พักแรมปราสาทโอซุกับประสบการณ์ท่องเที่ยวแบบใหม่
ทำความรู้จักกับเมืองโอซุ (Ozu) และปราสาทโอซุ (Ozu) จังหวัดเอฮิเมะ (Ehime) ซึ่งเป็นเมืองปราสาทเก่าแก่ที่ยังคงให้ความรู้สึกถึงความเป็นญี่ปุ่นแบบย้อนยุค แหล่งท่องเที่ยวเมืองนี้ส่วนใหญ่เป็นสถานที่ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม รวมทั้งมีการพักแรมในปราสาทโอซุ ปราสาทแห่งเดียวในญี่ปุ่นที่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าพัก
ปราสาทโอซุ (Ozu Castle)
ปราสาทโอซุ (Ozu Castle) เป็นเก่าแก่ที่สร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 14 และได้รับการคัดเลือกให้เป็น 1 ใน 100 ปราสาทที่มีชื่อเสียงของประเทศญี่ปุ่น จุดเด่นคือตัวปราสาทสร้างขึ้นด้วยวิธีการดั้งเดิมโดยใช้วัสดุไม้ทั้งหลังจึงเป็นสถาปัตยกรรมที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ของประเทศ และในอดีตตัวปราสาทและสิ่งก่อสร้างส่วนใหญ่ถูกทำลายแยกชิ้นส่วน ขณะที่หอคอยปราสาทบางส่วนก็ถูกทำลายลงไปในสมัยเมจิ ต่อมาภายหลังได้รับการบูรณะซ่อมแซมให้กลับมาเป็นปราสาทไม้ที่สมบูรณ์อีกครั้ง โดยกลุ่มนักอนุรักษ์ชาวท้องถิ่นในเมืองโอซุรวมทั้งได้รับเงินบริจาคของประชาชนด้วย
ปัจจุบัน ปราสาทโอซุ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของเมืองโอซุ นอกจากสถาปัตยกรรมปราสาทไม้โบราณที่งดงามแล้ว รอบๆ พื้นที่ก็เป็นสวนสาธารณะสำหรับพักผ่อน รวมทั้งเป็นจุดชมวิวเมืองที่มองเห็นทิวทัศน์ได้โดยรอบ ขณะที่ด้านในปราสาทมีการจัดแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับข้าวของเครื่องใช้ของซามูไรญี่ปุ่นในสมัยอดีตอย่างน่าสนใจ
ประสบการณ์พักค้างแรมในปราสาทโอซุ
อีกหนึ่งประสบการณ์แปลกใหม่ไม่ซ้ำใครในการท่องเที่ยวเมืองโอซุ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกและแห่งแรกในญี่ปุ่นนั่นคือ การเปิดให้นักท่องเที่ยวได้พักแรมในปราสาทโอซุ ความน่าสนใจในการเข้าพักที่ปราสาทแห่งนี้ ผู้เข้าพักจะได้สัมผัสกับบรรยากาศเหมือนเป็นซามูไรผู้ครอบครองปราสาทที่เปี่ยมไปด้วยมนต์ขลังของญี่ปุ่นยุคโบราณที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน
ปราสาทโอซุ เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าพักได้ครั้งละไม่เกิน 6 คน เมื่อเข้าไปในปราสาทจะได้พบกับการต้อนรับด้วยการจำลองฉากทางเข้าปราสาทของซามูไรอย่างยิ่งใหญ่สมเกียรติ โดยมีเหล่าซามูไรมาตั้งแถวต้อนรับพร้อมทั้งมีการยิงปืนสลุตเพื่อเป็นการให้เกียรติผู้เข้าพักอีกด้วย อีกทั้งยังมีการแสดงพื้นเมืองต้อนรับระหว่างรับประทานอาหารมื้อเย็นนั่นคือการแสดง "รำคางุระ" (Kagura) ที่น่าตื่นตาตื่น พร้อมทั้งอิ่มอร่อยกับมื้อเย็นที่นำวัตถุดิบขึ้นชื่อจากท้องถิ่นมาปรุงเป็นอาหารชั้นเลิศ หลังจากมื้ออาหารจบแล้วก็ยังมีประสบการณ์ชมจันทร์ในยามค่ำคืนและฟังบทกวีโบราณก่อนเข้านอนอีกด้วย
