รีวิว Nagoya Women’s Marathon 2022 แบบละเอียด!
ประสบการณ์วันแข่ง
แม่บ้านตื่นตั้งแต่ 6 โมงเช้า เปลี่ยนเป็นชุดวิ่ง เตรียมกระเป๋า และถุงสำหรับใส่ของที่จะฝาก ซึ่งเป็นเสื้อผ้าที่จะเปลี่ยนหลังไปออนเซ็น นักกีฬาหลายคนที่ไม่นำกระเป๋าใบใหญ่ไปวิ่งก็เอากระเป๋าใส่ถุงฝากของ ถุงฝากของมีขนาดใหญ่มาก ความสูง 60 เซนติเมตร ความกว้าง 15 เซนติเมตร และก้นถุงกว้าง 15 เซนติเมตร สามารถใส่เป้ใหญ่ ๆ ได้สบายเลยค่ะ
หลังจากเตรียมตัวอย่างเงียบเชียบ (กลัวลูกตื่น) ก็เดินทางโรงแรมเดินทางมายัง Vantelin Dome ใช้เวลา 50 นาทีโดยประมาณ วันวิ่งมีอุญหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ 15 องศาเซลเซียส มีแดดเป็นบางช่วงแต่ไม่แรงมากนัก เป็นวันที่อากาศดีมากสำหรับการวิ่งมาราธอน ช่วงเช้าหนาวหน่อย แต่สาย ๆ ถอดเสื้อกันลม ใส่แขนสั้นวิ่งสบาย ๆ ค่ะ
ระหว่างเตรียมตัวรออยู่ที่บล็อกวิ่งก็เดินไปเข้าห้องน้ำ 2 ครั้ง ห้องน้ำเยอะมาก กระจายอยู่ทั่วบริเวณ นับเล่น ๆ น่าจะเกิน 300 ห้องได้ รอคิวไม่นาน มีโต๊ะวางขวดเจลแอลกอฮอล์และทิชชู่เปียกสำหรับเช็ดลูกบิดประตู ด้านหลังมีที่ล้างมือพร้อมสบู่ให้ สะอาดปลอดภัยมาก พอกลับมาจากห้องน้ำพิธีเปิดก็ได้เริ่มต้นขึ้น เพลงชาติถูกร้องโดย Yuki Koyanagi เป็นเสียงที่ทรงพลังมาก ฟังแล้วฮึกเหิม ทุกคนปรบมือกันอย่างคับคั่ง
แม่บ้านอยู่บล็อก K พอเริ่มปล่อยตัวนักวิ่งทั่วไปบล็อก K ก็สิ่งตามบล็อก J ไปอย่างเอื่อย ๆ เพราะยังอยู่ในช่วงคอขวด โดยมีเจ้าหน้าที่ประจำบล็อก K ซ้ายขวา 2 คนถือเชือกขนาดใหญ่เพื่อให้อยู่ในระนาบเดียวกัน พอถึงจุดปล่อยตัวหน้าจุด Start เจ้าหน้าที่คนนึงก็ปล่อยเชือก อีกคนก็ดึงเชือกออก เริ่มจับเวลาเมื่อเราวิ่งผ่านจุด Start (มีเซนเซอร์ตรงพื้น และมีตามระยะเพื่อวัดเวลาของเรา)
5 กิโลเมตรแรกยังคงไม่มีโต๊ะน้ำให้บริการ แต่มีห้องน้ำอยู่เรื่อย ๆ ตลอดทาง แม่บ้านด้วยความลืมซื้อน้ำก่อนเข้าที่ฝากสัมภาระ (เข้าแล้วออกไม่ได้ เดินย้อนศรก็ไม่ได้จ้า) รู้สึกคอแห้งมาก เลยใส่เกียร์หมาวิ่งจนพ้น 5 กิโลเมตร ก็เจอสเตชั่นน้ำโต๊ะแรกวิ่งเข้าไปจ้วงมา 2 แก้ว สดชื่นนน แล้วก็วิ่งต่อไป
