All About Japan

แนะนำ 10 อันดับแม่น้ำสายที่ยาวที่สุดในญี่ปุ่น!

แม่น้ำ
แนะนำ 10 อันดับแม่น้ำสายที่ยาวที่สุดในญี่ปุ่น!

ประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่อยู่เคียงคู่และให้ความสำคัญกับธรรมชาติเป็นอย่างมาก ถึงขั้นมี "การจัดอันดับแม่น้ำที่ยาวที่สุดในญี่ปุ่น" โดยครั้งนี้เราได้รวบรวมรายชื่อแม่น้ำที่ติดอันดับทั้ง 10 สาย พร้อมทั้งข้อมูลแหล่งท่องเที่ยวใกล้เคียงที่น่าสนใจ ว่าแต่แม่น้ำที่ว่านั้นมีอะไรบ้าง และมีสถานที่ท่องเที่ยวแบบไหนที่เรานำมาฝากกันวันนี้ เราจะพาไปสำรวจกันค่ะ

จัดอันดับแม่น้ำทั้ง 10 สายที่ยาวมากที่สุดในญี่ปุ่น

จัดอันดับแม่น้ำทั้ง 10 สายที่ยาวมากที่สุดในญี่ปุ่น

ประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่อยู่เคียงคู่และให้ความสำคัญกับธรรมชาติเป็นอย่างมาก ถึงขั้นมี "การจัดอันดับแม่น้ำที่ยาวที่สุดในญี่ปุ่น" โดยครั้งนี้เราได้รวบรวมรายชื่อแม่น้ำที่ติดอันดับทั้ง 10 สาย พร้อมทั้งข้อมูลแหล่งท่องเที่ยวใกล้เคียงที่น่าสนใจ ว่าแต่แม่น้ำที่ว่านั้นมีอะไรบ้าง และมีสถานที่ท่องเที่ยวแบบไหนที่เรานำมาฝากกันวันนี้ เราจะพาไปสำรวจกันค่ะ

10. แม่น้ำอางาโนะ (Agano River)

10. แม่น้ำอางาโนะ (Agano River)

เริ่มกันด้วยอันดับที่ 10 แม่น้ำอางาโนะ (Agano River) จังหวัดนีงาตะ (Niigata) ที่มีความยาว 210 กิโลเมตร เป็นแม่น้ำที่ไหลมาจากต้นกำเนิดที่ภูเขาอาราไก (Mount Arakai) ในเขตจังหวัดฟุคุชิมะ (Fukushima) กับโทชิงิ (Tochigi) จนมาสู่เมืองฮิงาชิคัมบาระ (Higashikanbara) ทางตอนเหนือของจังหวัดนีงาตะ แม่น้ำอางาโนะมีกระแสน้ำไหลเชี่ยวพอสมควร ที่แม่น้ำมีกิจกรรมล่องเรือชมธรรมชาติที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เราจะล่องเรือไปตามแม่น้ำที่พืชพันธุ์ธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ ป่าไม้เขียวขจี ได้ชมวิถีชีวิตแบบชนบทญี่ปุ่น มองเห็นรางรถไฟตลอดเส้นทาง มีสะพานข้ามแม่น้ำสีแดงสวย บางครั้งก็อาจได้เห็นฝูงลิงออกมาหาอาหารอีกด้วย

สวนมุรามัตสึ (Muramatsu Park)
หากพูดถึงสถานที่ท่องเที่ยวไม่ไกลจากแม่น้ำอางาโนะก็ขอแนะนำสวนมุรามัตสึ ที่นี่เป็น 1 ในสุดยอด 100 จุดชมดอกซากุระบานเลื่องชื่อในประเทศญี่ปุ่น มีต้นซากุระกว่า 3,000 ต้น ตั้งอยู่ช่วงระหว่างปลายเขาโอคุระ (Mt. Okura) กับเทือกเขาสึงานาดาเกะ (Suganadake) ในเมืองโกะเซ็น (Gosen) จังหวัดนีงาตะ (Niigata) เราสามารถเพลิดเพลินกับการชมซากุระที่บานสะพรั่งสีชมพูหวานในสวนได้ตั้งแต่ราวปลายเดือนมีนาคมไปจนถึงกลางเดือนเมษายน นอกจากความงามยามกลางวันแล้วพอตกกลางคืนก็มีงานประดับไฟตามต้นซากุระ เป็นแสงสีชมพูสีม่วงดูสวยน่าประทับใจไปอีกแบบ

