองหิมะสุดอาร์ต จังหวัดนีงาตะ (Niigata)
นีงาตะ (Niigata) ไม่ได้มีดีแค่ลานสกี ผืนนา และรวงข้าว แต่ยังเป็นจังหวัดที่ผู้คนมีวิถีชีวิตที่เต็มไปด้วยงานศิลปะและการใช้ชีวิตท่ามกลางอากาศหนาว และครั้งนี้ทีมงาน AAJจะพาทุกคนไปชมเมืองโทคามาจิ (Tokamachi) หนึ่งในเมืองหลักของจังหวัดนีงาตะที่ชาวเมืองยังคงใช้ชีวิตในแบบอาร์ตๆ ในเมืองที่หิมะในช่วงฤดูหนาวเคยทับถมกันสูงถึง 4 เมตร!
รู้จักเมืองโทคามาจิ (Tokamachi) กันสักนิด
เมืองโทคามาจิ (Tokamachi, 十日町市) เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจังหวัดนีงาตะ (Niigata) ใกล้ๆ กับจังหวัดกุนมะ (Gunma) ใช้เวลาเดินทางจากโตเกียวประมาณสองชั่วโมงครึ่ง (รวมชินคันเซ็นและรถไฟท้องถิ่นแล้ว) ตัวเมืองนี้ถูกล้อมรอบไปด้วยภูเขาและมีแม่น้ำชินาโนะ (Shinano River) เป็นแม่น้ำสายหลักที่หล่อเลี้ยงชาวเมืองตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบัน
และด้วยความที่มีลักษณะเป็นหุบเขานี่เอง ทำให้ฤดูหนาวของเมืองโทคามาจิแห่งนี้ มีความหนาวเย็นถึง -20 องศาและมีหิมะทับถมสูงหนาถึง 2 - 3 เมตรแทบทุกปีเลยทีเดียว แต่ชาวเมืองเกือบสามหมื่นชีวิตก็สามารถปรับตัวให้เข้ากับอากาศที่หนาวขนาดนี้และใช้ชีวิตกันได้ตามปกติ เดี๋ยวเรามาดูกันว่าเค้าทำได้ยังไงนะ
นอกจากนี้ ทุกๆ สามปีเมืองโทคามาจิยังเป็นเจ้าภาพจัดงานเทศกาลศิลปะ "Echigo-Tsumari Art Triennale" ซึ่งจะมีการจัดแสดงผลงานศิลปะมากกว่า 300 ชิ้นกระจายไปทั่วทั้งเมืองโดยมีความพิเศษคือ เค้าจะจัดวางผลงานให้กลมกลืนไปกับธรรมชาติของขุนเขาและตัวเมือง ซึ่งในแต่ละเทศกาลนั้นความสวยงามของธรรมชาติก็จะขับผลงานศิลปะให้โดดเด่นขึ้นไปอีก และทุกครั้งที่มีการจัดงานก็จะมีบรรดาผู้ที่ชื่นชอบงานศิลปะเหล่านี้แวะเวียนมาเยี่ยมชมงานศิลปะไปพร้อมๆ กับเที่ยวเมืองโทคามาจิอีกด้วย
สำหรับการจัดงานในปี 2023 นี้ สามารถดูรายละเอียดได้ในเว็บไซต์ https://www.echigo-tsumari.jp/en/event/snowart_20230114_3-12/ (ภาษาอังกฤษ)
ความสัมพันธ์ของเทือกเขา ทุ่งนา และสายน้ำ
ด้วยความที่อยากรู้จักเมืองโทคามาจินี้ให้มากขึ้น เราจึงเลือกคอร์สเดินชมเมือง City Tour กับทาง Home Home Niigata ซึ่งมีข้อดีคือเราจะได้ฟังเรื่องราวและได้ชมสถานที่ต่างๆ ไปพร้อมกับไกด์ท้องถิ่นชาวญี่ปุ่นนั่นเองค่ะ ซึ่งคุณไกด์ของเราในวันนี้ก็เป็นคนพื้นที่ที่อาศัยอยู่ในเมืองโทคามาจินี้มาเป็นเวลาห้าสิบกว่าปีแล้ว เค้ามีความรัก ความภาคภูมิใจและอยากให้ทุกคนที่มาเที่ยวได้รู้ถึงความเป็นมาและความสู้ชีวิตของชาวเมืองโทคามาจิในช่วงฤดูหนาวมากๆ เลยล่ะ
