All About Japan

แนะนำ 5 ออนเซ็นยอดนิยมในฤดูหนาว ฉบับทั่วประเทศ

ออนเซ็น หิมะ
แนะนำ 5 ออนเซ็นยอดนิยมในฤดูหนาว ฉบับทั่วประเทศ

การแช่ออนเซ็นเป็นวัฒนธรรมหนึ่งของชาวญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียงมายาวนาน แหล่งแช่ออนเซ็นชื่อดังมีกระจายอยู่อย่างมากมายทั่วประเทศ ยิ่งช่วงนี้เป็นฤดูหนาวที่เหมาะกับการแช่อนเซ็นพร้อมชมทิวทัศน์สวยๆ ครั้งนี้จึงจะพาไปแนะนำอนเซ็นที่คนนิยมไปด้วยกัน 5 แห่ง จะมีที่ไหนบ้างไปชมพร้อมๆ กันเลยดีกว่า

รู้ไว้ไม่เสียหาย:กฎระเบียบในการแช่ออนเซ็นในประเทศญี่ปุ่น

รู้ไว้ไม่เสียหาย:กฎระเบียบในการแช่ออนเซ็นในประเทศญี่ปุ่น

https://pixta.jp/

การแช่ออนเซ็น (Onsen) หรือบ่อน้ำพุร้อนเป็นวัฒนธรรมเก่าแก่ที่มีมาแต่ช้านานของชาวญี่ปุ่น เรียกได้ว่าเป็นเสน่ห์และเอกลักษณ์สำคัญอีกอย่างหนึ่งที่หากใครได้มาเยือนประเทศญี่ปุ่นแล้วไม่ควรพลาด สำหรับการแช่ออนเซ็นนั้นก็มีกฎระเบียบและข้อควรปฏิบัติให้ถูกต้องตามธรรมเนียมของญี่ปุ่น ดังนั้น ผู้ใช้บริการก็ควรใส่ใจทำตามกฎพื้นฐานของการใช้ออนเซ็น ดังนี้

- หากเป็นผู้มีรอยสัก ควรตรวจสอบให้ดีก่อนใช้บริการเนื่องจากบางแห่งไม่อนุญาตให้ผู้ที่มีรอยสักลงแช่ออนเซ็น
- ห้ามทำการบันทึกภาพภายในออนเซ็น นอกเสียจากว่าจะได้รับอนุญาต
- ไม่ควรแช่ออนเซ็นหลังจากรับประทานอาหารอิ่มมาใหม่ๆ หรือหลังดื่มแอลกอฮอล์
- ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง ผู้ป่วยโรคหัวใจ ผู้ป่วยโรคเบาหวาน ผู้ป่วยโรคผิวหนัง ผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์ ผู้หญิงที่มีประจำเดือน และผู้ที่เป็นโรคติดต่อที่อาจติดต่อได้จากสารคัดหลั่งต่าง ๆ ในร่างกาย ไม่ควรลงแช่ออนเซ็น เพราะอาจเป็นอันตรายได้
- ควรชำระล้างตัวให้สะอาดก่อนแช่ออนเซ็น
- ไม่นุ่งผ้าเช็ดตัวหรือผ้าขนหนู หรือสวมชุดว่ายน้ำลงแช่ออนเซ็นหากสถานที่ให้บริการออนเซ็นนั้นไม่อนุญาต
- ห้ามนำอาหารหรือเครื่องดื่มเข้าไปรับประทานภายในออนเซ็น

แนะนำ 5 ออนเซ็นยอดนิยมจากทั่วประเทศที่เหมาะกับช่วงฤดูหนาว

1. กินซัง ออนเซ็น (Ginzan Onsen):ภูมิภาคโทโฮคุ (Tohoku Area)

1. กินซัง ออนเซ็น (Ginzan Onsen):ภูมิภาคโทโฮคุ (Tohoku Area)

https://pixta.jp/

เมื่อคิดจะแช่ออนเซ็นในฤดูหนาว เมืองออนเซ็นแห่งแรกที่คนญี่ปุ่นนึกถึงก็คือ "กินซัง ออนเซ็น" (Ginzan Onsen) เพราะนอกจากสรรพคุณของน้ำพุร้อนที่นี่ช่วยเรื่องบาดแผลไฟไหม้ โรคผิวหนังเรื้อรัง โรคเกี่ยวกับภาวะหลอดเลือด เส้นประสาท ปวดกล้ามเนื้อ ปวดข้อ และอาการเมื่อยล้าต่างๆ แล้ว ยังติดอันดับจุดถ่ายรูปทัศนียภาพในฤดูหนาวที่งดงามอีกด้วย