การเดินทาง
ตั้งต้นจากสถานี (Tokyo Station) ขึ้นรถไฟชินตังเซ็น Joetsu Shinkansen ไปลงสถานีนีงาตะ (Niigata Station) จากนั้นเปลี่ยนเป็นขบวนท้องถิ่นสายชินเอ็ตสึ (Shinetsu Main Line) ไปลงสถานีนีสึ (Niitsu Station) ลงเปลี่ยนขบวนอีกครั้งเป็นบังเอ็ตสึ (Banetsu West Line) ไปลงสถานีโกะเซ็น (Gosen Station) จากที่นั่นนั่งรถบัสต่อไปอีกประมาณ 30 นาที ลงที่ป้ายรถบัสหน้าสวนมุรามัตสึ

9. แม่น้ำเท็นริว (Tenryu River)

9. แม่น้ำเท็นริว (Tenryu River)

อันดับ 9 แม่น้ำเท็นริว (Tenryu River) มีความยาว 213 กิโลเมตร มีต้นกำเนิดอยู่ที่ทะเลสาบสุวะ ( Lake Suwa) ในเทือกเขาคิโสะ (Kiso Mountains) ใกล้กับเมืองโอกายะ (Okaya) จังหวัดนางาโนะ (Nagano) ไหลนผ่านจังหวัดไอจิ (Aichi) และทางตะวันตกของจังหวัดชิซูโอกะ (Shizuoka) กระแสน้ำในแม่น้ำเท็นริวไหลเชี่ยวและมีปริมาณน้ำไหลมาก จึงเกิดการสร้างเขื่อนเพื่อผลิตไฟฟ้าพลังน้ำในภูมิภาคนี้

หุบเขากะริว (Garyu Gorge)
แม่น้ำเท็นริวที่ไหลผ่านเมืองอีดะ (Iida City) นั้นมีกิจกรรมล่องเรือชมแม่น้ำในหุบเขากะริว (Garyu Gorge) ซึ่งเป็นจุดเที่ยวชมทิวทัศน์ธรรมชาติอันงดงาม สองข้างหุบเขาน่าตื่นตาด้วยผาหินสูงชันและโขดหินรูปร่างประหลาดมากมาย ทริปล่องเรือจะใช้เวลาประมาณ 35 - 50 นาที ทัศนียภาพระหว่างทางแวดล้อมด้วยธรรมชาติที่ยังอุดมสมบูรณ์ สลับกับบ้านเรือนของผู้คนท้องถิ่นละแวกนั้น ซึ่งสวยงามและมีความคล้ายคลึงกับแถบทีโรล (Tirol) ในประเทศออสเตรีย (Austria) จนได้รับการกล่าวถึงว่าเป็น ทีโรลแห่งญี่ปุ่น (The Japanese Tirol)

การเดินทาง
ตั้งต้นจากจาก Meitetsu Bus Center หน้าสถานีนาโกย่า (Nagoya Station) ขึ้นรถบัส Shinnan Kotsu Bus ไปลงที่ป้ายอิงะระ (Igara Bus Stop) ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 45 นาที จากนั้นขึ้นแท็กซี่ไปยัง Tenryu Fune kudari – Benten Harbor ใช้เวลาอีกประมาณ 15 นาที

8. แม่น้ำคิโสะ (Kiso River)

8. แม่น้ำคิโสะ (Kiso River)

อันดับที่ 8 แม่น้ำคิโสะ (Kiso River) มีความยาว 229 กิโลเมตร ไหลผ่าน 4 จังหวัด ได้แก่ นางาโนะ (Nagano) กิฟุ (Gifu) ไอจิ (Aichi) และมิเอะ (Mie) และไหลออกสู่อ่าวอิเสะ (Ise Bay) บางส่วนของแม่น้ำคิโสะช่วงของหุบเขาที่อยู่ระหว่างเมืองมิโนคาโมะ (Minokamo) ของจังหวัดกิฟุกับเมืองอินุยามะ ( Inuyama) จังหวัดไอจิถูกขนานนามว่าเป็นแม่น้ำไรน์แห่งญี่ปุ่น (Japan Rhine) เนื่องจากมีความคล้ายคลึงกับแม่น้ำไรน์ (the Rhine) ในทวีบยุโรป