เริ่มต้นจากพาไปดูแผนที่ตั้งของเมืองโทคามาจิก่อนเลย เค้าเล่าว่าเมืองนี้นะ เมื่อก่อนแทบไม่มีอะไรเลย เป็นเมืองเกษตรกรรมที่ทุกคนทำนาและใช้ท่ามกลางฤดูหนาวอย่างยากลำบาก จนกระทั่งพอหมดฤดูทำนา ชาวเมืองก็หันมาพัฒนาศิลปะงานฝีมือทำผลิตภัณฑ์จากฟางข้าวจนเพิ่มมูลค่าและหาเงินเลี้ยงชีพกันได้มากขึ้น
และด้วยความที่เมืองนี้เป็นเมืองที่ล้อมรอบด้วยภูเขาจึงทำให้มีอากาศหนาวเย็นและมีหิมะตกลงมาหนามาก แต่โชคดีที่เทือกเขานั้นเป็นแหล่งต้นน้ำที่ให้กำเนิดแม่น้ำสายใหญ่ ชาวเมืองเลยช่วยกันขุดทางเดินน้ำให้ไหลเข้ามาในเมืองเพื่อการยังชีพและการเกษตรได้ โดยในปัจจุบันได้มีการสร้างอาคารเก็บน้ำและปั๊มน้ำเอาไว้สำรองน้ำจากแม่น้ำไว้ใช้ได้ตลอดปี โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว (ตั้งอยู่บริเวณสถานีรถไฟ Tokamachi)
ถ้ามองไปตามถนน จะเห็นว่ามีเสาต้นเล็กๆ มีแถบสีแดงเหลืองคาดปักอยู่เรียงรายสองข้างทางเต็มไปหมด นั่นคือเสาที่จะคอยบอกว่าตรงนี้เป็นแนวถนนที่ใช้เดินรถได้ ซึ่งตัวเสามีความสูงราวๆ บ้านสองชั้นเลยทีเดียว นั่นแหละค่ะ ยามฤดูหนาวหิมะในเมืองโทคามาจิจะทับถมกันสูงขนาดนั้นเป็นกำแพงหิมะเลยนะ!
เมืองแห่งงานอาร์ตทุกหนแห่ง
ด้วยความที่โทคามาจิจัดว่าเป็นเมืองแห่งศิลปะ ดังนั้นไม่ว่าเราจะเดินไปตรงไหนก็จะพบผลงานศิลปะเต็มไปหมดเลยล่ะค่ะ ซึ่งผลงานเหล่านี้มีทั้งของศิลปินชาวญี่ปุ่นและชาวต่างประเทศที่มีชื่อเสียง (บรรดาแฟนผลงานศิลป์จะรู้จักกันดี) อย่างในรูปนี้เป็นผลงานที่แสดงอยู่ระหว่างทางเดินของสถานีรถไฟใต้ดินสถานี Tokamachi มีทั้งงานปั้น งานแกะสลัก และงานภาพวาด
คุณไกด์เล่าให้ฟังว่า งานภาพวาดบนกระเบื้องนี้เป็นภาพที่แสดงถึงวิถีชีวิตในสมัยก่อนของชาวเมืองที่พึ่งพาการทำนาเป็นหลัก ด้านหลังเป็นแนวเขาที่ล้อมรอบตัวเมืองและมีแม่น้ำที่ไหลมาจากภูเขา ชาวเมืองเหล่านั้นอาศัยอยู่กับธรรมชาติอย่างกลมกลืน เรียกได้ว่าในน้ำมีปลาในนามีข้าวเหมือนของประเทศไทยเลยค่ะ
นอกจากนี้ ยังมีผลงานอีกมากมายที่ถูกจัดแสดงเอาไว้ตามที่ต่างๆ ในสถานีและระหว่างทางเดิน ไม่ว่าจะเป็นบริเวณป้ายบอกทาง เก้าอี้นั่ง หรือเสาไฟ
เมืองแห่งหิมะที่เคยทับถมจนสูงถึง 4 เมตร
เพื่อยืนยันความขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองแห่งหิมะ คุณไกด์ได้พาเราเดินมาดูแผงแสดงระดับความสูงของหิมะที่ทับถมกันในเมืองโทคามาจิที่มีการบันทึกลงในประวัติของเมืองมากว่าหลายสิบปี โดยแผงนี้ตั้งอยู่ในบริเวณสวน Tokamachi Ekihigashiguchi Park หน้าสถานีโทคามาจิ ซึ่งจุดที่สูงที่สุดที่มีการบันทึกไว้ก็คือ 4 เมตร!