กินซัง ออนเซ็น ตั้งอยู่ที่เมืองโอบานาซาวะ (Obanazawa) จังหวัดยามางาตะ (Yamagata) เดิมที่นี่เคยเป็นเหมืองแร่เงิน พอหลังจากปิดเหมืองไปก็ปรับปรุงให้เป็นเมืองออนเซ็นสำหรับคนมาเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจ อาคารบ้านเรือนโบราณทำจากไม้ เป็นอาคารไม่สูงมาก มีแค่3 - 4 ชั้น มีกลิ่นอายของยุคไทโช เมื่อเข้ามาในเมืองจะรู้สึกเหมือนย้อนเวลากลับสู่อดีตเลยทีเดียว และแวดล้อมด้วยธรรมชาติ มีแม่น้ำไหลผ่านกลางหมู่บ้าน เมื่อหิมะตกในฤดูหนาวจนหิมะสีขาวบริสุทธิ์ปกคลุมตามหลังคาและทางเดินทั่วเมืองก็กลายเป็นภาพฉากที่งดงามจนถูกใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องโอชิน (Oshin) ที่มีชื่อเสียง ภายในเมืองมีบ่อออนเซ็นแช่เท้าฟรีตามจุดต่างๆ รอบเมือง และมีออนเซ็นสาธารณะให้บริการ 2 แห่งคือชิโรงาเนะยุ (Shiroganeyu) กับโอมาคาเงะยุ (Omakageyu) สามารถเดินเที่ยวชมวิวหิมะสวยๆ ไปจนถึงน้ำตกที่สูงราว 22 เมตรซึ่งกลายเป็นน้ำแข็งสวยงาม

การเดินทาง : ตั้งต้นจากสถานีโตเกียว (Tokyo Station) สามารถนั่งรถไฟยะมะงะตะชินคังเซ็น (Yamagata Shinkansen) ไปลงที่สถานีโออิชิดะ (Oishida Station) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง 40 นาที แล้วนั่งรถบัสต่อไปที่กินซัง ออนเซ็นอีกประมาณ 40 นาที

2. นิวโตออนเซ็นเคียว (Nyuto Onsen-kyo Hot Springs Village):ภูมิภาคโทโฮคุ (Tohoku Area)

2. นิวโตออนเซ็นเคียว (Nyuto Onsen-kyo Hot Springs Village):ภูมิภาคโทโฮคุ (Tohoku Area)

https://pixta.jp/

นิวโตออนเซ็น เป็นหมู่บ้านออนเซ็นโบราณชื่อดังของจังหวัดอาคิตะ (Akita) ที่มีประวัติเก่าแก่มานานกว่าหลายร้อยปี และได้ชื่อว่าเป็นออนเซ็นลับของจังหวัดอาคิตะอีกด้วย ซ่อนตัวอยู่ในหุบเขาของเขตอุทยานแห่งชาติโทวาดะ ฮาจิมันไต (Towada Hachimantai National Park) ฤดูหนาวหิมะจะตกตั้งแต่ช่วงเดือนธันวาคมไปจนถึงเดือนมีนาคม โดยหิมะตกหนาที่สุดในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ จนทิวทัศน์ที่รายล้อมอยู่รอบตัวกลายเป็นภาพหิมะสีขาวบริสุทธิ์งดงาม ที่นี่มีทั้งเรียวกังไม้แบบโบราณอายุหลายร้อยปีและโรงแรมสไตล์โมเดิร์น

จุดเด่นของนิวโตออนเซ็นคือน้ำแร่ของน้ำพุร้อนเป็นสีน้ำนม มีแหล่งออนเซ็นให้แช่ 7 แห่ง ได้แก่ สึรุโนะยุออนเซ็น (Tsurunoyu Onsen) คุโรยุออนเซ็น (Kuroyu Onsen) ทาเอโนะยุออนเซ็น (Taenoyu Onsen) กานิบะออนเซ็น (Ganiba Onsen) มาโงโรคุออนเซ็น (Magoroku Onsen) โองามะออนเซ็น (Ogama Onsen) และคิวคามุระออนเซ็น (Kyukamura Onsen) ออนเซ็นแต่ละแห่งอยู่ห่างกันพอสมควร สำหรับผู้ที่เข้าพักในนิวโตออนเซ็น แนะนำให้ซื้อพาสยุเมะงุริโจ (Yumeguri-cho) สามารถเข้าใช้บริการออนเซ็นทั้ง 7 ได้ฟรีแห่งละ 1 ครั้ง