ปราสาทอินุยามะ (Inuyama Castle)
บริเวณแม่น้ำคิโสะมีที่เที่ยวหลายแห่ง ปราสาทอินุยามะก็เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญแห่งหนึ่ง ปราสาทอินุยามะนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นสมบัติประจำชาติในฐานะที่เป็น 1 ใน 12 ปราการปราสาทเก่าแก่ที่ยังคงอยู่ในสภาพดั้งเดิม สร้างเสร็จครั้งแรกในปี ค.ศ. 1440 โดยโอดะ โนบุยาสึ (Oda Nobuyasu) ซึ่งเป็นลุงของโอดะ โนบุนางะ (Oda Nobunaga) ตั้งอยู่บนเนินเขาสูงซึ่งเป็นชัยภูมิที่ดีมีแม่น้ำคิโสะโอบรอบอยู่ด้านล่าง ในเมืองอินุยามะ (Inuyama City) จังหวัดไอจิ (Aichi) เป็นปราสาทที่เต็มไปด้วยกลไกป้องกันข้าศึกมากมาย ปัจจุบันเหลือเพียงหอกลาง หอคอยหลัก ป้อมปืน ค่ายพัก และทางเดินกำแพงหินขนาดใหญ่

การเดินทาง
ตั้งต้นจากสถานีนาโกย่า (Nagoya Station) ขึ้นรถไฟสายเมเท็ตสึ อินุยามะ คิวโกะ (Meitetsu Inuyama Kyuko Line) ไปลงสถานีอินุยามะ ยูเอ็น (Inuyama Yuen Station) แล้วเดินต่อไปอีกประมาณ 15 นาที

7. แม่น้ำโมงามิ (Mogami River)

7. แม่น้ำโมงามิ (Mogami River)

มาถึงอันดับที่ 7 กันบ้างนั่นคือแม่น้ำโมงามิ (Mogami River) ในจังหวัดยามางาตะ (Yamagata) มีความยาว 229 กิโลเมตร ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในแม่น้ำ 3 สายที่กระแสน้ำไหลเชี่ยวที่สุดในญี่ปุ่น แต่ละฤดูจะมีทิวทัศน์ที่งดงามแตกต่างกันไป ในฤดูใบไม้ผลิวิวดอกซากุระ, ฤดูร้อนมองเห็นความเขียวสด ฤดูใบไม้ร่วงมีใบไม้เปลี่ยนสี ส่วนในฤดูหนาวมีบริการล่องเรือเที่ยวชมแม่น้ำ ซึ่งบนเรือจะมีโต๊ะโคตัตสึ (Kotatsu) เป็นโต๊ะขนาดใหญ่ที่มีเครื่องทำความร้อนติดอยู่ด้านล่างเพื่อให้ความอบอุ่น การล่องเรือในแม่น้ำโมงามินี้ก็ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากด้วย

พิพิธภัณฑ์มังงะชินโจ โมงามิ (Shinjo Mogami Manga Museum)
พิพิธภัณฑ์มังงะชินโจ โมงามิ ได้รับการกล่าวถึงว่าเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของนักเขียนการ์ตูนที่ซุกซ่อนอยู่ นักเขียนและนักวาดการ์ตูนชื่อดังมากมายมีถิ่นกำเนินอยู่ในเมืองชินโจ (Shinjo) และเมืองโมงามิ (Mogami) ในจังหวัดยามางาตะ (Yamagata) ตั้งอยู่ที่ชั้น 1 ของอาคาร Mogami Koiki Koryu Center Yumeria ที่นี่จัดแสดงผลงานภาพวาดต้นฉบับของนักเขียนการ์ตูนที่มีถิ่นกำเนิดในเมืองชินโจและเมืองโมงามิ นอกจากภาพวาดต้นฉบับ ก็ยังมีลายเซ็นของนักเขียนการ์ตูน อย่างเช่น อาจารย์โยชิฮิโระ โทงาชิ (Yoshihiro Togashi) ผู้วาดเรื่อง Hunter × Hunter และ Yu Yu Hakusho เป็นต้น และมีการนำเลย์เอาท์ที่ยังไม่เคยผ่านสายตาใครมาจัดแสดงให้ชมกันด้วย