ตลอดการเข้าพักในปราสาท ผู้เข้าพักก็จะได้รับการปฏิบัติเหมือนเป็นผู้ครอบครองปราสาทแห่งนี้ ซึ่งมีห้องพักให้เลือก 3 ประเภท โดยแต่ละประเภทก็จะเน้นการตกแต่งแบบญี่ปุ่นโบราณแต่ในขณะเดียวกันก็ให้ความรู้สึกถึงความหรูหรา สมกับเป็นเจ้าของปราสาท อีกทั้งยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างครบครัน เช่น บ่อออนเซ็นส่วนตัวในห้องประเภทExecutive Room
กิจกรรมที่จะแนะนำอีกอย่างหนึ่งเมื่อมาเที่ยวเมืองโอซุ ก็คือการสวมชุดกิโมโนไปเดินเล่นถ่ายรูปกับทิวทัศน์ของเมืองเก่า สถาปัตยกรรมอาคารบ้านเรือนแบบดั้งเดิมหรือจะนั่งรถลากแบบโบราณก็มีให้บริการรถลากพาเที่ยวชมเมืองเช่นกัน
การเดินทาง : จากสถานีมัตสึยะมะ (Matsuyama Station) ศูนย์กลางการเดินทางของจังหวัดเอฮิเมะ ขึ้นรถไฟสายLimited Express UWAKAI หรือรถไฟธรรมดาสาย JR Yosan Line ไปลงที่สถานีอิโยะ-โอซุ (Iyo-Ozu Station) ใช้เวลาประมาณ 40-90 นาที ผู้เข้าพักแรมปราสาทโอซุสามารถติดต่อล่วงหน้าให้มารับส่งจากสถานีอิโยะ-โอซุ ไปยังปราสาทโอซุได้ หรืออีกวิธีหนึ่งคือเช่ารถยนต์ขับเพื่อความสะดวกในการไปเที่ยวที่ต่างๆ ทั้งในเมืองและนอกเมือง
ค่าใช้ในการพักค้างแรมปราสาทโอซุ : ประมาณ 1 ล้านเยน ต่อ 2 คน ต่อ 1 คืน
สถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจในเมืองโอซุ
กะริว ซังโซ (Garyu Sanso)
รอบๆ ปราสาทโอซุ มีสถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียงน่าสนใจหลายแห่งที่สามารถวางแผนเที่ยวได้อย่างสะดวกเมื่อไปพักแรมหรือไปเที่ยวเมืองนี้ อาทิ กะริว ซังโซ (Garyu Sanso) เป็นบ้านพักบนเนินเขาที่สร้างขึ้นด้วยสถาปัตยกรรมดั้งเดิมสุดประณีตแบบญี่ปุ่นเมื่อ 100 ปีก่อน สร้างขึ้นโดยพ่อค้าวาณิชรายหนึ่งเพื่อเป็นบ้านพักตากอากาศที่สามารถมองเห็นวิวริมแม่น้ำฮิจิ (Hijikawa) ได้อย่างใกล้ชิด อีกทั้งยังมีสวนญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมที่จัดขึ้นอย่างสวยงามทำให้มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเที่ยวชมเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน ที่นี่ก็ถือเป็นจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่ได้รับความนิยมมากในจังหวัดเอฮิเมะ
โพโกะเพน โยโกะโช (Pokopen Yokocho)
สำหรับใครที่ชอบช้อปปิ้งหรือเดินเที่ยวตลาด ที่นี่ก็มีตลาดขายของเก่าวันอาทิตย์โพโกะเพน โยโกะโช (Pokopen Yokocho) ในบรรยากาศย้อนยุคของย่านการค้าสมัยโชวะที่จำลองขึ้นมา ร้านค้าส่วนใหญ่เป็นร้านขายของเก่า ของสะสมหายาก เช่น เครื่องเล่นเกม หุ่นยนต์ ตุ๊กตาปูนปั้น ตลอดจนร้านอาหารและร้านขนมโบราณ
โดยขนมโบราณขึ้นชื่อของท้องถิ่นที่ไม่ควรพลาดเลยก็คือ "ขนมชิงุเระ" (Shigure) ขนมหวานที่ทำจากแป้งข้าวเจ้าผสมข้าวเหนียวและถั่วแดง แล้วก็ยังมีพิพิธภัณฑ์จัดแสดงของเล่นในยุคโชวะให้ผู้สนใจได้เข้าไปชม ซึ่งในบางสัปดาห์ก็จะมีกิจกรรมพิเศษอย่างการแสดงดนตรีสดในตลาดแห่งนี้ให้ได้เพลิดเพลินกัน
ผู้เขียน: หนึ่ง
นักอ่านและนักเขียนที่ชอบการเดินทางไปในที่ต่างๆ โดยเฉพาะญี่ปุ่น รักการดูอนิเมะญี่ปุ่นเป็นชีวิตจิตใจ :)