คุณไกด์เล่าว่าเป็นช่วงปีที่เค้าเกิดพอดิบพอดี และคุณแม่ของเขาซึ่งกำลังจะคลอดต้องเดินจากทางตัวเมืองโทคามาจิไปยังโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้ที่สุดระยะทางกว่าห้ากิโลเมตรด้วยรถเข็นเลื่อนแบบที่เห็นในภาพเลยค่ะ สมัยนั้นรถยนต์สัญจรบนพื้นถนนที่มีหิมะหนาขนาดนี้ไม่ได้แน่นอน
และบริเวณฐานของแผงแสดงความสูงของหิมะนี้ก็ยังอุตส่าห์แอบมีรูปปั้นเด็กๆ ที่กำลังต่อสู้กับความหนาวเย็นยืนอยู่กันสามคนด้วยค่ะ นอกจากเป็นที่บันทึกประวัติศาสตร์แล้วยังเป็นผลงานศิลปะที่มีความสวยงามและใช้ประโยชน์ได้จริงอีกด้วย ดีจังเลยนะ
วัดชิเซ็นจิ (Chisenji Temple):วัดพุทธที่แฝงตัวอยู่อย่างสงบตั้งแต่ก่อนยุคเอโดะ
จากนั้นเราเดินมุ่งหน้าไปยังวัดชิเซ็นจิ (Chisenji Temple) ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากสถานีนัก โดยวัดชิเซ็นจิเป็นวัดของศาสนาพุทธที่ถูกสร้างขึ้นใหม่ในยุคสมัยเอโดะ (Edo) พร้อมกับองค์พระโพธิสัตว์พันมือและเหล่ารูปปั้นจิโซอีกนับร้อยองค์ที่คอยปกปักษ์รักษาชาวเมืองมานับร้อยปี ซึ่งทั้งหมดนี้ถือเป็นสมบัติสำคัญของเมืองโทคามาจิ (องค์พระโพธิสัตว์ถูกประดิษฐานเอาไว้ในตัวอาคารหลัก ไม่ได้ถูกนำมาแสดงโดยทั่วไป) และวัดนี้ยังมีชื่อเสียงด้านการจัดสวนหินแบบญี่ปุ่นซึ่งมีความสวยงามและเป็นไปตามหลักฮวงจุ้ย คือด้านหน้าเป็นแม่น้ำ และด้านหลังเป็นภูเขา อีกด้วย
เมื่อมาถึงตรงนี้ คุณไกด์ก็ชี้ให้เราดูโครงไม้ไผ่ที่มีลักษณะเป็นรูปทรงกรวยซึ่งสร้างคลุมต้นไม้ที่มีกิ่งก้านสวยงามเช่น ต้นสน เอาไว้ เค้าบอกว่าที่ชาวเมืองทำแบบนี้ก็เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้หิมะตกลงบนกิ่งไม้ตรงๆ ซึ่งจะทำให้กิ่งไม้รับน้ำหนักไม่ไหวและหักโค่นลงมาได้ แต่หากทำเป็นทรงกรวยหิมะก็จะค่อยๆไหลลงไปที่โค้นต้นไม้แทน ซึ่งวิธีการแบบนี้ก็จะช่วยรักษาให้ต้นไม้ที่มีอายุนับร้อยปีอยู่ต่อไปได้แม้ว่าจะมีหิมะตกลงมาทับถมจนสูงสองหรือสามเมตรก็ตาม