การเดินทาง
ตั้งต้นจากสถานีโตเกียว (Tokyo Station) ขึ้นรถไฟชินคังเซ็น Yamagata Shinkansen ไปลงสถานียามางาตะ (Yamagata Station) จากนั้นต่อรถไฟ JR Yamagata ไปลงสถานีชินโจ (Shinjo Station) พิพิธภัณฑ์อยู่ข้างๆ สถานี

6. แม่น้ำอาบุกุมะ (Abukuma River)

6. แม่น้ำอาบุกุมะ (Abukuma River)

อันดับที่ 6 แม่น้ำอาบุกุมะ (Abukuma River) มีต้นกำเนิดอยู่ที่เทือกเขานาสึ (Nasu mountains) มีความยาว 239 กิโลเมตร เป็นแม่น้ำสายที่ยาวที่สุดเป็นอันดับที่ 2 ของภูมิภาคโทโฮคุ (Tohoku) ไหลผ่านจังหวัดฟุคุชิมะ (Fukushima) และจังหวัดมิยางิ (Miyagi) ออกสู่มหาสมุทรแปซิฟิก (Pacific Ocean) ในอดีตเคยใช้เป็นเส้นทางขนส่งข้าวและหินที่สำคัญของฟุคุชิมะ ปัจจุบันคนนิยมมาพักผ่อนตกปลาและล่องเรือชมธรรมชาติ สามารถมาเที่ยวชมได้ตลอดทั้งปี

สะพานยุกิวาริ (Yukiwari Bridge)
ต้นกำเนิดของแม่น้ำอาบุกุมะในเทือกเขานาสึนั้นมีแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นธรรมชาติซึ่งคนนิยมมาเที่ยวชมกันนั่นก็คือหุบเขายูคิวาริ (Yukiwari Valley) โดยมีสะพานยุกิวาริเป็นจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่ขึ้นชื่อแห่งหนึ่งของฟุคุชิมะ เป็นสะพานเหล็กทรงโค้งในหมู่บ้านนิชิโง (Nishigou Village) ที่พาดข้ามแม่น้ำอาบุกุมะ (Abukuma River) ที่เป็นช่วงต้นน้ำ สะพานยาว 81 เมตร และสูงจากด้านล่างของหุบเขาประมาณ 50 เมตร สามารถลงไปเดินเล่นริมแม่น้ำใต้สะพานและเดินเล่นชมวิวธรรมชาติบนสะพานได้

การเดินทาง
ตั้งต้นจากสถานีโตเกียว (Tokyo Station) นั่งรถไฟ JR Tohoku Shinkansen ไปลงสถานีชินชิราคาวะ (Shinshirakawa Station) แล้วต่อรถบัสฟุคุชิมะไปลงที่หน้าโรงไฟฟ้า แล้วเดินต่อไปอีกประมาณ 5 นาที (รถบัสจะหยุดให้บริการในวันหยุดสุดสัปดาห์และวันหยุดพิเศษ)

5. แม่น้ำคิตาคามิ (Kitakami River)

5. แม่น้ำคิตาคามิ (Kitakami River)

สำหรับอันดับที่ 5 ของแม่น้ำที่ยาวที่สุดของญี่ปุ่นเป็นแม่น้ำคิตาคามิ (Kitakami River) แม่น้ำสายที่ยาวที่สุดของภูมิภาคโทโฮคุ (Tohoku) มีความยาว 249 กิโลเมตร เคยเป็นเส้นทางคมนาคมที่สำคัญในสมัยเอโดะ ต้นกำเนิดอยู่ที่ภูเขานานาชิรุเงะ (Mount Nanashiruge) ทางตอนเหนือของจังหวัดอิวาเตะ (Iwate) ไหลผ่านจังหวัดอิวาเตะและจังหวัดมิยางิ (Miyagi) ออกสู่อ่าวอิชิโนมากิ (Ishinomaki Bay)