การเดินทาง : ตั้งต้นจากสถานีโตเกียว (Tokyo Station) ขึ้นรถไฟ Tohoku Shinkansen ไปลงสถานีทาซาวาโกะ (Tazawako Station) ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง จากนั้นขึ้นรถบัสไปลงที่ป้ายคิวคามุระ (Kyukamura) ใช้เวลาอีกประมาณ 50 นาที

3. ทาคารางาวะ ออนเซ็น (Takaragawa Onsen):ภูมิภาคคันโต (Kanto Area)

3. ทาคารางาวะ ออนเซ็น (Takaragawa Onsen):ภูมิภาคคันโต (Kanto Area)

https://www.shutterstock.com/

ทาคารางาวะ ออนเซ็น เป็นออนเซ็นชื่อดังของจังหวัดกุมมะ (Gunma) บรรยากาศดี แวดล้อมด้วยธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์งดงามราวกับดินแดนในความฝัน แหล่งน้ำพุร้อนได้คุณภาพระดับโลก มีต้นกำเนิดมาจากโทเนงะวะ (Tonegawa) ซึ่งเป็นกระแสน้ำร้อนธรรมชาติที่ไหลลงมาในเมืองออนเซ็น มีทั้งบ่อแช่ออนเซ็นธรรมชาติกลางแจ้งตั้งอยู่ริมลำธารที่แวดล้อมด้วยทิวทัศน์ของหุบเขาหิมะที่มีหิมะขาวบริสุทธิ์ปกคลุมและหิมะโปรยปรายตลอด และมีบ่อออนเซ็นในร่มด้วย

หิมะจะเริ่มตกตั้งแต่ช่วงเดือนธันวาคมไปจนถึงต้นเดือนมีนาคม โดยช่วงที่มีหิมะตกหนาที่สุดคือเดือนมกราคมถึงเดือนกุมภาพันธ์ ที่นี่มีบ่อออนเซ็นหลายขนาด เป็นบ่อรวมสำหรับแช่ได้ทั้งชายหญิงพร้อมกัน โดยฝ่ายผู้ชายจะต้องถอดเสื้อผ้าออกหมด สำหรับผู้หญิงจะมีเสื้อแบบคอกระเช้าให้ใส่สำหรับลงไปแช่ออนเซ็นได้

การเดินทาง : ตั้งต้นจากจากสถานีโตเกียว (Tokyo Station) ขึ้นรถไฟ Shinkansen ลงที่สถานีทาคาซากิ (Takasaki Station) ใช้เวลาประมาณ 57 นาที จากนั้นเปลี่ยนเป็นรถไฟสาย JR Joetsu ไปลงสถานี (Minakami Station) ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง แล้วต่อรถบัส For Yunokoya ลงที่ป้าย Takaragawa Onsen ใช้เวลาอีกประมาณ 35 นาที

4. คิโนซากิ ออนเซ็น (Kinosaki Onsen):ภูมิภาคคันไซ (Kansai Area)

4. คิโนซากิ ออนเซ็น (Kinosaki Onsen):ภูมิภาคคันไซ (Kansai Area)

https://pixta.jp/

คิโนซากิ ออนเซ็น เป็นเมืองออนเซ็นเก่าแก่ของญี่ปุ่นที่มีประวัติยาวนานกว่า 1300 ปี ตั้งอยู่ใกล้กับแม่น้ำมารุยามะ (Maruyama River) ทางตอนเหนือของจังหวัดเฮียวโงะ (Hyogo) ที่นี่มีออนเซ็นสาธารณะทั้งหมด 7 แห่งด้วยกัน น้ำแร่มีความใสสะอาด ประกอบไปด้วยแร่โซเดียมและแคลเซียม มีสรรพคุณช่วยในเรื่องของอาการปวดเมื่อย ระบบประสาท แผลฟกช้ำ และเรื่องของระบบทางเดินอาหาร นักท่องเที่ยวนิยมใส่ชุดยูกาตะและรองเท้าเกี๊ยะเดินเที่ยวชมเมืองและถ่ายรูปเป็นที่ระลึก ในโรงแรมและเรียวกังจะมีชุดยูกาตะและเกี๊ยะให้บริการอยู่แล้ว แต่ถ้าต้องการชุดแบบที่ไม่ซ้ำใครก็สามารถไปเช่าได้ที่ร้านในเมือง