นอกจากนี้ จุดเด่นอีกอย่างของวัดชิเซ็นจิก็คือ ประตูวัด ซึ่งเป็นประตูไม้โบราณที่ว่ากันว่าทำจากต้นเซลโควา (Zelkova) ขนาดใหญ่มากเพียงต้นเดียว ซึ่งต้นเซลโควานี้สามารถพบเห็นได้ในประเทศญี่ปุ่น เป็นต้นไม้ที่มีลำต้นมีขนาดใหญ่สูงตั้งแต่ 10 ถึง 30 เมตร เนื้อไม้มีลักษณะแข็งและมีเปลือกไม้ที่ให้สีอบอุ่น
เมืองที่แม้แต่ถนนคนเดินก็ยังอบอุ่น
เมื่อเดินออกจากประตูวัดมาอีกฝั่งหนึ่ง เราก็จะเห็นวิวเมืองโทคามาจิฝั่งที่เป็นถนนคนเดินค่ะ สิ่งแรกที่สะดุดตาเลยก็คือ ฟุตบาทสำหรับคนเดินที่มีขนาดกว้างมาก และคุณไกด์ก็กระซิบบอกเราถึงความพิเศษของฟุตบาทของเมืองนี้ว่า...เป็นพื้นถนนแบบอุ่นได้!
ใช่ค่ะ ทุกคนอ่านไม่ผิด ที่เมืองโทคามาจิเป็นฟุตบาทแบบอุ่นจริงๆ ซึ่งความอุ่นที่ว่านี้มาจากท่อน้ำที่ไหลอยู่บริเวณใต้ดินซึ่งจะเปลี่ยนเป็นน้ำร้อนเมื่อถึงฤดูหนาว และทำหน้าที่คอยละลายหิมะไม่ให้จับตัวกันเป็นแผ่นหนา ทำให้ผู้คนสัญจรบนฟุตบาทแห่งนี้ได้อย่างสะดวกสบาย และเมื่อหิมะละลายก็จะกลายเป็นน้ำไหลกลับลงไปในท่อระบายน้ำและถูกดึงเข้าสู่ระบบหมุนเวียนน้ำของเมืองแห่งนี้อีกที
ซึ่งค่าใช้จ่ายในการทำน้ำร้อนและทำระบบหมุนเวียนน้ำนี้ เมื่อเทียบกับค่าแรงในการจ้างคนมาโกยหิมะนับว่าถูกกว่ากันมากๆ และการทำเช่นนี้สามารถลดอัตราการเกิดอุบัติเหตุจากการลื่นล้มบนหิมะได้อีกด้วย
เมืองที่ทุกตารางนิ้วคืองานศิลปะ
บรรยากาศโดยทั่วไปของเมืองโทคามาจิเป็นเมืองที่ค่อนข้างเงียบสงบ ผู้คนส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ แต่อาคารบ้านเรือนเต็มไปด้วยงานดีไซน์ ศิลปะและงานฝีมือ
อย่างอาคารสีเทาในรูปมองเผินๆ ดูเป็นอาคารธรรมดาแต่ก็มีการออกแบบโซนสำหรับแปะป้ายประกาศด้วยกรอบสีน้ำเงินแต่งพื้นเป็นลายไม้ให้ดูมีดีเทลมากขึ้น และรู้หรือไม่ว่า นี่คืออาคารที่เป็นท่อส่งน้ำร้อนที่ออกแบบให้กลมกลืนไปกับบ้านเรือนและร้านค้าได้แนบเนียนอย่างไม่น่าเชื่อ ด้านข้างมีท่อยื่นออกมาด้านนอกสำหรับส่งน้ำร้อนออกมาเพื่อละลายหิมะเมื่อมีหิมะตกหนักในเมือง
ส่วนอาคารชั้นเดียวสีฟ้าเป็นห้องเก็บอุปกรณ์สำหรับกวาดหิมะที่ก็มีงานศิลปะเป็นภาพวาดผู้คนที่กำลังเล่นกันอย่างสนุกสนานลงไปบนกำแพงด้านนอกด้วย