สวนคิตาคามิ เท็นโชจิ (Kitakami Tenshochi Park)
ริมฝั่งแม่น้ำคิตาคามิเป็นสวนสวยขนาดใหญ่ชื่อสวนคิตาคามิ เท็นโชจิ สวนนี้ติด 1 ใน 100 อันดับจุดชมซากุระยอดนิยมของญี่ปุ่น อีกทั้งยังเป็น 1 ใน 3 จุดชมดอกซากุระที่ดีที่สุดของภูมิภาคโทโฮคุอีกด้วย ที่นี่มีซากุระมากกว่า 10,000 ต้นที่โน้มกิ่งโค้งมนกลายเป็นอุโมงค์ซากุระสีชมพูงดงามเรียงรายไปตามทางเดินริมแม่น้ำยาวกว่า 2 กิโลเมตรในช่วงราวกลางถึงปลายเดือนเมษายน ช่วงเวลาที่ซากุระบานเต็มไปหมดอย่างนี้ก็จะมีการจัดงานเทศกาลชมซากุระ คิตาคามิ เท็นโชจิ (Kitakami Tenshochi Sakura Festival) ซึ่งในงานก็จะมีการออกร้านมากมาย ให้บริการนั่งรถม้าชมซากุระ และบริการล่องเรือในแม่น้ำคิตาคามิ นอกจากนี้พอตกกลางคืนก็มีการประดับไฟไลท์อัพสวยงามอีกด้วย

การเดินทาง
ตั้งต้นจากสถานีโตเกียว (Tokyo Station) ขึ้นรถไฟชินคังเซ็นต่อเดียวยาวมาถึงสถานีคิตาคามิ (Kitakami Station) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง

4. แม่น้ำเทชิโอะ (Teshio River)

4. แม่น้ำเทชิโอะ (Teshio River)

ใกล้ถึงอันดับชนะเลิศไปทุกที อันดับที่ 4 ตกเป็นของแม่น้ำเทชิโอะ (Teshio River) ซึ่งเป็นแหล่งมรดกโลกของฮอกไกโด มีความยาว 256 กิโลเมตร ยาวมากที่สุดเป็นอันดับ 2 ของเกาะฮอกไกโด ต้นกำเนิดอยู่ที่ภูเขาเทชิโอะ (Mount Teshio) ไหลผ่านหุบเขาในชิเบ็ตสึ (Shibetsu) ลงมาบรรจบแม่น้ำนาโยโระ (Nayoro River) ข้ามผ่านที่ราบเทชิโอะ (Teshio Plain) เพื่อออกสู่ทะเลญี่ปุ่น (The Sea of Japan)

ล่องเรือแคนูในแม่น้ำเทชิโอะ (Teshio River)
แม่น้ำเทชิโอะเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่นับวันจะได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น การพายเรือแคนูก็เป็นกิจกรรมเอาท์ดอร์ที่ได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติ และมีวิวทิวทัศน์อันงดงามเป็นไฮไลท์ นักท่องเที่ยวจึงให้ความสนใจกันอย่างมากมายที่จะมาพายเรือแคนูในแม่น้ำเทชิโอะ เมืองนาโยโระ (Nayoro) ทิวทัศน์และบรรยากาศที่จะได้ชมระหว่างล่องเรือก็จะเปลี่ยนไปตามฤดูกาล หากโชคดีก็มีโอกาสได้เห็นสัตว์ท้องถิ่นของฮอกไกโด อย่างเช่น สุนัขจิ้งจอก กวางป่า และหมีออกมาหาอาหารกันด้วย คอร์สสำหรับการพายก็มีแบบไม่ยาก น้ำไม่ลึกและกระแสน้ำไม่เชี่ยว เป็นระยะทาง 5 กิโลเมตร ที่สำคัญมีเจ้าหน้าที่คอยสอนพายและเดินทางไปกับเราด้วยเพื่อคอยอำนวยความสะดวกต่างๆ

การเดินทาง
ตั้งต้นจากสถานีซัปโปโร (Sapporo Station) ขึ้นรถไฟด่วนพิเศษ JR Ltd.Exp.Soya ปลายทาง Wakkanai ไปลงสถานีนาโยโระ (Nayoro Station) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง

3. แม่น้ำอิชิคาริ (Ishikari River)

3. แม่น้ำอิชิคาริ (Ishikari River)