ถนนมีการปิด 100% รถยนต์ต้องไปใช้เส้นทางอื่น ส่วนคนเดินถนนและผู้ที่ใช้จักรยานต้องการข้ามทางที่นักวิ่งวิ่งกันอยู่ก็มีสะพานลอยตลอดทาง สังเกตว่าสะพานลอยนาโกย่ามีทางลาดตรงกลางเพื่อที่จักรยานสามารถเข็นขึ้นสะพานลอยได้ด้วย ดีไซน์ได้ดีมาก ๆ โดนจะมีเจ้าหน้าที่ของงานวิ่ง 2-4 คนประจำอยู่ทุกสะพานลอย เพื่อคอยช่วยเหลือผู้ที่ต้องการข้ามสะพานลอยตลอด อย่างการช่วยยกจักรยานหรือยกของ ส่วนข้างทางจะถูกเทปพันตามแนวรั้วเพื่อกันระหว่างนักวิ่งและบุคคลทั่วไป มีเจ้าหน้าที่ทุก 200-300 เมตร มาตรฐานดีงามแบบ Tokyo Marathon
วิ่งไปสักพัก ก็เห็นนักกีฬา Elite ชาย เริ่มวิ่งตามหลังมาอยู่ถนนฝั่งตรงข้าม (Nagoya Women's Marathon ใช้ถนนทั้งสองฝั่งตลอดการวิ่ง เมื่อเราวิ่งจนถึงจุด U-turn เราจะมองเห็นคนที่ตามหลังมาอีกฝั่งนึงของถนน) ซึ่งงาน Nagoya Women's Marathon มีการสร้างสีสันโดยการมีนักวิ่งชายร่วมวิ่งด้วยแต่เป็นระยะ Half Marathon (21 กิโลเมตร)
พอเห็นกลุ่มนักวิ่งชายใจมันก็กระชุ่มกระชวยอ่ะเนอะ ฮาาา และมีกองทัพนักวิ่งระยะ Mini Marathon (10 กิโลเมตร) ปล่อยตัวหลังนักวิ่งชายอีกที วิ่งไปเรื่อย ๆ เจ้าหน้าที่ก็เริ่มทำการแบ่งถนนเป็นสองฝั่ง คือฝั่งของนักวิ่งชายและนักวิ่งหญิง วิ่งคู่กันไปจนถึง 21 กิโลเมตร ถึงเวลาที่เราจะต้องโบกมือลาผู้ชายแล้ววิ่งต่อไปอีกครึ่งทางที่ยังเหลือ แหม อยากให้วิ่งไปด้วยกันนาน ๆ สัก Ultra Half 30 กิโลเมตรจะได้ใจฟูอีกหน่อย
จุด 21 กิโลเมตรนี้แหละที่แม่บ้านตะคริวกิน! (ผู้หายกำลังใจหมด) ก็พยายามแบกสังขารไปเรื่อย ๆ เดินสลับวิ่ง วิ่งไปสักพักตะคริวกินกล้ามเนื้อเกร็งตัวเหมือนจะขาดจากกันก็เดินต่อ พบว่าเพื่อน ๆ นักวิ่งจำนวนมากก็ประสบชะตากรรมเดียวกัน เกาะกันไป
พอถึงจุดย้อนกลับหลังปราสาทนาโกย่า (กิโลเมตรที่ 30) ก็เห็นรถบัสหลายคันขับเอื่อย ๆ ตามกันมา นั่นคือรถบัส Cut-off ผู้ที่วิ่งไม่ทันตามเวลา ผู้ที่วิ่งไม่ทัน วิ่งช้าเกินไปจะถูกรถบัสเก็บเกี่ยวขึ้นไปนั่งสวย ๆ DNF (Do Not Finish) ซึ่งจะไม่ได้เหรียญรางวัลและของที่ระลึก แม่บ้านเห็นแล้วก็ฮึดวิ่งต่อไป เราจะต้องรอด!!!