คุณไกด์เล่าให้เราฟังว่า ด้วยความที่โทคามาจิเป็นเมืองเล็กคนหนุ่มสาวจึงไปหางานทำในตัวเมืองใหญ่กันเสียมากกว่า การตกแต่งตัวอาคารด้วยศิลปะก็ทำให้ตัวเมืองดูครึกครื้นไม่เงียบเหงาจนเกินไป แต่ทุกๆ ปีช่วงเทศกาลฤดูร้อนและฤดูหนาวเมืองโทคามาจิจะกลับมาคึกคักเพราะมีงานเทศกาลประจำปีในช่วงนั้น
เมืองแห่งความผสมผสานที่หลากหลาย
ถัดจากวัดไม่ถึงสิบนาทีก็เจอสี่แยกใหญ่ คุณไกด์พาเราเลี้ยวซ้ายแล้วเดินมาเรื่อยๆ ตามถนน Komo Street ซึ่งเป็นลักษณะถนนย่านค้าขายที่มีเสาสีฟ้าเรียงๆ กันเป็นทางยาวและมีกันสาดบังแดดบังฝนสำหรับอำนวยความสะดวกให้กับผู้คนที่มาเดินดูร้านรวงต่างๆ (ซึ่งวันนี้มีร้านเปิดไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่) แต่ก็มีทั้งร้านอาหาร ร้านเสื้อผ้า และร้านขายของจิปาถะซึ่งโดยส่วนมากเป็นกิจการเล็กๆ คูหาเดียว
เราสังเกตเห็นว่าถนนเส้นนี้มีธงชาติของประเทศอิตาลีติดอยู่เต็มไปหมด แถมร้านอาหารอิตาลีก็เยอะด้วย ซึ่งคุณไกด์ก็พูดติดตลกว่า เป็นเพราะคนแถวนี้เค้าชอบงานศิลปะกันน่ะ และอิตาลีก็เป็นประเทศที่เสพย์งานศิลป์กันอย่างแพร่หลายด้วย ก็เลยอยากจะยกระดับเมืองนี้ให้เป็นระดับโลกกันโดยการติดธงและเปิดร้านอาหารต่างประเทศกันใหญ่
แต่ญี่ปุ่นก็ยังคงรักความเป็นญี่ปุ่นอยู่ดี เพราะเมื่อถึงเวลาร้านปิดประตูเหล็กลงมา เรากลับเห็นมีแต่งานวาดที่บ่งบอกถึงความเป็นญี่ปุ่นอยู่บนนั้นทั้งนั้นเลยค่ะ
ประตูเหล็กที่เมื่อถูกปิดก็จะเปิดเผยความสวยงามออกมา
นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของภาพวาดบนประตูเหล็กของร้านรวงต่างๆ ที่จะเผยความงามให้เห็นเมื่อหลังเวลาที่ร้านปิดแล้วเท่านั้น บอกเลยว่าแต่ละภาพฝีมือไม่ธรรมดาจริงๆ โดยเฉพาะภาพวาดผืนนาและภูเขาที่มีลวดลายแบบญี่ปุ่นโบราณ (เป็นลายแบบเดียวกับที่เราเห็นในชุดคอสตูมตัวละครของอะนิเมะเรื่อง Kimetsu no Yaiba เลยค่ะ)
ซึ่งร้านค้าต่างๆ แทบจะทั้งย่านช้อปปิ้งสตรีทนี้พร้อมใจกันวาดรูปลงบนประตูเหล็ก ซึ่งดูแล้วน่าจะเป็นแต่ละแนวที่เจ้าของผลงานชื่นชอบ พอมาอยู่รวมกันแล้วก็เลยเกิดเป็นงานศิลปะที่มีความหลากหลายแต่ลงตัวพอดิบพอดีกันค่ะ นอกจากนี้ตามพื้นหรือตามเก้าอี้ยังมีงานปั้นหรืองานหล่อเหล็กเป็นรูปสัตว์นานาชนิดและรูปปั้นของคนที่ทำท่าทางแตกต่างกันไปตามจินตนาการวางอยู่โดยทั่วไปอีกด้วยนะ