เข้าสู่ท็อป 3 กันแล้วสำหรับอันดับแม่น้ำที่ยาวที่สุดในญี่ปุ่น อันดับที่ 3 แม่น้ำอิชิคาริ (Ishikari River) เป็นแม่น้ำสายที่ยาวที่สุดของเกาะฮอกไกโด มีความยาว 268 กิโลเมตร ต้นกำเนิดมาจาก ภูเขาอิชิคาริ (Mount Ishikari) ไหลผ่านเมืองอาซาฮิคาวะ (Asahikawa) และเมืองซัปโปโร (Sapporo) ออกสู่มหาสมุทรแปซิฟิก (Pacific Ocean)

สวนโทคิวะ (Tokiwa Park)
บริเวณใกล้ๆ แม่น้ำอิชิคาริมีสวนโทคิวะ (Tokiwa Park) ซึ่งเป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่คนนิยมมาเที่ยวพักผ่อน ชมความงามของธรรมชาติในแต่ละฤดูกาลกัน เช่นในฤดูใบไม้ผลิมีดอกซากุระให้ชม รวมถึงทุ่งทิวลิปที่สีสันสดใส ฤดูร้อนก็มีสระน้ำขนาดใหญ่ที่สามารถมาพายเรือเล่นได้ ฤดูหนาวก็ใช้เป็นสถานที่จัดเทศกาลฤดูหนาว (Winter Festival) นอกจากนี้ในสวนยังมีพิพิธภัณฑ์ศิลปะอาซาฮิคาวะ (Asahikawa Museum of Art) ที่จัดแสดงผลงานศิลปะต่างๆ และถ้าเดินไปทางประตูด้านตะวันตกของสวนออกไปก็จะเจอสะพานอาซาฮิบาชิ (Asahibashi Bridge) ที่มีแม่น้ำอิชิคาริไหลผ่านซึ่งสะพานนี้ได้รับการกล่าวถึงว่าเป็นหนึ่งในสามของสะพานที่สวยที่สุดของฮอกไกโดอีกด้วย

การเดินทาง
ตั้งต้นจากสถานีซัปโปโร (Sapporo Station) ขึ้นรถไฟด่วนพิเศษ Ltd Exp Lilac หรือ Ltd Exp Kamui หรือ Ltd Exp Soya ของสาย JR ไปลงสถานีอาซาฮิคาวะ (Asahikawa Station) แล้วต่อแท็กซี่ไปอีกประมาณ 5 นาที หรือเดินไปประมาณ 15 นาที

2. แม่น้ำโทเนะ (Tone River)

2. แม่น้ำโทเนะ (Tone River)

อันดับรองชนะเลิศของแม่น้ำสายที่ยาวที่สุดได้แก่่แม่น้ำโทเนะ (Tone River) มีความยาว 322 กิโลเมตร มีชื่อเล่นว่าบันโดทาโร่ (Bandotaro) บันโดเป็นชื่อเดิมของภูมิภาคคันโต ส่วนทาโร่เป็นชื่อที่นิยมตั้งให้กับบุตรชายคนโต ต้นกำเนิดอยู่ที่ภูเขาโอมินาคามิ (Mount Ominakami) ระหว่างจังหวัดกุมมะ (Gunma) กับนีงาตะ (Niigata) และไหลลงสู่มหาสมุทรแปซิฟิก (Pacific Ocean)

มินาคามิออนเซ็น (Minakami Onsen)
มินาคามิออนเซ็น มีต้นกำเนิดน้ำร้อนมาจากแม่น้ำโทเนะ เป็นออนเซ็นชั้นเลิศแห่งหนึ่งของจังหวัดกุมมะ (Gunma) ตั้งอยู่กลางภูเขาในเมืองมินาคามิ (Minakami) ทางตอนเหนือสุดของจังหวัดกุมมะ อีกทั้งขึ้นชื่อว่าเป็นออนเซ็นกลางแจ้งที่มีสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติงดงาม ออนเซ็นของที่นี่เป็นออนเซ็นแคลเซียมซัลเฟต (Calcium Sulfate) ซึ่งแคลเซียมซัลเฟตช่วยเกี่ยวกับผิว มีสรรพคุณช่วยรักษาบาดแผลภายนอกอย่างเช่นแผลที่โดนของมีคมบาด แผลฟกช้ำ แผลรอยจ้ำเขียว แผลไฟไหม้ แผลโดนน้ำร้อน รวมถึงช่วยเรื่องรอยดำสิวและผื่นแดงบนผิวหนังด้วย