หากเดินชมเมืองลึกเข้าไปจะเจอทางขึ้นกระเช้าไฟฟ้าคิโนะซากิ (Kinosaki Ropeway) ที่นำขึ้นไปยังภูเขาไดชิ (Mt. Daishi) โดยระหว่างทางก็จะได้เห็นวิวของป่าเขาที่หิมะปกคลุมและก้อนน้ำแข็งเกาะตามกิ่งไม้สวยงาม และยังมีการแวะจอดที่ทางเข้าวัดออนเซ็นจิ (Onsenji Temple) ให้เข้าไปสักการะขอพร ชมความงามและถ่ายรูปด้วย เมื่อขึ้นไปถึงจุดชมวิวด้านบนก็จะได้ชมทิวทัศน์เมืองคิโนซากิออนเซ็นในมุมสูง และวิวทะเลที่งดงาม

การเดินทาง : จากเกียวโต (Kyoto) ขึ้นรถไฟสาย Express Hashidate ไปลงสถานีฟุคุจิมะ (Fukuchiyama Station) แล้วเปลี่ยนไปขึ้นสาย Kounotori เพื่อไปลงสถานีคิโนซากิออนเซ็น (Kinosaki Onsen Station)

5. คุโรคาวะ ออนเซ็น (Kurokawa Onsen):ภูมิภาคคิวชู (Kyushu Area)

5. คุโรคาวะ ออนเซ็น (Kurokawa Onsen):ภูมิภาคคิวชู (Kyushu Area)

https://pixta.jp/

คุโรคาวะ อนเซ็น เป็นเมืองออนเซ็นยอดนิยมอันดับต้นๆ ของญี่ปุ่น ตั้งอยู่อย่างสงบกลางป่าทางตอนเหนือของภูเขาไฟอะโสะ (Mount Aso) จังหวัดคุมาโมโตะ (Kumamoto) บรรยากาศของออนเซ็นโอบล้อมด้วยธรรมชาติอันงดงาม มีแม่น้ำไหลผ่านใจกลางเมือง ชาวเมืองนี้ได้รวมตัวกันรักษาสภาพแวดล้อมให้คงไว้ซึ่งอาคารบ้านเรือนที่มีความเป็นหมู่บ้านญี่ปุ่นโบราณแบบดั้งเดิม ไม่ให้มีสิ่งทันสมัยอย่างอาคารสมัยใหม่ หรือป้ายไฟโฆษณาแบบเมืองท่องเที่ยวอื่นๆ ของญี่ปุ่น ในฤดูหนาวช่วงเดือนธันวาคมถึงมีนาคมมีการประดับโคมไฟไม้ไผ่กว่า 300 ดวงไว้ตามริมแม่น้ำในโทนสีส้มเหลืองดูอบอุ่น สร้างบรรยากาศสุดโรแมนติก แต่ละเรียวกังก็จะมีชุดยูกาตะและรองเท้าเกี๊ยะแบบญี่ปุ่นไว้บริการให้ใส่ออกมาเดินเล่นภายในเมืองชมไฟประดับ

คุโรคาวะ ออนเซ็นมีน้ำพุร้อนให้เลือกแช่กัน 6 ชนิด ทั้งชนิดกรดอ่อนที่ช่วยคลายเครียดและคลายความเหนื่อยล้า ชนิดด่างอ่อนที่ช่วยเรื่องความงาม ชนิดกำมะถันที่มีสรรพคุณช่วยขับสารพิษ ชนิดกรดคาร์บอนิกและเกลือกำมะถันก็มีสรรพคุณช่วยเรื่องความดันโลหิตสูงและโรคหลอดเลือดแข็ง

การเดินทาง : ตั้งต้นจากสถานีฮากาตะ (Hakata Station) เดินไปที่ Hakata Bus Terminal ขึ้นรถบัส Kyushu Sanko Bus หรือ Hita Bus ไปลงป้าย Kurokawa Onsen ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง 40 นาที แล้วเดินต่อไปอีกประมาณ 10 นาที

ผู้เขียน: hikawasa
หลังจากจบป.ตรีก็เริ่มงานในสายล่ามที่บริษัทญี่ปุ่นเช่น Satake Thailand, Hitachi Engineering & Services และรับงานล่ามให้นิตยสาร Custom Car ไปล่ามให้ตามงาน Motor Expo สักพักออกไปเรียนป.โทต่อที่ธรรมศาสตร์ ตอนทำวิทยานิพนธ์ ทาง Japan Foundation ให้ทุนนักศึกษาไปเก็บข้อมูลวิจัย ได้เห็นญี่ปุ่นในหลายมุม ปัจจุบันเป็นนักแปลฟรีแลนซ์ให้ Bongkoch Publishing, Siam Inter Multimedia Publishing, MEB Corporation ที่ทำสื่อดิจิทัลอีบุ๊คชั้นแนวหน้าของไทย และอีกมากมาย ได้โอกาสมาเป็นนักเขียนบทความท่องเที่ยวให้ AAJ ด้วย

know-before-you-go