เมืองแห่งความสร้างสรรค์
ระหว่างทางเดินเราก็เจอสิ่งน่าสนใจมากมาย อย่างเช่น แม้ว่ากาลเวลาและหน้าตาของตัวเมืองจะเปลี่ยนไป แต่ธนาคาร Daishi Hokuetsu Bank ก็ยังคงอยู่คู่กับเมืองโทคามาจิมาตั้งแต่ปี 1873 (ป้ายสีน้ำเงิน) ต้องขออภัยที่เราถ่ายรูปธนาคารมาให้ดูไม่ได้
ส่วนอีกอย่างที่น่าสนุกดีคือศาลเจ้า (?) เป็นประตูโทริอิขนาดเล็กที่พิงอยู่ข้างทางพร้อม QR Code ให้เราแสกนแล้วก็ลุ้นเซียมซีกันได้ง่ายๆ ผ่านมือถือเลย อันนี้ไอเดียดีนะ ส่วนรูปสุดท้ายเป็นผ้ากิโมโนลวดลายสวยงามที่แขวนตกแต่งอยู่หน้าร้านขายเครื่องใช้ในบ้าน ซึ่งทำให้เรานึกขึ้นได้ว่า จริงๆ แล้วเมืองโทคามาจิเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงในการทำผ้ากิโมโนด้วยนะ
เมืองแห่งอดีต ปัจจุบัน และความเสียสละเพื่อส่วนรวม
และอีกสิ่งหนึ่งที่เรารู้สึกประทับใจในเมืองโทคามาจิก็คือ การผสมผสานระหว่างความเป็นเมืองแบบปัจจุบันกับเมืองในอดีตเข้าด้วยกันและความเสียสละของชาวเมือง
ระหว่างที่เดินเล่นบนถนนย่านช้อปปิ้งอย่าง Komo Street เราจะสามารถเห็นอาคารบ้านเรือนที่สร้างด้วยไม้ในแบบสมัยเก่าอยู่ด้วย ซึ่งในอดีตถนนฟุตบาทของถนนคนเดินนั้นเดิมเป็นพื้นที่ส่วนบุคคลของแต่ละบ้าน แต่เมื่อทางเมืองต้องการปรับปรุงภูมิทัศน์ให้ดูสวยงามทันสมัย และสามารถอำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวได้ด้วย ชาวเมืองต่างก็ยอมเสียสละพื้นที่ส่วนบุคคลบริเวณหน้าบ้านให้เป็นพื้นที่ทางเดินส่วนรวม
ส่วนถนนสายเล็กๆ ที่เชื่อมเข้าไปในแต่ละบ้านยังคงเป็นถนนสายดั้งเดิมที่เป็นพื้นที่ส่วนบุคคลอยู่ จึงมีขนาดที่เล็กกว่าถนนสายหลักแต่ทางเมืองก็ยังช่วยดูแลซ่อมบำรุงให้อยู่
บ้านโบราณคู่บ้านคู่เมืองอายุกว่าร้อยปี
อีกหนึ่งไฮไลต์ของทัวร์นี้คือบ้านโบราณอายุกว่าร้อยปีในย่านมิซูโนโจว (Mizunocho) ซึ่งเป็นบ้านแบบดั้งเดิมที่ทำจากไม้ทั้งหลัง มีรูปทรงที่เป็นเอกลักษณ์ของจังหวัดนีงาตะ โดยบ้านหลังนี้ได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นสมบัติของเมือง จึงมีการปรับปรุงและซ่อมแซมอยู่เสมอ อีกทั้งเจ้าของบ้านยังคงใช้อาศัยอยู่จริงด้วย เราจึงถ่ายได้แต่เฉพาะภายนอกบ้านค่ะ