การเดินทาง
ตั้งต้นจากสถานีโตเกียว (Tokyo Station) ขึ้นรถไฟชินคังเซ็น Joetsu ไปลงสถานีโจโมโคเง็น (Jomo-Kogen Station) จากนั้นต่อรถบัส Kan-etsu Kotsu ไปลงป้าย Minakami

1. แม่น้ำชินาโนะ (Shinano River)

1. แม่น้ำชินาโนะ (Shinano River)

ในที่สุดเราก็มาถึงแชมป์ที่ครองตำแหน่งแม่น้ำสายที่ยาวที่สุดในญี่ปุ่น อันดับที่ 1 แม่น้ำชินาโนะ (Shinano River) นั่นเอง แม่น้ำชินาโฯะมีความยาว 367 กิโลเมตร เกิดขึ้นจากเทือกเขาแอลป์ญี่ปุ่น (Japanese Alp) ไหลผ่านจังหวัดนางาโฯะ ( Nagano) และจังหวัดนีงาตะ (Niigata) ออกสู่ทะเลญี่ปุ่น (The Sea of Japan) ช่วงที่ไหลผ่านจังหวัดนางาโนจะเรียกว่าแม่น้ำจิคุมะ (Chikuma River)

หุบเขาคิโยสึ (Kiyotsu Gorge)
หุบเขาคิโยสึ เป็นหุบเขาที่ขึ้นชื่อว่ามีความใหญ่โตและสวยที่สุดจนติดอันดับ 1 ใน 3 ของญี่ปุ่น ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นอุทยานแห่งชาติโจชินเอ็ตสึโคเง็น (Joshin’etsukogen National Park) ในปี ค.ศ. 1949 และกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง สามารถเที่ยวชมได้ตลอดทั้งปี โดยที่นี่มีไฮไลท์อยู่ที่อุโมงค์แห่งหุบเขาคิโยสึ (Kiyotsu Gorge Tunnel) หรือที่คนนิยมเรียกกันว่าอุโมงค์แห่งแสง (Tunnel Of Light) ภายในอุโมงค์ที่มีระยะทางประมาณ 750 เมตร ผนังของอุโมงค์กรุด้วยกระจก ทำให้ทิวทัศน์ธรรมชาติที่สะท้อนอยู่บนผิวน้ำสะท้อนกลับไปที่กระจกด้วย เกิดเป็นภาพที่สวยแปลกตาจนน่าทึ่ง

การเดินทาง
ตั้งต้นจากสถานีโตเกียว (Tokyo Station) ขึ้นรถไฟชินคังเซ็นสาย Joetsu Shinkansen ไปลงสถานีเอจิโกะ-ยุซะวะ (Echigo-Yuzawa Station) จากนั้นขึ้นรถบัสท้องถิ่น Minami Echigo Bus ที่มุ่งหน้าไปยัง Morimiya no Hara Station ลงที่ป้าย Kiyotsukyo Iriguchi แล้วเดินต่อไปอีกไม่ไกล

ผู้เขียน: hikawasa
หลังจากจบป.ตรีก็เริ่มงานในสายล่ามที่บริษัทญี่ปุ่นเช่น Satake Thailand, Hitachi Engineering & Services และรับงานล่ามให้นิตยสาร Custom Car ไปล่ามให้ตามงาน Motor Expo สักพักออกไปเรียนป.โทต่อที่ธรรมศาสตร์ ตอนทำวิทยานิพนธ์ ทาง Japan Foundation ให้ทุนนักศึกษาไปเก็บข้อมูลวิจัย ได้เห็นญี่ปุ่นในหลายมุม ปัจจุบันเป็นนักแปลฟรีแลนซ์ให้ Bongkoch Publishing, Siam Inter Multimedia Publishing, MEB Corporation ที่ทำสื่อดิจิทัลอีบุ๊คชั้นแนวหน้าของไทย และอีกมากมาย ได้โอกาสมาเป็นนักเขียนบทความท่องเที่ยวให้ AAJ ด้วย

know-before-you-go