บ้านลักษณะนี้มีความทนทานต่ออากาศหนาวได้ดี แต่มีข้อเสียคือค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาค่อนข้างสูงมาก ปัจจุบันบ้านโบราณลักษณะนี้หลายหลังได้ถูกปล่อยร้างในพื้นที่นอกตัวเมืองเพราะรุ่นลูกหลานไม่มีกำลังทรัพย์เพียงพอที่จะซ่อมบำรุงนั่นเองค่ะ
ความเจริญในช่วงหนึ่งอายุคน
ระหว่างที่เดินชมเมืองไป คุณไกด์ก็หยิบภาพถ่ายเมืองโทคามาจิในอดีตมาให้เราดูพร้อมกับเล่าให้ฟังว่า เมื่อสมัยแปดสิบปีก่อนย่านตัวเมืองโทคามาจิไม่ได้มีถนนหนทางและย่านการค้าที่เจริญแล้วแบบนี้หรอกนะ ถนนในเมืองเป็นเพียงถนนลูกรัง และผู้คนก็อาศัยการเดินเท้ามากกว่ารถยนต์ ส่วนร้านค้าต่างๆ ก็มีเพียงไม่กี่สิบร้านเท่านั้น
แต่ด้วยความที่ชาวเมืองและผู้ว่าฯ ต่างก็อยากพัฒนาให้เมืองโทคามาจิเป็นเมืองที่สะดวกสบายและอยู่อาศัยได้อย่างสะดวกสบาย ทุกคนจึงช่วยกันปรับปรุงและดูแลเมืองไปด้วยกัน อะไรที่เสียสละเพื่อตัวเมืองได้ชาวเมืองก็พร้อมที่จะทำ ผู้คนและรัฐต่างก็พึ่งพาอาศัยกันและกัน ส่วนบางอย่างที่เป็นของเก่าและอยากอนุรักษ์ไว้ อย่างเช่น โรงแรมเรียวกังคู่บ้านคู่เมืองที่เปิดมาแล้วกว่า 90 ปี ผู้ว่าฯก็พร้อมสนับสนุนงบประมาณในการดูแลและปรับปรุง
ทางเดินและสายน้ำเล็กๆ ที่เป็นเส้นเลือดของตัวเมืองใหญ่
และแล้วคณะทัวร์ของเราก็เดินทางมาถึงโค้งสุดท้ายแล้วหลังจากที่ใช้เวลาเที่ยวชมเมืองอยู่ประมาณสองชั่วโมงกว่าๆ แต่กลับรู้สึกว่าเวลาผ่านไปเร็วมาก
คุณไกด์ได้พาเรามาเดินชมถนนเส้นทางดั้งเดิมของเมืองโทคามาจิ ซึ่งมีขนาดเล็กราวหนึ่งเมตรเท่านั้น โดยบริเวณข้างทางมีทางระบายน้ำซึ่งน้ำใสมากๆ ทำหน้าที่ส่งน้ำจากอาคารปั๊มน้ำที่ได้เล่าไปด้านบนไหลไปตามที่ต่างๆ ในตัวเมือง ผ่านทั้งทางท่อระบายน้ำซึ่งจะเป็นน้ำร้อนช่วยในการละลายหิมะ ทำหน้าที่เสมือนเส้นเลือดฝอยที่คอยหล่อเลี้ยงเมืองโทคามาจิให้ดำเนินไปได้อย่างราบรื่น
และแน่นอนว่า ขนาดงานที่กั้นหน้าต่างที่ทำไว้เพื่อไม่ให้หิมะมาเกาะบริเวณกระจกก็ยังออกแบบมาให้ดูสวยงาม เรียบง่ายสไตล์มินิมอลสมกับที่เป็นเมืองอาร์ตตัวตึงแห่งจังหวัดนีงาตะ
บทส่งท้ายและรายละเอียดต่าง ๆ ของ Tokamachi City Tour กับ Home Home Niigata
วันนี้คอร์สทัวร์เมืองโทคามาจิ (Tokamachi) ก็ได้จบลงแล้วค่ะ โดยพวกเราใช้เวลาไปทั้งหมดสองชั่วโมงครึ่ง เรียกได้ว่าเป็นช่วงเวลาที่เต็มอิ่มได้ทั้งความรู้ เรื่องราว และประสบการณ์ที่ดีต่อเมืองนี้เพิ่มขึ้นแบบเต็มคาราเบล
จากเดิมที่เรารู้จักแค่เพียงว่าเป็นเมืองแห่งงานศิลป์ที่มีหิมะหนามากในฤดูหนาว กลับกลายเป็นว่า โทคามาจิเป็นเมืองที่เป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวเมือง และทุกกระบวนในการพัฒนาเมืองนี้ได้ถูกกลั่นกรองมาแล้วเป็นอย่างดีจากทั้งชาวเมืองและรัฐบาล รวมทั้งความเจริญที่เกิดขึ้นได้เพราะร่วมใจกันเสียสละเพื่อประโยชน์ของส่วนรวม
สำหรับการมาเที่ยวนีงาตะครั้งต่อไปของเพื่อนๆ นอกจากโปรแกรมไปลานสกีแล้ว อย่าลืมแวะเวียนมาเที่ยวเมืองแห่งศิลปะอย่างโทคามาจิ (Tokamachi) กันนะคะ ไม่ว่าจะเป็นคนที่ชอบสายงานศิลปะ คนที่ชอบถ่ายภาพพอร์ตเทรต หรือคนที่ชอบการท่องเที่ยวแบบใกล้ชิดวิถีชีวิตชาวญี่ปุ่นแบบโลคอลก็มาสัมผัสมนต์เสน่ห์ของเมืองอาร์ตและเมืองหิมะแห่งนี้ได้เช่นกัน โดยเฉพาะช่วงหน้าหนาวที่ทั้งเมืองจะกลายเป็นเมืองหิมะน่าจะยิ่งสวยเลยค่ะ
สำหรับรายละเอียดต่าง ๆ ของโปรแกรมทัวร์นี้ ดูได้ตามข้อมูลด้านล่างนี้
・เว็บไซต์สำหรับจองโปรแกรมทัวร์ ([Experience] Feel the history and culture of Tokamachi, a town of snow and kimono. Town walking experience) https://homehome.jp/tours/walkingtour/ (ภาษาญี่ปุ่น)
・ราคาเข้าร่วม:3,000 เยน / คน
※ สามารถเปิดทัวร์ได้หากมีผู้เข้าร่วมตั้งแต่สองคนขึ้นไป และต้องจองคอร์สล่วงหน้าผ่านช่องทางออนไลน์ก่อนเท่านั้น
สำหรับโปรแกรมเวิร์คช็อปรองเท้าผ้าจากฟางข้าวกับ Home Home Niigata ที่เราเคยนำเสนอไปก่อนหน้านี้ ดูได้ที่
https://allabout-japan.com/th/article/11049/
นอกจากนี้ยังมีโปรแกรมทัวร์และเวิร์คช็อปที่น่าสนใจอื่น ๆ อีกมากมาย ดูได้ที่
・เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ Home Home Niigata:https://homehome.jp/en/ (ภาษาอังกฤษ)